ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนจะเข้าเรื่อง ผมออกตัวก่อนนะ คงเล่าไปเรื่อย ๆ เท่าที่จะทำได้ แต่ก็จะเล่าให้จบ แต่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไรนะ สำหรับ option series H นี้ ผมเริ่มต้นเทรดครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 51 โดยเลือกเปิด long call ที่ 290 ปฐมเหตุที่ตัดสินใจวันนั้น ก็คือว่า เล็ง ๆ SET50 สารพัดเหลี่ยมคูแล้ว เดาว่าโอกาสวิ่งขึ้นมีมากกว่า หลังจากได้สัญญานี้มาครอบครองแล้ว SET50 มันก็วิ่งต่อจริง ๆ วิ่งไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 348.29 ในวันที่ 6/1/09 แล้วหลังนั้น ก็เริ่มทิ้งตัวลง จนกระทั้งวันที่ 8/1/09 หลังจากเล็งเลี่ยมคูอีกครั้ง ก็เริ่มไม่มั่นใจว่ามันจะตีกลับขึ้นไปได้ ก็เลยตัดสินใจเปิด short call ไปที่ 330 เพื่อทำการ ชักทุนคืนมาส่วนหนึ่งก่อน (ประมาณเกือบ 60% ของ long call ก่อนหน้า) ขยายความตรงนี้ ก็คือว่า ถ้าผมเปิด long call ด้วยเงิน 100 ผมก็มา short call ได้เงินกลับคืนมา 60 ดังนั้น จึงยังเหลือทุนอีก 40 โดยถ้า SET50 สามารถตีกลับ แล้ววิ่งขึ้นต่อไปอีก ไม่ลงต่ำกว่า 330 จนหมดอายุ ผมก็จะได้เงินเพิ่มอีก 330-290=40 จุด ในขณะเดียวกัน ถ้ามันลงต่ำกว่า 290 ผมก็จะขาดทุนแค่ 40% ของเงินที่ใช้เปิด long call ถึงตอนนี้ดู ๆ แล้วก็ยังถือว่าไม่เสียรูปมวย เพราะวันนั้น SET50 ปิดที่ 328.25 ยังถือแต้มต่อ อยู่อีก 48.25 จุด => คำนวณผิดครับ ที่ถูกต้องคือ 328.25-290=38.25 จุด ง่วงละ ไปนอนก่อนล่ะคร้าบบบ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 23:55:25 จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 24 มี.ค. 52 00:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาแจม เดือนนี้ไม่น่าเชื่อครับ LC300 ที่ซื้อไว้เล่นๆ ที่ 1.70 บาท จะงอกเงยเป็น เกือบ 7 บาทแระ เสียดายที่มี สัญญาเดียว รู้งี้ รู้งี้ 5 5 5 สัญญาแพงขาดทุนกระจาย แต่ก็เริ่มจะเข้าใจอะไรมากขึ้นล่ะ series ที่แล้วขาดทุนมหาศาล เพราะมั่นใจเกินเหตุ ตอนนี้ก็ต้องแก้ port ไปอีกนานเลย แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 07:25:26 จากคุณ : Mr.Eiji - [ 24 มี.ค. 52 07:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มานั่งอ่านก่อน .......................... จากคุณ : phus - [ 24 มี.ค. 52 09:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ชงกาแฟ มาแถวหน้าเลยครับ พี่แมลงเม่า จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 24 มี.ค. 52 09:55:22 A:125.27.167.34 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากร่วมแจม การขาดทุนด้วยคน แต่รอให้พี่แมลงเม่าเล่าให้จบก่อนดีก่า อิอิ จากคุณ : ยิปซีร่อนเร่ - [ 24 มี.ค. 52 10:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พี่แมลงเม่าทนไฟครับ ถ้าไม่ติดอะไร ขอค่า premium ด้วยได้ไหมครับ อยากจะได้หัดคิดเลขตามไปด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 24 มี.ค. 52 16:50:41 A:125.27.163.122 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กลับมาอ่านย้อนอีกที ปรากฎว่าตัวเลขคิดเลขผิดใน คห.2 ขึ้นไปแก้ไขใหม่แล้วนะครับ ส่วนที่พี่ดอกไม้ขอ ผมไม่มีปัญหาครับ จัดให้เลย 25/12/08 long call 290@35 8/1/09 short call 330@20 action ถัดมาคือวันที่ 14/1/09 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาการเมาหมัดล่ะ แต่คงต้องขอผลัดไปก่อนนะครับ วันนั้น ทำรายการไปทั้งหมด 4 ครั้ง คงต้องขอเวลาไปย้อนดูกราฟ เรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน ส่วนพี่ยิบซี ถ้าต้องการร่วมเปิดเผยความล้มเหลวกับผม ก็ลุยได้เลยนะครับ ไม่ต้องรอผมหรอก เพราะผมก็ไม่รู้ว่า จะเล่าให้จบได้เมื่อไร เพราะรอบนี้ทำรายการเยอะมาก เยอะขนาดว่าต้อง ใส่เงินเพิ่มเข้าไป เพื่อที่ยังจะได้สามารถปรับ position ได้อยู่ จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังต้องปรับอยู่ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 25 มี.ค. 52 00:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับพี่แมลงเม่า เมื่อคืนลองนั่งตามตัวเลขดู เพราะมีข้อมูลเก่าบางวันอยู่ครับ เดาไว้แค่ประมาณ 33 กับ 21 ของพี่ spread ตั้ง 15 แน่ะ นั่งอ่านความเห็นที่ 1 ของพี่ตั้งนาน แค่ความเห็นเดียว สรุปได้ว่า ผมยังมะค่อยรู้อะไรเลย คืออ่านแล้วยังต้องมานั่งไล่ตัวเลข รอฟังต่อนะครับ ชอบมากเลย จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 25 มี.ค. 52 10:37:47 A:125.27.161.12 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แฮ่ แฮ่ พูดผิดไปหน่อยครับ หมายถึง premium ห่างกัน 15 มะใช่ spread 15 มั่วเยยย จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 25 มี.