ความคิดเห็นที่ 1 วิธีของเราคือซื้อกองทุนคะ  และก็รอสับเปลี่ยนช่วงที่กองทุนได้กำไร ไม่ยุ่งยาก ก็ใช้เวลาน้อย เพราะดู เปอร์เซ็นต์ แค่ 2 ช่วง คือตอนเที่ยง และตอนบ่ายสามครึ่ง  ไม่ได้เฝ้าหน้าจอตลอดคะ ก่อนหน้านี้ เคยซื้อพันธบัตร  ซื้อเยอะนะคะ แถมพันธบัตรก็ดีด้วย 3 เดือน เดอเบี้ย 3.5% เหลือตังติด sff กะจิ๊ดเดียว..........ก็ลองเอาตังน้อยๆเศษเหลือ ลองสับเปลี่ยนกองทุน   แล้วก็พบว่า ได้เงินเยอะกว่า ผลกำไรจากพันธบัตร   หัดซื้อขายกองทุนไม่ยากเลยค่ะ  เพราะถามพี่ pjuk หมด   วะฮ่าฮ่า ส่วนประกันเคยลองคำนวณผลตอบแทนแล้วน้อยกว่าที่สับเปลี่ยนกองทุนคะ ส่วนหุ้นยังซื้อไม่เป็นคะ  รอเพื่อนๆที่ซื้อหุ้นมาแชร์ จากคุณ : กันดัมจัง - [ 7 เม.ย. 52 15:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ผมนึกว่าคุณ กันดัมจัง เล่นหุ้นซะอีกนะครับ เห็นเล่นในห้องนี้บ่อยๆ และรู้จักคนที่มีความรู้เรื่องการเงินหลายคน จากคุณ : ไชโป๊ผัดไข่ - [ 7 เม.ย. 52 16:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณกันดัมจังเล่นกองทุนอะไรค่ะ คงต้องมีอย่างน้อย 2 กองทุนให้สลับไปมา แล้วพักเงินไว้ที่ sff กำลังอยากลองลงทุนแบบนี้อยู่ ตอนนี้กำลังศึกษา ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ ใช้ของแบงค์ pjuk หมดเลยเหรอค่ะ จากคุณ : richfortune - [ 7 เม.ย. 52 17:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แฮ่ๆ  พี่ไชโป๊ผัดไข่คะ เราไม่ได้ซื้อหุ้นเลยคะ   เราซื้อเฉพาะของ SCB คะ  ไม่ใช่แบ๊งค์อื่นไม่ดีนะคะ แต่เพราะไม่รู้เรื่องกองทุนของแบ๊งค์อื่น+ขี้เกียจเสาะหาด้วยคะ อ่านหนังสือก็ไม่ได้อารมณ์เหมือนทดลองเองนะคะ ที่เราสับเปลียน เป็นความชอบส่วนตัวคือ กองของต่างชาติอย่าง scbaem scbpgf   อยากลุ้นความตื่นเต้นกับหุ้น ก็ลง scbset มั่ง จริงๆ SCB มีหลายกองทุนนะคะ แต่เราชอบของเราแค่นี้ เราก็สับเปลี่ยนแค่นี้ล่ะคะ  วะฮ่าฮ่า ไม่ยากนะคะ คุณ richfortune เพราะถามพี่ pjuk หมด     ถามได้แบบไม่ต้องเกรงใจคะ   พอถามไปได้ซักพักเดี๋ยวสับเปลี่ยนเองได้สบายๆคะ จากคุณ : กันดัมจัง - [ 7 เม.ย. 52 18:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเริ่มต้นด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย(ประจำวัน) ก่อนครับ เพื่อให้รู้ว่าวันๆ นึงเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง เท่าไหร่ จากนั้นก็สรุปเป็นรายเดือนครับ ว่าแต่ละเดือน มีรายรับรายจ่ายเท่าไหร่ อะไรบ้าง เพื่อจะได้รู้ว่าเรามีเงินออม(เหลือใช้)เท่าไหร่ในแต่ละเดือน ต่อมา... ก็ใช้ Google ให้เกิดประโยชน์ โดยเริ่มจากการค้นหาเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ และฝากประจำปลอดภาษี ระหว่างนี้ก็อาศัยถามในห้องสินธรไปด้วย