 |
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย > ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแบงก์ไทย
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแบงก์ไทยไตรมาส 1/2552: มีโอกาส...:ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 2 เม.ย.--ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ปีที่ 15 ฉบับที่ 2474 วันที่ 2 เมษายน 2552
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแบงก์ไทยไตรมาส 1/2552: มีโอกาสลดลงแรง ตามการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ (ฉบับส่งสื่อมวลชน)
ถึงแม้ว่าในปี 2551 ที่ผ่านมา ระบบธนาคารพาณิชย์ไทย จะรายงานผลประกอบการในรูปกำไร สุทธิจำนวน 8.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 831.6 เช่นเดียวกับส่วนต่างอัตรา ดอกเบี้ย (Net Interest Margin: NIM) ที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.45 ในปี 2550 มาที่ร้อยละ 3.62 ในปี 2551 แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าความสามารถในการทำกำไรดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อวัดจากส่วนต่าง อัตราดอกเบี้ยที่แสดงถึงธุรกิจหลักของธนาคารพาณิชย์นั้น เริ่มปรากฏสัญญาณความอ่อนแอด้วยการปรับตัวลด ลงตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ทั้งนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ที่ผ่านมา ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีกำไรสุทธิจำนวน 1.19 หมื่นล้านบาท ซึ่งแม้ว่าจะเติบโตร้อยละ 238.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากภาระใน การกันสำรองหนี้เสียที่ลดลง ตลอดจนรายได้ดอกเบี้ยและมิใช่ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยับขึ้น แต่ก็มีกำไรสุทธิที่ลดลง ร้อยละ 50.1 จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) อันเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง ตามการถีบตัวสูง ขึ้นในอัตราเร่งของรายจ่ายดอกเบี้ย โดยเฉพาะต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายจากเงินฝาก ตามการพุ่งขึ้นของยอดเงิน ฝากคงค้าง (ที่สูงกว่าการปล่อยสินเชื่อสุทธิ) อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ไทยยังต้องทยอยรับรู้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำในช่วงระหว่างปี 2551 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ รายได้ที่มิ ใช่ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวลดลง จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็นสำคัญ โดยเฉพาะค่าใช้ จ่ายด้านพนักงาน อาคาร สถานที่ และอุปกรณ์ ค่าธรรมเนียมและบริการจ่าย ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ขณะเดียวกัน ภาระในการกันสำรองหนี้เสียก็เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 99.6 มาที่จำนวน 5.2 หมื่นล้านบาท ในทำนองเดียวกัน ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรายไตรมาสของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยขยับขึ้นไป แตะระดับสูงสุดในไตรมาส 3/2551 ที่ร้อยละ 3.75 ก่อนที่จะขยับลดลงมาที่ร้อยละ 3.55 ในไตรมาส 4/2551 (ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.57) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไตรมาส 1/2552 ... มีโอกาสขยับลงชัดเจน
สำหรับในไตรมาสแรกของปี 2552 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมองว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยจะยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ดังกล่าว มีโอกาสลดลงทั้งจากไตรมาสก่อนหน้า และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2551 (QoQ) นั้น คาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะลดลงจากร้อยละ 3.55 ในไตรมาส 4/2551 มาอยู่ในช่วงประมาณร้อยละ 3.42-3.50 ในไตรมาส 1/2552 ซึ่งคิดเป็น การลดลงประมาณร้อยละ 0.05-0.13 เนื่องจากสาเหตุหลายประการที่สำคัญ กล่าวคือ
o การหดตัวของสินเชื่อ การชะลอตัวอย่างชัดเจนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศใน ไตรมาสแรกของปีนี้ (ดังจะเห็นได้จากการหดตัวของการส่งออก การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน การ ผลิตในช่วงต้นปี 2552 ตลอดจนการปรับลดกำลังการผลิตจากร้อยละ 68 ในปี 2551 มาเหลือเพียงร้อยละ 55 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552) คาดว่าจะทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนมีความต้องการสินเชื่อจากธนาคาร พาณิชย์ลดลง ปัจจัยดังกล่าว ผนวกกับความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อที่สูงขึ้นของธนาคารพาณิชย์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับโอกาสเกิดปัญหาหนี้เสียนั้น คาดว่าจะส่งผลให้สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ ไทย ณ สิ้นไตรมาส 1/2552 (ปรับผลกระทบจากการที่ธนาคารแห่งหนึ่งได้เปลี่ยนนโยบายการบันทึกบัญชี สำหรับเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทลูกมาเป็นเงินลงทุน เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว) หดตัวลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2.0 จากสิ้นปี 2551 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อจะ ชะลอลงจากร้อยละ 11.0 ณ สิ้นปี 2551 มาที่ประมาณร้อยละ 3.7-4.1 ณ สิ้นไตรมาส 1/2552 คาดการณ์สินเชื่อ-เงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นไตรมาส 1/2552 (หน่วย: พันล้านบาท ยกเว้นระบุ) 31 ธันวาคม 2551 31 มีนาคม 2552F สินเชื่อ 5,908 5,732 - 5,752 % เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน 11.0% 3.7 - 4.1% % เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อน -3.0 ถึง -2.6% เงินฝาก 6,197 6,247-6,292 % เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน 9.5% 4.0 - 4.8% % เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อน 0.8 - 1.5%