ค. 52 10:39:39 A:125.27.161.12 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อครับ วันที่ 14/1/09 ผม take action ไปทั้งหมด 4 ครั้ง ดังนี้ 1. long put 330@45 2. short put 300@20 3. long call 280@32.5 4. ปิดสถานะ short call 330 ที่เปิดเมื่อ 8/1/09 โดยสรุปจากการดูกราฟ ประกอบกับการระลึกความทรงจำย้อนหลัง ก็น่าจะประมาณว่า วันนั้น มันออกอาการเหมือนจะหลุด 300 (กรอบที่ผมใช้กำหนดปรับสถานะ) ก็เลยเปิด long put แต่แล้วตอนท้ายตลาด มีการดันกลับขึ้นมา ก็เลยลังเล ว่าอาจจะไม่หลุดแล้ว ก็เลยเป็นเหตุให้เปิด short put เพื่อดึงทุนคืนมาก่อนบางส่วน แล้วก็เลยพลอยปิด สถานะ short call ที่เปิดไว้ด้วยซะเลย ส่วนที่เปิด long call 280 นั้น ก็กะว่าจะเอาไป switch กับ long call 290 คือว่าตั้งเปิด long call 280 ไว้ ถ้าได้ ก็จะไปปิด long call 290 ตอนที่มันเด้งขึ้นไป ทีนี้ปรากฎว่า ได้เปิด long call 280 แต่ดันไม่ได้ปิด long call 290 นะดิ ทั้งนี้ก็เพราะหลังจากนั้น มันดันเจือกไม่เด้งขึ้นให้ได้เห็นค่า premium ที่ 35 อีกเลย ถึงตรงนี้เริ่ม ไม่เป็นไปตามที่วางหมากไว้ละ วันนี้ย้อนกลับมาทบทวนดู ก็พบข้อผิดพลาดคือ 1. ไม่สมควรปิด short call 330 หากต้องการทำ switching long call 280 กะ 290 2. เมื่อปิด short call 330 แล้ว ไม่ควรเลือกการทำ switching long call 280 กะ 290 ส่วนว่าทำไมผมถึงคิดแบบนี้ ไว้มาต่ออีกทีนะครับ วันนี้ หมดแรงแร่ววววว จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 26 มี.ค. 52 00:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จากกระทู้ ที่โพสโดย คุณเสี่ย " spread trading เป็นการเทรดที่ทำเงินได้ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด " หลังจากจบบริหารธุรกิจที่ UCLA (U. of California at Los Angeles) คุณลุง Joe Ross ก็เข้าสู่สนามรบด้วยการเทรดดัชนีตลาดหุ้นและค่าเงิน จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในยุโรปและอเมริกาว่า ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน spreads และ options on futures มากที่สุด ในเว็บไซด์ของท่าน (www.spread-trading.com) ระบุว่า ในอดีต พวกเซียนจะปิดเรื่อง Spread Trading เป็นความลับ ปล่อยให้คนส่วนใหญ่ในตลาดเป็นผู้แพ้ในวัฏจักร zero-sum-game เนื่องจากกลยุทธ์ spread trading สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลบานตะไท จากประสบการณ์การเทรดมายาวนานของคุณลุง Joe Ross ท่านเปิดเผยว่า spread trading เป็นการเทรดที่ทำเงินได้ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด มือโปรฯ ส่วนใหญ่ใช้ spread ในการทำกำไรทั้งสิ้น และท่านตบท้ายด้วยการฟันธงว่า นี่เป็นอาวุธที่สุดยอดสำหรับมือใหม่และสำหรับผู้มีเงินลงทุนน้อย ทำไมท่านจึงกล่าวเช่นนั้น เราจะตามไปดู “Futures spread trading is probably the most profitable, yet safest way to trade futures. Almost every professional trader uses spreads to optimize his profits. Trading spreads offers many advantages which make it the perfect trading instrument, especially for beginners and traders with small accounts” ความเสี่ยงต่ำ จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ท่านแนะให้มือใหม่เทรด Spread ก็คือ ความเสี่ยงต่ำ เพราะไม่ว่าระดับราคาจะขึ้นพรวดๆหรือดิ่งลงรุนแรงแบบวันที่ 19 ธันวา จากมาตรการฯ ของแบ็งค์ชาติ เราก็จะไม่ถูกโบรกฯบังคับขายตามกฎตลาดฯ หรือ ไม่ถูกตามให้เติมเงินประกันฯ เพราะเมื่อเกิด big move ทางใดทางหนึ่ง กำไรอย่างมากจากฝั่งหนึ่งจะชดเชยขาดทุนอย่างมากจากอีกฝั่งหนึ่งไปโดยปริยาย และเนื่องจากความเสี่ยงต่ำแบบนี้เอง ตลาด Futures ทั่วโลก จึงกำหนดเงินวางประกันต่ำเป็นพิเศษ เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 25%-50% ของเงินประกันในสัญญา Futures ทั่วไป หรือที่นักวิเคราะห์ชอบเรียกในสิ่งที่เราได้ยินแล้วจะไม่เข้าใจว่า outright futures contract กำไรงาม เนื่องจากใช้เงินประกันสัญญาต่ำกว่านี่เอง Spread trading จึงให้อัตราผลตอบแทนจากการเทรดสูงกว่า เมื่อเทียบกับ outright positions . ขณะเดียวกัน ก็ยังทำหน้าที่ปิดขาดทุนโดยอัตโนมัติ โอนถ่ายความเสี่ยงไปมาระหว่างกันตลอดเวลา ทำให้ในกรณีเลวร้ายสุด Spread Traders ก็แค่เจ๊า (ในกรณีเกิด big move ในตลาด) โดยโอกาสที่จะขาดทุนนั้น ต่ำมาก ไม่ค่อมเทรนด์ อ้าว แล้วถ้าตลาดไม่เคลื่อนตัวในลักษณะ Big move ล่ะ จะทำกำไรยังไง ผมสงสัย งงๆ ก็เลยรีบเมลล์ไปหา Alan Chauo เฮียแกเทรดสินค้าเกษตรล่วงหน้าที่ฮ่องกง แหม โชคดี เฮียอ่านภาษาอังกฤษของผมเข้าใจด้วย ก็ใจดีนะ ตอบเมลล์มาพร้อมเอากราฟของจริงมาให้ดู โห เขียนบรรยายประกอบซะยาวเชียว ใช้เวลาตั้งนาน กว่าผมจะแปลจบ แหะๆ “เวลาคนส่วนใหญ่เห็นมันปรับขึ้น ก็เก็งกำไรว่าจะขึ้น จึงเปิดสถานะ long . พอ long เสร็จ ราคากลับปรับลง แล้วก็ลง แล้วก็ลงต่อเนื่อง ก็กลัวว่าจะลงยาว เลยปิดสถานะยอมขาดทุน แล้วมาเปลี่ยนเป็น short .. อ้าว พอ short มันเด้งขึ้น แล้วก็ขึ้น แล้วก็ขึ้นต่อเนื่อง ก็กลัวว่าจะโดนบังคับขาย เอาล่ะ มันขึ้นยาวแน่ เลยปิดสถานะยอมขาดทุน แล้วมาเปลี่ยนเป็น long position แต่ไฉน พอ long ปุ๊ป มันลงปั๊ป ค่อมเทรนด์ตลอด ” จากนั้น เฮียแกก็โชว์กราฟ แล้วแกให้สังเกต ว่าปกติ Corn Futures Contracts 2 series นี้ จะขนานกันไปด้วยความถ่างเท่านั้นเท่านี้ แต่พอมาถึงสัปดาห์นี้ Corn ส่งมอบเดือน ก.