หลังจากนั้น ก็เริ่มกันเงินออมส่วนหนึ่งไปฝากประจำ แล้วก็ทำงานไปพลางๆ และเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนต่างๆ ที่ผมสามารถเข้าถึงได้ง่ายก่อน เช่น ทอง หุ้น กองทุนรวม เป็นต้น ผ่านทาง tsi-thailand.org ซึ่งเป็น E-Learning ที่เรียนได้ง่ายทีเดียวครับ และแล้วก็ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นจาก "กองทุนรวม" เสียก่อนครับ เนื่องจาก 1. ผมมีเงินลงทุนไม่มาก หลักหมื่นเท่านั้นครับ ในขณะที่สินทรัพย์ตัวอื่นๆ คงต้องลงทุนมากกว่านี้ เพื่อให้คุ้มค่ากับผลตอบแทนและค่าเสียโอกาสครับ 2. ผมมีเวลาไม่มากที่จะติดตามข่าวคราว รวมทั้งดัชนีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น DJ, ราคาน้ำมันโลก, ราคาทองคำโลก หรือแม้กระทั่งข่าว ศก. และข่าวของหุ้นต่างๆ เพราะผมเป็นพนักงานบริษัท เวลาส่วนใหญ่ของวันต้องทุ่มให้กับงาน บางครั้งก็ต้องทำโอทีด้วยครับ ถ้าไปลงทุนหุ้น หรือทอง คงมีโอกาสเสร็จบรรดา "ปลาตัวใหญ่ๆ" มากครับ 3. กองทุนรวมช่วยผมกระจายความเสี่ยง และทำให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายตามแต่สถานการณ์ขณะนั้นด้วยครับ เช่น บางกองมีทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนผสมกันอยู่ หรือบางกองก็ไปลงทุนกับ MasterFund ต่างชาติ เป็นการขยายโอกาสที่จะลงทุนของตัวเองครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ยังคงต้องอาศัยกราฟเทคนิคเพื่อช่วยตัดสินใจจังหวะในการ "เสี่ยงซื้อ" และ "เสี่ยงขาย" ด้วยครับ ซึ่งในส่วนของการลงทุนนี้ต้องขอบคุณพี่จุก และพี่ tuxpower ด้วยครับที่ให้แนะนำจนตอนนี้พอจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้บ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมจะลองลงทุนใน "หุ้น" และ "ทอง" ในโอกาสต่อไปครับ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 18:23:57 จากคุณ : zylinz - [ 7 เม.ย. 52 18:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับหนังสือแบบบ้านๆ ที่น่ามีเก็บไว้อ่าน และแบ่งปันให้คนที่เรารักได้อ่านด้วย 1. ออมเงิน + บัตรเครดิต + เงินกู้ : "เงิน เรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน" (ตอนนี้พิมพ์ครั้งที่ 9 แล้วครับ) 2. การลงทุนทั่วไป : หนังสือทั่วๆ ไป ที่อ่านแล้วเราเข้าใจง่าย (เพราะมักจะมีเนื้อหาคล้ายๆ กันทุกเล่มครับ) 3. หุ้น : "คัมภีร์หุ้น 1, 2 และXL" (3 เล่ม) 4. กองทุนรวม : จำชื่อหนังสือไม่ได้แต่หน้าปกเป็นรูปรวงผึ้งครับ 5. ทอง : เหมือนข้อ 2 ระยะแรกๆ ในการศึกษาเรื่องเงินๆ ทองๆ พวกนี้ ยอมรับว่ายุ่งยากพอสมควรครับ เพราะเป็นเรื่องใหม่ในชีวิตของเรา และคนเรามักจะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงครับ เหตุนี้คุณจึงต้องสละเวลามาศึกษา