PANTIP.COM : I7701505 ( ^o^)/แก็งค์เฮฮารายวันเพื่ออิสรภาพทางการเงิน 04 เม.ย. 52\(^o^ ) [คลับเพื่ออิสรภาพทางการเงิน]

ความคิดเห็นที่ 60

ทั้งหมดอยู่บนความคาดหวังว่าหุ้นน่าจะขึ้น แต่ไม่ควรจะประมาท

จากบทความของ ดร.กอร์ปศักดิ์ ภูตระกูล บล๊อกของมันนี่ชันแน่ว ครับ

คุณ Ben Bernanke ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 minutes เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าน่าจะต่ำสุดในช่วงปีนี้และปีหน้าน่าจะฟื้น ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินได้ ทำให้คนคิดว่าโอกาสของการเกิด Depression คงจะจบลงไปแล้ว

o หุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา

o ผลประกอบการแบงก์ที่เริ่มเป็นบวก

o ยอดการเริ่มสร้างบ้านที่ปรับตัวดีขึ้น

o ยอดการค้าปลีกที่ดีขึ้น

• ดัชนีและข่าวเหล่านี้ทำให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าน่าจะใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งวันนี้เรามาพูดกันก่อนว่า อะไรที่จะเป็นจุดที่บอกว่าถึงจุดต่ำสุดแล้ว แล้วช่วงวันหลังเมื่อมีโอกาสค่อยมาพูดในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันว่า เวลาที่เริ่มเดินขึ้นจากก้นเหวนั้น จะมีสัญญาณ มีอะไรที่เป็นจุดให้สังเกตบ้าง

จะรู้ได้อย่างไรว่าถึง จุดต่ำสุดแล้ว

• ยากที่จะพูดได้ เพราะเวลาติดตามเศรษฐกิจ ตอนที่ขึ้น หรือลง จะตามง่าย เพราะดัชนีต่างๆ จะชี้ไปในทิศทางเดียวกัน

• ที่ยากสุดก็คือ ตอนจุด วกกลับ ที่ตรงสูงสุด หรือต่ำสุด เพราะจะมีสัญญาณที่สลับกันไปมา และบางครั้งบางเดือนก็เป็นจุดกระโดดขึ้นมาในเดือนเดียวเท่านั้น

• หลายๆ ครั้ง ทุกคนจะรู้ ก็ผ่านจุดวกกลับไปแล้ว

• แต่ปกติในช่วงก่อนถึงจุดวกกลับที่เรามองหาดู ก็คือสัญญาณของความทรงในความทรุด ว่าหลังจากตกมานานแล้ว เริ่มนิ่งหรือยัง และน่าจะเป็นช่วงจังหวะการลงทุนได้เช่นกัน

• ในกรณีของสหรัฐนั้น ดัชนีหลายๆ ตัว ก็ได้ปรับลดลงมามาก ก็เริ่มส่งสัญญาณว่าต่ำ จนไม่รู้จะต่ำไปกว่านี้แล้ว และเริ่มทรงตัว เช่น บ้าน การผลิต อันนี้เป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าจะให้แน่ใจเราต้องดูสัก 2-3 เดือน

• และที่สำคัญ ถ้าไม่แน่ใจต้องกลับไปดูที่สาเหตุของปัญหาว่า ได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง ถ้าเหตุได้รับการแก้ไขแล้ว โอกาสฟื้นก็จะมี

• เพราะท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐกิจจะฟื้น ไม่ช้าก็เร็ว ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ อย่างมากก็ 10 ปี อย่างเร็วก็ไม่กี่ไตรมาส แต่ฟื้นทุกครั้ง และที่ฟื้นก็เพราะว่าได้คลี่คลายปัญหาไปแล้ว

ควรตามดูตัวไหน

• ปกติดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม

o Leading indicators – หุ้น ยอดคำสั่งซื้อ

o Coincident indicators – ยอดการผลิต ยอดการใช้กำลังการผลิต ยอดค้าปลีก การใช้น้ำมัน

o Lagging indicators – การจ้างงาน การลงทุน ยอดให้สินเชื่อ

• ปกติหุ้นจะขึ้นก่อนเศรษฐกิจฟื้นตัวประมาณ 6 เดือน การจ้างงานจะช้ากว่าเพื่อน และในภาพเป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของ The Conference Board ในสหรัฐที่ชี้ว่าดัชนี LEI ปรับตัวดีขึ้น
บ้างแล้ว

• อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เมื่อวานนี้ สำนักข่าว ABC ได้รายงานว่า Timothy Geithner รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ติดตามดัชนีเกือบ 60 ตัว ตั้งแต่ราคาของทองแดง ยอดขายเปียโน หรือจำนวนของขยะที่ทิ้งไว้

o แต่ที่ยากสุดก็คือ ดัชนีเหล่านี้ มักจะส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกัน อย่างในกรณีของดัชนี 60 ตัวที่ Geithner ตามอยู่นั้น ดัชนีบางตัวเช่นยอดการขายทองแดงก็ปรับตัวดีขึ้นมาก แต่บางตัวก็ยังไม่ดี เช่น เรื่องยอดขายเปียโน รวมไปถึงเรื่องการลดคนงาน การปิดโรงงาน ปิดกิจการ การขาดทุน

o ตอนนี้ เราก็ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะตีความข้อมูลที่เข้ามา ว่าสัญญาณที่ได้รับในแต่ละวันหมายความว่าอะไร และอะไรเป็น leading lagging หรือเป็นดัชนีพ้องเศรษฐกิจ

o และต้องไม่ตื่นดีใจไป เพราะบางดัชนี บางข่าวมีความไม่แน่นอนสูง เช่นการกำไรของแบงก์ในสหรัฐ ต้องฟังหูไว้หู เพราะปัญหายังไม่จบ แต่นักลงทุนสหรัฐเป็นพวกอยากจะเชื่อข่าวดี พอได้ยินหุ้นก็ขึ้น

• สำหรับในเมืองไทย ที่คนชอบพูดกันก็คือ ดัชนีมาม่า ที่เวลามาม่าดีนั้นเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีเพราะคนเลือกที่จะประหยัดแล้วไปทานมาม่ากันมากขึ้น

คิดว่าถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง

• คิดว่าเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องจุดต่ำสุด จาก 2-3 ประเด็น

o ประเด็นแรก คิดว่าปัญหาคงจะเกิดขึ้นอีกคงพออีกสมควร ปัญหาของสหรัฐลึกมาก และเป็นปัญหาของ Balance sheet ทุกส่วนตั้งแต่ แบงก์ สถาบันการเงิน ครัวเรือน และบริษัท ทำให้ยากที่จะออกจากวิกฤตได้

o ประเด็นที่ 2 ที่ว่าเร็วไปที่จะพูด ในขณะที่ยังไม่เห็นเลยว่าหมอจะให้ยาอะไร โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาแบงก์ การที่ออกมาพูดว่า เศรษฐกิจจะฟื้นในไตรมาสไหนนั้น อาจจะไม่เหมาะตอนนี้ เหมือนคนเป็นโรคมะเร็ง หมอยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะผ่าออก หรือ ใช้ยาคีโมตัวไหน สรรพคุณอย่างไร แต่กลับมาพูดแล้วว่า จะฟื้นในไตรมาสนั้นนี้ ก็ยากที่ญาติผู้ป่วยอย่างเราจะชั่งใจได้ว่า จะเชื่อดีหรือไม่

o และถ้าว่าไปแล้ว คุณ Bernanke ตอนพูดนั้นได้ย้ำไว้แล้วว่า เศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุด ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาแบงก์ได้ แต่นักลงทุนสหรัฐเป็นพวกที่มีความหวังในชีวิตมาก เชื่อง่ายเพราะอยากจะเชื่ออยู่แล้ว ก็เลยเลือกที่จะฟังช่วงแรกเท่านั้น ไม่ฟังว่าคุณ Bernanke บอกว่า จะฟื้นถ้าสามารถแก้ไขปัญหาแบงก์ได้ ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะแก้ปัญหาแบงก์ได้

• ดังนั้น สำหรับผมก็คือ ช่วงนี้ก็ต้องบอกว่ายินดีที่มีคนมองโลกในแง่ดี แต่ที่ต้องทำคือเตรียมใจ ว่าอาจจะไม่จบ และมีกรณีที่เป็น worse case เตรียมไว้ เราจะได้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ขอให้ทุกคนร่วมยินดีด้วย แต่อย่าประมาทครับ

จากคุณ : จอนฟอน - [ วันจักรี 16:22:23 ]