ค. มันห่างจาก Corn ส่งมอบเดือน ธ.ค. เป็นโยชน์ แกเลยได้จังหวะ Intra-market Calendar Spread Trading ด้วยการ “Long July Corn Futures พร้อมๆกับ Short December Corn Futures” จากนั้น เฮียแกก็โชว์อีกกราฟนึง แต่ เอ คราวนี้ มันตีบจัง Soybeans ส่งมอบล่วงหน้า เดือน พ.ค. กับ เดือน ก.ค. กำลังจะมาเป็นเส้นเดียวกันแล้ว ยังไม่ทันได้คิด ก็แอบไปเห็นเฮียเฉลยเสียก่อน “Short May Soybeans Futures พร้อมๆกับ Long July Soybeans Futures” เฮียแกอธิบายว่า Spread Trading ทำให้แกไม่ต้องนั่งเฝ้าว่าราคาจะขึ้นหรือลง แต่แกจะให้เวลากับมันระยะหนึ่งในการปรับตัวเข้าสู่ภาวะดุลยภาพตามกลไกตลาด (ขอเสริมนิด . แต่ถ้าถือสถานะฝั่งเดียวแบบ outright ต้องนั่งเฝ้าหรือ limit loss โดยไวนะครับ ไม่งั้น โดนโทรตามให้ไปเติมเงินแน่) Arbitrage Pricing Model ระดับราคาดุลยภาพที่เฮียแกอธิบาย จริงๆแล้ว Hedge Fund ก็ใช้เป็นในการเก็งกำไรในตลาดการเงินระหว่างประเทศเหมือนกัน เรียกว่า Arbitrage Pricing Model - ส่วนต่างที่เกิดขึ้นเมื่อปรับตัวตามกลไกตลาดคือโอกาสในการทำกำไรใน Spread . ซึ่ง concept นี้เอง นำไปสู่การเคลื่อนย้ายเงินระหว่างตลาดอย่างรวดเร็ว เพื่อทำ Spread Trading ในลักษณะต่างๆ เช่น long Futures ของหุ้นธนาคารที่อ่อนแอที่สุด พร้อมๆกับ short Futures ของหุ้นธนาคารที่แข็งแรงที่สุด หรือ อาจจะเข้าไปทำ Inter-market Spread Trading ด้วยการ Short May Wheat Futures พร้อมๆกับ Long May Soybeans Futures รวมทั้ง การทำ Inter-exchange Spread Trading ด้วยการ Long July Wheat Futures ที่ตลาด Chicago (CBOT) พร้อมๆกับ Short May Wheat Futures ที่ตลาด Kansas (KCBOT) ก็ถือเป็นการประยุกต์ใช้ Arbitrage Pricing เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 52 09:13:26 จากคุณ : Mr.Eiji - [ 26 มี.ค. 52 09:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Long Straddle Strategies โดย คุณเสี่ย http://www.bbznet.com/scripts/view.php?user=fanhoon&board=1&id=1&c=1&order=numreply ถ้าคาดการณ์ว่าหุ้นจะขึ้นชัวร์หรือลงชัวร์ ก็คงไม่ยุ่งยากลำบากใจ แต่ในบางสถานการณ์ มันยากต่อการตัดสินใจจริงๆนะ หวยออนไลน์ก็ดี บริษัทออกจากแผนฟื้นฟูกิจการก็ดี การได้รับอนุมัติในโครงการสำคัญต่างๆก็ดี การได้รับอนุมัติให้ขึ้นราคาน้ำตาลก็ดี ปัญหาสัมปทานก็ดี ล้วนมีผลให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างแรงหรือร่วงลงอย่างเร็วได้เสมอ เช่น บริษัทอยู่ระหว่างการถูกฟ้องร้องซึ่งเสี่ยงต่อการล้มละลายฉับพลัน หรือ ต้องถูกถอดถอนออกจากตลาดในที่สุด ไปถามผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายกี่คนกี่คน ก็ตอบเหมือนกันยังกะนัดกันมาว่า “โอกาสชนะหรือแพ้พอๆกัน” ครั้นจะซื้อหุ้น ณ ขณะนี้ ก็ก้าวร้าวไปนิด เพราะหุ้นจะร่วงระนาวเลยล่ะ หากในที่สุด ผลออกมาว่าบริษัทแพ้คดี แต่ครั้นจะรอคำพิพากษาชัดๆ ก็ต้องไล่ซื้อในราคาแพงลิบลิ่วเชียวล่ะ หากผลออกมาว่าบริษัทชนะ เอางี้แล้วกัน ใช้เงินน้อยกว่า ล็อคราคาซื้อ ล็อคราคาขาย กันล่วงหน้า เพื่อล็อคกำไรซะแต่วันนี้เลย ด้วยตราสาร Options .. ไม่ว่าผลคดีจะออกมายังไง หากราคาหุ้นวิ่งขึ้นแรงหรือราคาหุ้นดิ่งลงระนาวกราวรูด เราก็ได้กำไรทั้งนั้นแหละ ยกเว้น พลิกล็อคจริงๆ ในลักษณะที่ว่า คำพิพากษาออกมาแล้ว เช่น ชนะคดี หรือ ศาลสั่งล้มละลาย แต่ปรากฏว่า หุ้นไม่เคลื่อนไหวเลยหรือเคลื่อนไหวแคบๆ ก็ต้องจำใจก้มหน้าก้มตา เสีย ค่า Premium ไปฟรีๆ กลยุทธ์ที่เราใช้เมื่อคาดการณ์ว่า หุ้นหรือดัชนี ไม่ขึ้นแรงๆก็จะดิ่งลงโครมๆ พวกผู้จัดการกองทุนของต่างชาติ เขาจะสั่งเทรดเดอร์ด้วยคำว่า “Long Straddle” คราวนี้ ก็เป็นหน้าที่ของเทรดเดอร์แล้วครับที่จะต้องรีบเข้าไป Long Call Option พร้อมๆกับ Long Put Option ในหุ้นนั้นหรือในดัชนีตลาดนั้นๆ ที่มีราคาใช้สิทธิเท่ากัน เราจะไปดูว่า Long Straddle ทำกำไรงาม พร้อมทั้งปกป้องความเสี่ยงได้อย่างไร ที่ตลาดญี่ปุ่น มีหุ้นอยู่ตัวนึง พื้นฐานดี และเคลื่อนไหวแต่ละที มีผลต่อดัชนีตลาดมาก หุ้นตัวนี้ วิ่งขึ้นมาจาก 200 บาท และไปทำ high ที่ราคา กว่า 300 บาท อย่างรวดเร็ว ถึงบุญจะมี แต่กรรมก็เข้ามาบังจนได้ เมื่อวันหนึ่ง มีเรื่องฟ้องร้องสำคัญ ซึ่งบริษัทอาจถูกปรับจำนวนมหาศาลถึงขั้นล้มละลายได้ ความกังวลใจทำให้นักลงทุนขายหุ้นทิ้งจนราคาลงมาต่ำ ไม่ว่าเราจะขายหุ้นตัวนี้ขาดทุนไปแล้ว หรือเล็งจะซื้ออยู่ก็ตาม ก่อนจะเสี่ยงใดๆเพิ่มเติม เราอาจใช้ Long Straddle เพื่อช่วยชะลอการตัดสินใจซื้อหุ้น และ ชะลอการจ่ายเงินก้อนโตซื้อหุ้น ด้วยการจ่ายเพียงค่า premium ในการเข้าซื้อ Options ในหุ้นหรือใน Index แทน ขณะนี้ Call Option ในหุ้นตัวนั้น ที่มีราคาใช้สิทธิ 260 บาท และครบกำหนดอายุเดือน มิ.