หมายเหตุ: F คาดการณ์โดยบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำหรับ ธพ.ไทย 12 แห่ง
๐ คุณภาพสินเชื่อมีโอกาสถดถอยลง การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจที่เพิ่มความไม่แน่นอน ด้านรายได้ให้กับลูกค้าธนาคารทั้งที่เป็นลูกค้าธุรกิจและลูกค้าบุคคลนั้น อาจนำมาสู่ความสามารถในการชำระ หนี้ที่ถดถอยลง จนส่งผลตามมาให้หนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลที่ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอาจขยับสูงขึ้นได้ ถึงแม้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ไทยจะตระหนักถึงความเสี่ยงด้านเครดิตมากขึ้น ตลอดจนเพิ่ม ความระมัดระวังในการดูแลและจัดการกับปัญหาหนี้แล้วก็ตาม ปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ที่ถดถอยลงดังกล่าว ผนวกกับโอกาสที่ฐานสินเชื่อของระบบ ธนาคารอาจหดตัวลงจากสิ้นปี 2551 อาจส่งผลให้สัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ ไทย 12 แห่ง ขยับสูงขึ้นมาที่ร้อยละ 5.8-6.4 ซึ่งมีกรอบบนที่สูงขึ้นจากระดับ 5.8 ณ สิ้นปี 2551 และ อาจบั่นทอนอัตราผลตอบแทนต่อพอร์ตสินเชื่อในภาพรวม
๐ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเงินฝาก เงินฝากที่ระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นไตรมาส 1/2552 อาจยังคงขยายตัวประมาณร้อยละ 0.8-1.5 จากสิ้นปี 2551 ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อนแล้ว การเติบโตของเงินฝากน่าจะชะลอลงชัดเจนจากร้อยละ 9.5 ณ สิ้นปี 2551 มาที่ประมาณ ร้อยละ 4.0-4.8 ณ สิ้นไตรมาส 1/2552 ก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจากการฝากเงินไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ไทยยัง ถือว่ามีความปลอดภัยสูง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อีกทั้งในไตรมาส 1/2552 ธนาคาร พาณิชย์ไทยหลายแห่งได้ทยอยออกโครงการเงินฝากแบบพิเศษ เพื่อรักษาฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดย เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง ได้กระตุ้นให้ผู้มีเงินออมโยกย้ายเงินออม บางส่วนไปยังทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ อาทิ สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ หุ้นกู้เอกชน และผลิตภัณฑ์กองทุน รวม
๐ สภาพคล่องมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับอัตราผลตอบแทนจากสภาพคล่องที่ลดลง การ เพิ่มขึ้นของเงินฝาก สวนทางกับการหดตัวของสินเชื่อดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้สภาพคล่องของระบบ ธนาคารพาณิชย์ไทยขยับสูงขึ้นเกินระดับประมาณ 2.0 ล้านล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/2552 จากระดับ 1.8 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากสภาพคล่องคาดว่าจะปรับตัวลดลง อย่างชัดเจน ตามการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ ที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเฉลี่ยของ ไตรมาส 1/2552 ลดลงถึงประมาณร้อยละ 1.13 จากไตรมาสก่อนหน้า
๐ แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืม แต่ผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เงินฝากยังไม่ถูกรับรู้อย่างเต็มที่ในไตรมาสนี้ แม้ว่าธนาคารพาณิชย์ไทยจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงิน ฝากและเงินให้กู้ยืมหลายระลอกในไตรมาส 1/2552 ซึ่งทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 อัตราดอกเบี้ย เงินให้กู้ยืม (MLR) ลดลงร้อยละ 0.5 จากสิ้นปี 2551 เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ลด ลงร้อยละ 0.25 และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3-24 เดือนที่ลดลงในกรอบประมาณร้อยละ 0.9-1.25 แต่ผลดีต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 1/2552 คาดว่าจะยังค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ เนื่องจากระบบธนาคารจะต้องรับรู้รายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ส่วนใหญ่ในทันที (ตามองค์ประกอบของสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยลอยตัวกว่าร้อยละ 65 ของพอร์ตสินเชื่อทั้ง หมด) ขณะที่ ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายจากเงินฝากที่ลดลงนั้น ปรากฏผลชัดเจนเพียงแค่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ออมทรัพย์ในเดือนมีนาคม 2552 และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 เดือนในเดือนธันวาคม 2551 ซึ่งเพิ่งเริ่มครบกำหนดในช่วงปลายไตรมาส 1/2552 และคงจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ไทยสามารถรับ รู้ต้นทุนที่ต่ำลงได้เพียงบางส่วนในไตรมาสนี้ ขณะที่ ธนาคารยังต้องรับรู้ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น สำหรับ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 6 เดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551 ที่จะมาครบกำหนดใน ไตรมาส 1/2552 ดังนั้น ผลดีจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างไตร มาส 1/2552 จึงน่าจะตกอยู่ในไตรมาสถัดๆ ไปมากกว่าไตรมาส 1/2552 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2551 (YoY) นั้น คาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะลดลงประมาณร้อย ละ 0.22-0.30 หรือจากร้อยละ 3.72 ในไตรมาส 1/2551 มาที่ประมาณร้อยละ 3.42-3.50 ในไตร...............
จากคุณ :
muangsombut
- [
2 เม.ย. 52 10:04:20
]
|
|
|
|
|