ณ สิ้นสุด 31 ธันยาคม 2551

(๑) ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว:
......หุ้นสามัญ 41,536.741 ล้านหุ้นๆละ 10.00 บาท (พาร์)
......หุ้นบุริมสิทธิ 1,991.997 ล้านหุ้นๆละ 10.00 บาท (พรร์)

(๒) สัดส่วนผู้ถือหุ้น 45,046.38 ล้านบาท:
......หุ้นบุริมสิทธิ 19,919.97 ล้านบาท
......หุ้นสามัญ      25,126.41 ล้านบาท (45,046.38 - 19,919.97)
......มูลค่าหุ้นสามัญ (book value) หุ้นละ 0.605 บาท

(๓) ส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นสามัญ -303,088.75 ล้านบาท

(๔) ขาดทุนสะสม -102,166.43 ล้านบาท

(๕) TMB เป็นหุ้นตัวหนึ่งใน 2 ตัวที่ไม่สามารถจ่ายปันผลได้นับตั้งแต่วิกฤติต้มย้ำกุ้ง สาเหตุมาจากไม่มีบุญเก่า "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น" ที่สามารถนำมาล้างขาดทุนสะสมเฉกเช่น bay, bbl, kbank, scb เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นถูกซ้ำเติมมี "ส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น" เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็น -303,088.75 ล้านบาท จากขายหุ้นเพิ่มทุนต่ำกว่าราคาพาร์ 10.00 บาท

(๖) ปัญหา npl ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพเเช่นธนาคารอื่นๆ ตรงกันข้ามปัญหา npl ทำให้ TMB ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเช่นในปี 2550 ต้องตั้ง 4x,xxx ล้านบาท ทำให้ขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันมีขาดทุนสะสม -103,166.43 ล้านบาท

(๗) ผู้บริหารออกมาพูดเสมอๆจะพยายามทำให้ TMB จ่ายปันผลเร็วขึ้น ด้วยที่รู้ว่า TMB ไม่มีศักยภาพในการทำกำไรมาล้างขาดทุนสะสมหมดได้ TMB ไม่มีทางเลือกนอกจากลดทุนจดทะเบียนซึ่งผู้บริหารได้ออกมาพูดทุกๆปี การที่ไม่มีอะไรคืบหน้าปัญหาอยู่ที่หุ้นบุริมสิทธิซึ่งกองทุนฟื้นฟูเป็นผู้ถือหุ้น ไม่ว่า tmb จะเป็นอย่างไรหุ้นบุริมสิทธิจะได้สิทธิได้เงิน 10.00 บาทต่อหุ้นก่อนหุ้นสามัญ ส่วนที่เหลือไปแบ่งให้ผู้ถือหุ้นสามัญ ด้วยเหตุนี้มูลค่าหุ้นสามัญจึงมีอยู่เพียง หุ้นละ 0.605 บาท (ข้อ ๒) การลดทุนหุ้นบุริมสิทธิซึ่งกองทุนฟื้นฟูเห็นผู้ถือหุ้นจะเป็นการปล้นเงินประชาชน บริหารพยายามเคยขอลดทุนหุ้นบุริมสิทธิด้วย ก็ได้รับคำปฏิเสธจาก รมว กระทรงการคลัง

(๘)  หุ้นสามัญ 41,536.741 ล้านหุ้น ถ้าลดพาร์จาก 10.00 บาทเหลือ 1.00 บาท จะได้เงินทั้งสิ้น 373,830.67 ล้านบาท (41,536.741 x 9) ต้องนำไปล้าง "ส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นสามัญ -303,088.75 ล้านบาท" ก่อนเหลือเท่าไรค่อยไปล้างขาดทุนสะสม ในกรณีนี้จะเหลือ 70,741.92 ล้านบาท ไม่พอล้างขาดทุนสะสม -102,166.43 ล้านบาท ยังขาดอีก -31,424.51 ล้านบาท ทำให้เกิดปัญหาใหญ่มองไม่เห็นทางที่จะล้างขาดทุนสะสมนี้หมดได้อย่างไร

(๙) ผู้บริหารรู้ปัญหาปัญหาดีว่าถึงแม้ลดทุนเหลือ 1.00 ก็ไม่พอล้างขาดทุนสะสมหมด ปัญหานี้ไม่มีทางที่จะแก้ได้นอกจากลดจำนวนหุ้นสามัญลงอีก 31,000 ล้านหุ้น ทำให้เหลือทุนจดทะเบียนหุ้นสามัญ 10,000 ล้านหุ้น ซึ่งคิดว่าไม่เป็นที่ยินยอมของธนาคารประเทศไทย กระทรวงการคลัง รวมถึงผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารจึงไม่ดำเนินเรื่องการลดตามที่คุยไว้มาเป็นปีๆ

(๑๐) ไม่เพียงเท่านั้น วิกฤตินี้ย่อมเป็นที่รู้ต่อนักลงทุนรายใหญ่ซึ่งมีเครื่องหมายเครื่องมือดูแล portfolio ของเขา จะมีรายย่อยน้อยคนเท่านั้นที่พอรู้เริ่องนี้ นี้คือสาเหตุทำให้ราคา tmb ไหลลงมาตลอดทางหลังเพิ่มทุนครั้งสุดท้า 1.40 และ 1.60 บาทต่อหุ้นขายให้นักลงทุนไทย และ ING ตามลำดับ เงินทองที่ลงไปเหลือมูลค่า 0.605 บาทต่อหุ้นเท่านั้น และ ราคาในกระดานเมื่อวาน 2/4/52 ปิดที่ 0.47 บาท เห็นชัดๆขาดทุน -0.93 บาทต่อหุ้น(-66.42%) และ -1.13 บาทต่อหุ้น (-70.62%) ที่ลงเงินในการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด

(๑๑) ตัวอย่างเห็นชัดๆราคาในกระดานไม่ตอบรับข่าวขายหนี้ npl  ให้ บสก. 1.6 หมื่นลบ. เงินจำนวนนี้ไม่พอเพียงที่จะนำมาล้างขาดทุนสะสมที่เหลือ -31,424.51 ล้านบาท ถ้ามีการลดทุนหุ้นสามัญเหลือ 1.00 บาทต่อหุ้น

(๑๒) ท้ายสุดหลังจากอ่านความเห็น กรุณาใช้วิจารณญาณอย่างชาญฉลาด มองทุกด้านๆ คิดลึกๆว่าสิ่งที่ผมพูดมีเหตุผลเป็นไปได้หรือไม่ได้ ทำสิ่งตามที่ทานเห็นดีเห็นชอบ เชื่อตัวเองแต่ผู้เดียวเท่านั้น

(๑๓) ด้วยความปรารถนาดี

ปล:  เนื่องจากคิดไป คำนวนไป พิมพ์ไป พร้อมๆกัน ถ้ามีอะไรผิดพลาดขออภัยด้วย

แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 52 07:49:25

แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 19:22:13

แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 52 09:32:52

แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 52 06:32:30