ย. ซื้อขายกันที่ 11 บาท ขณะที่ Put Option ในหุ้นตัวนั้น ที่มีราคาใช้สิทธิ 260 บาทและครบกำหนดอายุเดือน มิ.ย. เช่นกัน ซื้อขายกันที่ 14 บาท การทำ Long Straddle ด้วยการ Long Call และ Long Put จึงมีค่า premium มาเกี่ยวข้องทันทีที่ทำธุรกรรม 25 บาท จากตารางข้างล่างนี้ จะเห็นว่า หากผลการตัดสินออกมาแล้ว บริษัทถูกปรับมหาศาล ยิ่งหุ้นร่วง เรายิ่งได้กำไร เพราะเราล็อคราคาขายไว้ล่วงหน้าแล้วที่ 260 บาท ส่วนราคาซื้อล่วงหน้าที่ล็อคไว้ เราจะเพิกเฉยไม่ไปใช้สิทธิ เพราะหากยังอยากจะซื้อหุ้นบริษัทที่กำลังจะล้มละลายจริงๆ ซื้อในกระดานก็ได้ ถูกจะตาย ซื้อได้ไม่อั้น ในทางตรงข้าม หากผลการตัดสินออกมาแล้ว บริษัทรอดจากการถูกปรับมหาศาล หุ้นที่ร่วงมาก่อนหน้านั้นเพราะความกังวล จะถูกไล่ซื้อแบบตื่นตูมโครมคราม และเราจะได้ประโยชน์จากการที่เราล็อคราคาซื้อไว้ล่วงหน้าแล้วที่ 260 บาท ส่วนราคาขายล่วงหน้าที่ล็อคไว้ เราจะเพิกเฉยไม่ไปใช้สิทธิ เพราะหากยังอยากจะขายหุ้นอยู่ เราสามารถใช้สิทธิแลกซื้อ 260 แล้วมาวาง offer ขายในกระดานที่ราคาตลาดก็ได้ ขายได้แพงกว่า และในกรณีพลิกล็อค ผลคดีออกมา ราคาไม่ขึ้นไม่ลง เราก็เสียเฉพาะค่า premium ซึ่งเป็น sunk cost อยู่แล้ว กลยุทธ์นี้ มันดีจริงๆ กำไรได้ไม่อั้น หาก Long strip แล้ว ราคาหุ้นวิ่งเหนือ 285 หรือ ต่ำกว่า 235 ขณะที่ขาดทุนสูงสุดก็แค่ค่า Premium stock premium premium x call put กำไร/ call put price ขาดทุน 320 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 35 315 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 30 310 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 25 305 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 20 300 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 15 295 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 10 290 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 5 285 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ 0 280 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ -5 275 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ -10 270 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ -15 265 -11 -14 260 ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ -20 260 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ไม่ใช้สิทธิ -25 255 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ -20 250 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ -15 245 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ -10 240 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ -5 235 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 0 230 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 5 225 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 10 220 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 15 215 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 20 210 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 25 205 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 30 200 -11 -14 260 ไม่ใช้สิทธิ ใช้สิทธิ 35 ในหลักการเดียวกันนี้ บางกองทุนยังนำไปประยุกต์ใช้ในลักษณะของการเก็งกำไรได้เช่นกัน กรณีที่ผู้จัดการกองทุน วิเคราะห์ว่า โอกาสขึ้นมากกว่าลง หรือ หากลง จะลงไม่มาก แต่หากขึ้น จะขึ้นได้มากกว่า แกก็จะสั่งเทรดเดอร์ว่า “Long strap” เทรดเดอร์ก็จะรีบจัดการให้ทันที ด้วยการ Long Call Option พร้อมๆกับ Long Put Option ในหุ้นนั้นหรือในดัชนีตลาดนั้นๆ ที่มีราคาใช้สิทธิเท่ากัน ในสัดส่วน 2 Call: 1 Put (จากตัวอย่างเดิม กำไรจาก Long strap จะเกิดขึ้น เมื่อราคาหุ้นวิ่งเหนือ 278.50 หรือ ต่ำกว่า 223.0 ขณะที่ขาดทุนสูงสุดแค่ค่า Premium) แต่หากสถานการณ์ใดที่ผู้จัดการกองทุน วิเคราะห์ว่า โอกาสลงมีมากกว่าโอกาสขึ้น หรือ หากขึ้น ก็จะขึ้นไม่มาก แต่หากลง จะลงได้มากกว่า แกก็จะสั่ง “Long strip” ซึ่งหมายถึงการ Long Call Option พร้อมๆกับ Long Put Option ในสัดส่วน 2 Put: 1 Call นั่นเอง (จากตัวอย่างเดิม กำไรจาก Long strip จะเกิดขึ้น เมื่อราคาหุ้นวิ่งเหนือราคา 301.0 หรือ ต่ำกว่า 239.5 ขณะที่ขาดทุนสูงสุดแค่ค่า Premium) จากคุณ : Mr.Eiji - [ 26 มี.ค. 52 09:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Long in Option Contracts: Limited Loss, Unlimited Gain จากกระทู้ ที่โพสโดย คุณเสี่ย http://www.bbznet.com/scripts/view.php?user=fanhoon&board=1&id=4&c=1&order=numreply ปีหน้า Google จะปฏิวัติวงการโฆษณาวิทยุครั้งใหญ่ ด้วยการออกโครงการ Google Radio Ads แหม เจ้าพ่อโฆษณาออนไลน์จะกระโดดมาลุยโฆษณาวิทยุแบบนี้ หุ้นก็น่าจะขึ้นใช่ไหมครับ แต่ที่เทรดอยู่ตอนนี้ มันปาเข้าไปตั้ง $440 เหรียญต่อหุ้น เงินไม่มีอ่ะ กว่าเงินโบนัสปลายปีจะออก ผมคงต้องไปตามซื้อที่ราคากว่า $500 หรือ $600 แน่ ทำไงดี ซื้อตอนนี้มันน่าจะทำกำไรได้ดีเชียว (เหตุการณ์และตัวเลขสมมุติ) ทางเลือกหนึ่ง ผมอาจจะไปขอ “ซื้อสิทธิ” ที่จะ “ซื้อ”หุ้น Google 100 หุ้น (“Long” “Call” Options on GOOG) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (expiration date) ที่ให้สิทธิในการซื้อ (Strike price, Exercise price, x-price) หุ้น GOOG ในราคา $460 ต่อหุ้น ก็ได้ และเนื่องจากตราสารอนุพันธ์ประเภท Options ต่างจากตราสารอนุพันธ์ประเภท Futures ตรงที่ Options ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการที่จะเลือกได้ว่าจะซื้อหรือขายตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ ผมจึงต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้ สิทธิที่จะเลือก นั้นมา (ค่า Premium) . เมื่อเวลาผ่านไป หากหุ้น GOOG ปรับตัวขึ้นสูง ผมอาจจะขายสิทธินั้นให้ผู้อื่นก็ได้ หรือ จะรอลุ้นในวันครบกำหนดใช้สิทธิก็ได้ หาก ณ วันใช้สิทธิ ราคาในกระดานของ GOOG ต่ำกว่าคาด ผมก็จะเข้าซื้อในกระดานแทน แล้วปล่อยให้สิทธินั้นหลุดลอยไป (expire) แต่หาก GOOG มีราคาในกระดานสูงมาก ผมก็จะใช้สิทธิด้วยการจ่ายเงินซื้อในราคาเพียงหุ้นละ $460 แล้วรีบวิ่งสั่งขายทำกำไรทันทีในกระดาน รวยฉับพลัน! ตลาดอนุพันธ์ของไทย ก็กำลังจะออก SET50 Index Options เหมือนกัน ผมมีหุ้นบลูชิพอยู่ 15 ตัว มูลค่า 10 ล้านบาท (สมมุติว่าผมรวย) แต่ในใจก็หวั่นๆว่า ต่างชาติจะเข็ดขยาดกับมาตรการ Black Tuesday ของแบ็งค์ชาติ ด้วยการขายหุ้นทิ้งโครมๆลงมาเป็นร้อยจุด ซึ่งพอร์ตจะเสียหายมหาศาล แต่ครั้นจะขายขาดทุนในหุ้นบลูชิพที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คงไม่ดีแน่ เพราะความหวั่นๆของผม ยังคงเป็นแค่การมั่วนิ่ม เอางี้ดีกว่า ผมจะไปขอ “ซื้อสิทธิ” ที่จะ “ขาย” SET50 Index ในอีก 3 เดือนข้างหน้าไว้ก่อน (“Long” “Put” Options on SET50 Index) อย่างน้อย เรากำหนดระดับราคาที่จะขายไว้ล่วงหน้าแล้ว หาก SET50 ปรับลงจริง จะได้มีกำไรจากการที่หุ้นตกมาชดเชยความเสียหายในพอร์ตได้มั่ง ในทางตรงข้าม หากตลาดปรับขึ้นแรง ผมก็จะปล่อยให้ Put Options นั้นหมดอายุ ไม่รู้จะไปใช้สิทธิทำไม มาตั้งหน้าตั้งตาทำกำไรล็อตใหญ่จากการขายหุ้นในพอร์ตน่าจะดีกว่า สำหรับสนามเทรดจริง หากพิจารณาตามลักษณะของสัญญาที่จับคู่ซื้อขายแล้ว จะประกอบไปด้วย Position ที่เกิดขึ้นในตลาด Options มากถึง 4 positions ซึ่งมีทั้ง Long Call (“ซื้อสิทธิ” ที่จะ “ซื้อ”), Long Put (“ซื้อสิทธิ” ที่จะ “ขาย”), Short Call (“ขายสิทธิ” ที่จะ “ซื้อ”), Short Put (“ขายสิทธิ” ที่จะ “ขาย”) แต่ในเบื้องต้น เราจะเน้นไปที่ Long Position เป็นสำคัญ (Long Call & Long Put) เนื่องจาก การมีสถานะ “Long” ใน Options ให้สิทธิประโยชน์อย่างมากกับผู้ถือ เนื่องจากมีลักษณะของ Limited Loss, Unlimited Gain หากผู้ถือเห็นว่าตนได้ประโยชน์ ก็เลือกที่จะใช้สิทธิ หากเห็นว่าตนเสียประโยชน์ ก็จะปล่อยให้ตราสารนั้นหมดอายุไป กรณีที่เรา “Long” “Call” on KSL (KSL = หุ้นน้ำตาลขอนแก่น) ที่มี Exercise price ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ในราคา 10 บาทต่อหุ้น . เมื่อถึง expiration date ปรากฏว่า KSL อยู่ที่ 12.60 บาท เราก็จะทำการขอใช้สิทธิด้วยการจ่ายเงินซื้อเพียง 10 บาทต่อหุ้น แล้วนำหุ้นมาขายทำกำไรในกระดานที่ราคา 12.60 บาท และยิ่งราคา KSL สูงขึ้นเท่าใด กำไรที่ได้จาก Long Call ก็มากขึ้นเท่านั้น เป็นเงาตามตัว (Potential Upside Gain) . แต่หาก ณ expiration date ปรากฏว่า KSL อยู่ที่ 9.40 บาท เราก็จะไม่ใช่สิทธิซื้อ KSL ที่ราคา 10 บาท เพราะหากยังต้องการซื้อ KSL อยู่ ก็ย่อมสามารถซื้อหุ้นได้ในกระดานที่ราคาเพียง 9.40 บาท เมื่อเราปล่อยให้ตราสารหมดอายุไป ความเสียหายของเราจริงๆจึงถูกจำกัดไว้เพียงค่า premium ที่เราจ่ายซื้อสิทธิในการที่จะซื้อหุ้น KSL (Limited Downside Risk) กรณีที่เรา “Long” “Put” on ASCON (ASCON = บริษัทแอสค่อน คอนสตรัคชั่น) ที่มี Exercise price ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ในราคา 14 บาทต่อหุ้น . เมื่อถึง expiration date ปรากฏว่า ASCON อยู่ที่ 9 บาท เราก็จะทำการขอใช้สิทธิด้วยการรับเงินค่าขายหุ้นในราคา 14 บาทต่อหุ้น แล้วเอาหุ้นในพอร์ตส่งมอบคู่สัญญาไป หรือ ในกรณีที่เราไม่มี ASCON อยู่ในพอร์ต เราก็สามารถซื้อหุ้นในกระดานที่ราคา 9 บาท ไปส่งมอบคู่สัญญา และคู่สัญญาจะจ่ายค่าซื้อหุ้นจากเราในราคา 14 บาท ตามที่ตกลงกันไว้ ยิ่งราคา ASCON ต่ำลงเท่าใด กำไรที่ได้จาก Long Put ก็จะมากขึ้นเท่านั้น เป็นเงาตามตัว (Potential Upside Gain) . ในทางตรงข้าม หาก ณ expiration date ปรากฏว่า ASCON อยู่ที่ 15 บาท เราก็จะไม่ใช่สิทธิขาย ASCON ที่ราคา 14 บาท เพราะเราสามารถเลือกที่จะขายหุ้นในกระดานได้ที่ราคา 15 บาท เมื่อเราปล่อยให้ตราสารหมดอายุไป ความเสียหายของเราจริงๆจึงถูกจำกัดไว้เพียงค่า premium ที่เราจ่ายซื้อสิทธิในการที่จะขายหุ้น ASCON (Limited Downside Risk) หากจะซื้อหุ้น ทองคำ หรือ SET50 ด้วยคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นสูง แต่ยังไม่แน่ใจหรือยังไม่อยากจ่ายเงินก้อน ณ เวลานี้ อย่าลืม Long Call เพื่อล็อคราคาซื้อของเราไว้ก่อนนะครับ และ หากจะขายหุ้น ทองคำ หรือ SET50 ด้วยคาดการณ์ว่าราคาจะปรับลง แต่ยังไม่แน่ใจหรือยังไม่ขายทันที ณ เวลานี้ อย่าลืม Long Put เพื่อล็อคราคาขายของเราไว้ก่อนนะครับ และถ้าตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทยซึ่งกำลังร่างกฎกติกาในการเทรด Options อยู่ในเวลานี้ อนุญาตให้เราใช้สิทธิใน Options ได้ก่อน expiration date ก็จะยิ่งเพิ่มความคล่องตัวในการทำกำไร ให้เรามีโอกาสล็อคผลกำไรที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน ระหว่างสัปดาห์ ระหว่างเดือน ได้ดียิ่งขึ้น จากคุณ : Mr.Eiji - [ 26 มี.ค. 52 09:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขออนุญาต  คุณเสี่ย ที่มาลงในกระทู้นี้ครับ เพราะอยากรวบรวม ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ ให้กับผู้ที่สนใจได้อ่านกันครับ จากคุณ : Mr.Eiji - [ 26 มี.ค. 52 09:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากครับ คุณ แมลงเม่าทนไฟ  และ คุณ Mr.Eiji จริงๆผมกำลังออกแบบ โมเดล ตัวใหม่ใน options อยู่ซึ่งถ้าสำเร็จก็จะมาแลกเปลี่ยนเช่นกันครับ ผมคิดว่าตอนนี้ผมใกล้ความจริงในการทำ Event-Driven Spread trading และถ้าสำเร็จก็น่าจะเป็นกลยุทธ์ใหม่ของ Options เลย เพราะโดยทั่วไปแล้วเราไม่สามารถโยงเอาเหตุการณ์มาตรึงกับ Value ของตลาดได้ แต่ถ้าเราตรึง Value ให้ตามเหตุการณ์อันมากมายของตลาดได้ เราก็จะได้กลยุทธ์การเทรด Options พวกฝรั่งสู้พวกเราไม่ได้แน่นอน :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 26 มี.ค. 52 14:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ โอ้ววว งั้นต้องช่วยภาวนาให้พี่มัดฯ สำเร็จไว้ ๆ จะได้มีหลักการสำหรับไว้ใช้ trade option เป็นชิ้นเป็นอัน ให้ศึกษา ทุกวันนี้ ผมอาศัยแค่เข้าใจว่า option มันทำงานยังไง แล้วก็พยายาม จำกัดความเสี่ยงของ position ให้น้อยที่สุด พยายามจะทำให้ได้ แบบเมื่อตอนสิ้นปี ที่ไม่ว่ามันจะวิ่งไปทางไหน ผมก็กำไร... จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 27 มี.ค. 52 00:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอกลับมาต่อที่ค้างไว้ตรง คห. 10 นะครับ ก่อนที่จะไปตรงนี้ ผมต้องขอย้อนกลับไป position ก่อนหน้า ซึ่งก็มีถือ long call 290@35 กับ short call 330@20 สมมติ ณ. วันที่ 14 ผมไม่ทำอะไรเลย SET50 ปิดไปที่ 306.33 ผมก็จะยังมี unrealize gain อยู่อีกประมาณ 1 จุด ทีนี้ หลังจากตัดสินใจไปอย่างนั้นแล้ว ก็จะกลายเป็นว่า ผมถือ long call290@35 long put 330@45, short put 300@25 แล้วก็ long call 280@32.5 ศิริรวม position ตอนนั้น ผมติดลบ อยู่ 21.5 (หาเรื่องแท้ ๆ) ทีนี้ถ้าวันนั้น ไม่ตัดสินใจปิด short call 330 ผมก็จะลบเพียงแค่ 1.5 จุด ซึ่งน่าจะแก้ไข ได้ง่ายกว่า 21.5 จุดเยอะมาก ทำให้การเปิด position ถัด ๆ มาเริ่มไม่ได้เป็นการวางหมาก เพื่อหวังผลสิ้นไตรมาสแล้ว แต่เป็นวางหมากเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดตรงนี้ โดย action ถัดมา เกิดในวันที่ 19/1/52 ซึ่งผมเลือกเปิด short call 310@10 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะเอามา lock down กับ long call 280 หรือไม่ก็ 290 (นี่ก็อีก เปิด position โดยที่แผนการยังไม่ชัดเจน) ถัดมาก็เป็น 23/1/09 เปิด long put 290@18.5 ด้วยกลัวว่า ถ้ามันลงจริง ไอ้ที่ลอง call จะเสียหาย ก็เลยต้องเอามาถ่วงเสีย ซึ่งที่จริงแล้ว ถ้าจะถ่วงลักษณะนี้ มันควรจะต้องไปเปิดที่สูงกว่านี้ เช่น 310 หรือ ไม่ก็ 320 (ซึ่งก็มาคิดได้ หลังจากกลับมาทบทวนนี่แหละ) ยังไม่หมดนะครับ สำหรับเดือนมกราคม ยังมีอีก 2 action ซึ่งเมื่อมาทบทวนย้อนกลับไป ก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้ว่า ช่วงนั้นมรึงเป็นอะไรนี่ เปิด position ได้ยับเยินเหลือเกิน ถ้าเปรียบกับมวย ก็ออกหมัดมั่วไปหมด ไมมีชั้นเชิงเลย หวังแต่จะเหวี่ยงหมัดน็อกท่าเดียว จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 27 มี.ค. 52 00:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาดูกันต่อว่า action ที่เหลือของเดือนมกราคม ผมทำอะไรไปอีกบ้าง 23/1/09 long put 290@18.5 เพราะรู้สึกว่าอาการตอนนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร มีแววจะถูกทิ้งลง ประกอบกับ อาการรน กังวลว่าถือ long call 2 กะ short put อีก 1 ก็กลัวว่าจะยับเยิน ลึก ๆ ก็เลยพยายามจะป้องกัน แต่ก็กลับกลายเป็นยิ่งซ้ำเติม เพราะที่สุดแล้วมันไม่โดนทิ้ง และลักษณะการเปิด position แบบนี้ ก็ไม่ใช่การป้องกันด้วย ถัดไปก็ 28/1/09 long call 290@25 อันนี้ก็ผิดอีก คือพอเห็นว่ามันยืนได้ ก็กะจะเฉลี่ย ต้นทุนที่ถือ long call ไว้ลงมา ซึ่งการจะเลือกใช้ long เฉลี่ยต้นทุนนี่ ผมคิดว่ามันควรจะเลือกใช้ ในจังหวะเวลาที่เราเห็นทิศทางชัดเจน ไม่ใช่ยังเป็น sideway แบบนี้อยู่ สุดท้าย 30/1/09 ปิด short put 300 ที่เปิดไว้ตั้งกะวันที่ 14/1/09 นี่ก็อีกแค่เห็นว่าวันนี้ มันไม่สามารถยันกลับไปยืนให้ดูดีได้ ก็เกิดระแวง ปิดเอากำไรซะก่อน ซึ่งเป็นลักษณะ เก็งกำไรทีละสัญญาแล้ว ไม่ใช่การดำเนินกลยุทธ์ วางหมาก เหมือนที่ตั้งใจตั้งแต่แรก สรุป ณ. สิ้นเดือนมกราคม ผมถือ long call 3, long put 2, short call 1 ซึ่งถ้าดูตามลักษณะ สัญญาที่ถือตอนนี้ เหมือนเป็นการวางกลยุทธ์ สำหรับรองรับการระเบิดออกด้านใดด้านหนึ่ง อย่างแรง ๆ ซึ่งมันยังไม่เห็นวี่แววเลย ส่วนถ้าคำนวณกันเป็นตัวเลขนี่ ก็ติดลบปาเข้าไปเกือบ 70 จุดละ เพิ่มขึ้นมาอีก 3 เท่าในระยะ เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน ทั้ง ๆ ที่ index วิ่งขึ้นลงรอบเดียวแค่ประมาณ 22 จุดเท่านั้น มองย้อนทบทวน แล้วมันสะเทือนใจจริง ๆ ทำไปด้ายยยยยยย แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 52 00:07:26 จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 28 มี.ค. 52 00:04:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณพี่ แมลงเม่าทนไฟ ครับ ยังตามลุ้น ตอนต่อไปอยู่นะครับ จากคุณ : Golden-Bullet - [ 30 มี.ค. 52 20:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ต่อครับ เดือนก.พ. ผม take ไปทั้งหมด 6 action เริ่มจาก 13/2/09 long call 270@35 สงสัยว่ายังคงเมาค้างมาจากเดือนที่แล้ว เพราะการพยายาม เฉลี่ย long call position ด้วยการเปิด long call เพิ่มแบบนี้ ผมว่ามันบ้าที่สุด 23/2/09 short put 300@13 + short call 300@7.5 ผ่านกลางเดือนมาได้ คงเริ่มคิดได้ละ ก็ถือว่าเป็นการปรับ position ซึ่งมันควรจะทำแบบนี้ มาตั้งนานแล้ววววว 24/2/09 long put 290@9.5 อันนี้เปิดเพราะเห็นว่ามันเปิดโดดลง แล้วเด้งกลับขึ้นไปยืน ในตำแหน่งที่ผมดูแล้วสวยถูกใจไม่ได้ ก็ถือว่ายังเสี่ยงที่จะลงต่อได้ ก็เลยต้องป้องกัน 25/2/09 short put 300@15+short call 300@5.7 ก็ยังพยายามปรับ position ต่อไป สรุปเดือนนี้ ค่อนข้างมีสมาธิดีขึ้น แต่ก็เริ่มทำใจแล้วว่า คงยากต่อการแก้ไขให้กลับมาเป็นบวกได้ แต่ก็จะขอพยายาม ปรับให้เสียหายน้อยที่สุด จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 31 มี.ค. 52 00:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รออ่านอยู่ทุกวันนะกั๊บ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 31 มี.ค. 52 15:36:50 A:125.27.162.7 X: TicketID:179642 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณที่ติดตามครับพี่ดอกไม้ฯ มีตรงไหนติดใจ ต้องการแลกเปลี่ยน เชิญได้เลยนะพี่ ก่อนจะไปต่อที่เดือน มี.ค. ขอสรุป position ณ. สิ้นเดือนก.พ. ก่อนละกัน ปรากฎว่า ณ.สิ้นเดือน ก.พ. ถือ long call อยู่ทั้งหมด 4, long put 3, short call 3 และ short put อีก 2 ซึ่งเมื่อเทียบกัยสิ้นเดือน ม.ค. แล้วถือว่าดีขึ้นเพราะติดลบน้อยลงเหลือ ประมาณ 50 จุด ทั้งนี้คิดว่า เพราะมีการถือ short เพื่อมาแก้ ในส่วนของ long มากขึ้น แม้ว่าราคาที่ short ได้ ค่อนจะต่ำไปหน่อย แต่ถ้าไม่เพิ่ม short เข้ามาเลย ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะแก้ไอ้ติดลบ 70 จุดก่อนหน้า ได้ยังไง (ในสถานการณ์ ที่ดูเหมือนจะอยู่ในช่วง sideway) จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 1 เม.ย. 52 00:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เดือน มี.ค. ครับ เบิกฤกษ์เมื่อวันที่ 9/3/09 ด้วยการ short put 300@22.5 และ short call 300@1.1 เพราะเดาว่ามันไม่น่าหลุด 280 ได้ ประกอบกับถือ long put 290 อยู่อีกตั้ง 2 สัญญา ดังนั้น ถ้ามันจะหลุดจริง ๆ ก็ยังปรับตัวได้ทัน แล้วก็เริ่มจะมั่นใจขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามันคงเล่น อยู่ระหว่าง 280-300 จนหมดเดือนแหงม ๆ และเมื่อเริ่มมั่นใจ ความคะนองก็เริ่มมากขึ้นทันที 10/3/09 ยิง short call 300@1.1 เข้าไปอีก 3 สัญญา ซึ่งการเล่นค่า premium ที่ 1 กว่า ๆ นี่ ผมเองก็เลยออกความเห็นให้พี่ยิปซีฯ ไปว่า ไม่ควรจะเล่น แต่ในที่สุด ผมก็ดันมาเล่นเอง เฮ้ออออ พอวันที่ 11/3/09 ตอนเช้าตลาดเปิดกระโดดขึ้นไป แต่ที่สุดแล้วก็โดนเทลงมา ช่วงท้ายตลาด เห็นท่าไม่ดี (เพราะดูกราฟ intra day) ก็เลยบ้าจี้เปิด short call 260 ไปอีก 2 สัญญา ด้วยอารมณ์ประมาณว่ามั่นใจมากว่า ลงแหงม ๆ แต่ที่ไหนได้ อีก 2 วันถัดมา 13/3/09 ตลาดเปิดกระโดด แล้วก็ดันขึ้นไปทำ high ทั้งวันเลย ทีนี้ก็กลัวล่ะดิ ในที่สุดก็ตัดสินใจ เปิด long call 270@21.9 ซึ่งแทนที่จะเปิดให้ได้สัก 2 สัญญา เพื่อที่จะมาลดความเสียหาย ไอ้ที่ short call 260 ไว้ ก็ดันเลือกเปิดแค่สัญญาเดียว ก็ด้วยว่ายังเข้าข้างตัวเองอยู่ว่า มันอาจจะลงมา สรุปผ่านไปอีกครึ่งเดือน มาเช็คดู position กลายเป็นว่าไอ้ที่พยายามจะเปิดสัญญาเพื่อ ลดความเสียลงมาอีก กลับกลายเป็นว่า ซ้ำเติมจากเมื่อเดือนที่แล้วขึ้นมาอีก 10 กว่าจุด กลายเป็นว่าติดลบเพิ่มมาอยู่ที่ 60 กว่าจุด จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 3 เม.ย. 52 23:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โค้งสุดท้าย เริ่มยอมรับความเป็นจริง ไม่พยายามจะทำให้ตีกลับขึ้นไปลบน้อย ๆ จนถึงกับ ติดบวกเลยละ คงเหลือแต่พยายามลดความเสียหายลงมาอีกสักนิดสักหน่อยก็ยังดี ว่าแล้ว 17/3/09 เห็นมี bid put 280@1.5 ก็เลยทิ้งให้ไป ไม้นี้ก็มาช่วยลดลงไปได้ 1.5 จากแทนที่จะติดลบ new high ไปที่ 75.5 ก็เหลือ 74 เห็นตัวเลขแล้วก็เศร้า แต่ก็ยังปลอบ ตัวเองว่า เอาวะ save มาได้อีก 300 บาท จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 3 เม.ย. 52 23:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถัดมาเป็นวันที่ 20/3/09 เห็นมี bid put 300@5 อยู่ ไอ้เราก็คิดว่าน่าเสี่ยง เพราะดูอาการแล้ว น่าจะปิดใกล้ ๆ 300 ก็น่าจะพอได้ส่วนต่างสัก 2-3 จุด ก็เลยทิ้งไปให้ สรุปวันนี้ SET50 ปิดไปที่ 298.86 บวกลบคูณหาร position ในมือแล้วให้รู้สึกดีใจเป็นยิ่ง เพราะว่ามันติดลบเหลือแค่ประมาณ 40 จุด น้อยที่สุดตั้งกะพยายามมา ขอบคุณนายตลาด ที่ดีดขึ้นมา (แต่ก็ภาวนาว่า อย่าได้ดีดเกิน 308 นะ เพราะ short call มันจะแผลงฤทธิ์) นับจากวันนี้ ก็เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียว สำหรับ series นี้ มาลองทายกันเล่น ๆ ว่า action สุดท้ายของ series นี้ ผมทำอะไร และทำในวันไหน ใครทายถูก 1 ข้อให้ 3 กิ๊ป ทายถูกหมดทั้ง 2 ข้อ เอาไปเลย 9 กิ๊ป ปิดรับการทายก่อน เฉลยออก จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ วันจักรี 00:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาต่อแล้วครับ ขออภัยสำหรับทุกท่านที่รอติดตาม หลังจาก short put ไปวันที่ 20 แล้ว ก็เล็งแล้วเล็งอีก ไม่เห็นโอกาสให้อะไรเพิ่มได้ จนกระทั่งวันที่ 24 หลังจากดูอาการแล้ว ค่อนข้างมั่นใจว่า มันปิดเกิน 300 แหงม ๆ ว่าแล้วก็เลยโยน short put 300@1.5 ไปซะ ซึ่งถ้าจะว่าแล้ว ราคาแค่นี้ ไม่ควรจะเล่นเลยด้วยซ้ำ เพราะหลังจากหักค่าคอมฯ ที่ต้องโดนแล้ว 90.95 เป็นอย่างน้อย ก็จะเหลือให้เสี่ยงในมือเรา อีกแค่ 300-90.95=209.05 นั่นก็คือแค่ 1 จุดกว่า ๆ เอง แล้วนี่ก็ยังไม่ใช่ action สุดท้ายของรอบนี้ หุ หุ หุ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 10 เม.ย. 52 23:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เดี๋ยวผมขอไปกางตำรา เดาใจพี่แมลงเม่าทนไฟก่อนนะครับ แหะๆ แบบว่าอยากได้ กิ๊ป แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 52 18:24:10 จากคุณ : Golden-Bullet - [ 18 เม.ย. 52 18:10:18 ]

ความคิดเห็นที่ 28 หลังจากวันที่ 24 ก็เหลือ  วันที่ 25 26 27 30  มีนาคม อ่ะแฮ่ม   ผมขอทายว่า action สุดท้ายของรอบนี้  คือ  Short Call300 ที่ 8.10 วันที่ 26 มีนาคม ครับผม แบบว่าเอาใจช่วยให้พี่แมลงเม่าทนไฟ  ลดการขาดทุน น่ะครับ จากคุณ : Golden-Bullet - [ 18 เม.ย. 52 19:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แหม่...นึกว่าจะไม่มีใครทายซะละ พี่ Golden-Bullet ทายถูกแค่วัน ส่วน action ผิดครับ action ที่เหลือสำหรับรอบนี้ ก็คือ 25/3/09 Short put 300@2.5 เพราะวันนั้นยังสูงกว่า 300 อีกอย่างน้อย ๆ ก็ 2-3 และสุดท้าย 26/3/09 long call 290@19.5 เพราะเห็นว่าเปิดบ่ายมามันยืน 309 อยู่ได้นานมาก ก็เลยคาดว่า น่าจะมีการดึงขึ้นต่อ แต่ในที่สุด ก็โดนหลอก เพราะปิดวันนั้น มันดันทิ้ง ลงมาปิดที่ 306.8 ซึ่งแม้ตัวแท่งเทียนจะเปร่งประกายเขียว แต่ลักษณะของแท่งนั้นก็ ให้หวาดเสียวอยู่ในที ซึ่งที่สุดแล้ว มันก็เฉลยออกมาว่า ปิดรอบนี้ที่ 298 นิด ๆ สรุปเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สำหรับรอบนี้ โดนไปทั้งหมด 13,xxx แสดงว่าไอ้ที่พยายามทำ ไปทั้งหมดนี่ ช่วยให้ดีขึ้นจากจุดที่คิดว่าเลวร้ายที่สุด ตอนปลายเดือนมกราคมได้แค่ 3-4 จุดแค่นั้นเอง ฮ่วยยยยย รู้งี้ (ขอยืมพี่จุดมาใช้หน่อย) ไม่ทำอะไรซะเลยยังจะได้ลุ้น มากกว่าอีก จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 22 เม.ย. 52 00:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณ พี่แมลงเม่าทนไฟ ครับ ยังดีึครับ ยังทายวันถูก   ดูกราฟวันนั้นแล้ว อดคิดไม่ได้เหมือนกันครับ ว่ามันเหมือนจะไปต่อเลยครับ ผมก็เคยมีประสบการณ์คล้ายๆ อย่างนี้เหมือนกันครับ แล้วผมก็มักจะทายผิดเสมอ  คิดว่าจะไปต่อ กลับลง  คิดว่าจะลงกลับขึ้น รู้งี้ รู้งี้   จากคุณ : Golden-Bullet - [ 3 พ.ค. 52 14:36:26 ]