และต้องศึกษาอย่างสม่ำเสมอเหมือนคุณทำโจทย์เพื่อเตรียมสอบครับ (ซึ่งต้องหมั่นทำบ่อยๆ ให้เกิดทักษะ และความชำนาญ) อีกทั้งควรจะมีการ "ลองผิดลองถูก" ดูบ้างโดยการกันเงินออมส่วนหนึ่งไปลงทุนครับ เพราะประสบการณ์การลงทุนทั้งผิดทั้งถูก ต้องเจอกับตัวเองถึงจะเข้าใจและถึงจะเกิดการเรียนรู้ที่มากกว่าการอ่านเพียงในหนังสือครับ สำคัญที่สุดคือ ระเบียบวินัยในการออมและการลงทุน ซึ่งโอกาสของกำไรและผลตอบแทนที่ดีจะอยู่กับคนที่ "เพียรพยายาม และรักษาวินัย" มากที่สุดครับ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 18:36:51 จากคุณ : zylinz - [ 7 เม.ย. 52 18:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แนะนำลองอ่าน ทุ่งดอกเบี้ย  น่าจะครบถ้วนในเรื่องการออม  การลงทุน ฯลฯ และน่าจะดีที่สุดในตอนนี้ การออมควรทำเป็นประจำอย่างน้อย 10 % ทุกเดือน ที่ควรออมก่อน คือ ออมฉุกเฉิน ในออมทรัพย์ อย่างน้อย 3-6 เดือน หรือ 6-12 เดือนของรายได้ จะได้เป็นเงินสำรองในกรณีจำเป็น  เช่น เกิดอุบัติเหตุ  ป่วย  ตกงาน ฯลฯ ไม่ต้องกู้หนี้ยืมเงินใครให้เสียดอกเบี้ย ควรออมโดยกระจายความเสี่ยง เช่น ในสหกรณ์ฯ  สำรองเลี้ยงชีพ กองทุนตราสารหนี้/ทุน  ทอง  ประกันชีวิต ฯลฯ ก่อนลงทุนควรประเมินตนเองก่อนว่ามีความพร้อมและเหมาะสมกับ การออมแบบไหน หาข้อมูลที่ http://www.set.co.th อย่าลืม การลงทุน(ทุกอย่าง)มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน ห้ามกู้เงินมาลงทุนอย่างเด็ดขาด แนวทางการมีอิสรภาพทางการเงิน - ใช้เงินเย็นในการลงทุน โดยเฉพาะที่เสี่ยงมาก  เช่น ตลาดทุน - มีเวลาว่างพอสมควร - นำเวลาว่างมาหาความรู้การออม  การลงทุน ตลอดเวลา  (ความรู้จะช่วยลดความเสี่ยง) - ปรับกลยุทธ์การลงทุนอยู่เสมอ - ควบคุมความโลภ  และอารมณ์ให้ได้  ถ้ามีความทุกข์จากการลงทุน   ในเรื่องใด ควรละเว้น - อยู่อย่างจน  ทำตัวจน  จะไม่จน - อยู่อย่างรวย  ทำตัวรวย  จะไม่รวย - ในยุคนี้ อ.วีระ ธีระภัทร แนะนำว่า (บริหารหนี้สิน)หนี้เก่าใช้ให้หมด     หนี้ใหม่อย่าก่อ  (บริหารเงินออม)มีน้อยใช้น้อย  มีมากใช้น้อย ฯลฯ ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : Learn and Live - [ 7 เม.ย. 52 19:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยังไม่จน อยู่อย่างจน จะไม่จน ยังไม่รวย อยู่อย่างรวย จะไม่รวย ^^ จากคุณ : zylinz - [ 7 เม.ย. 52 19:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ต่อ คห.8 ยังไม่อด อยู่อย่างอด จะตายเอา ยังไม่เครียด อยู่อย่างเครียด จะบ้าเอา อยู่อย่างจน อด เครียด (ดื่มเหล้า เอ้ยไม่ใช่)โรคถามหา จากคุณ : hilord - [ 7 เม.ย. 52 20:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นำเงินออม (เงินเย็น) แบ่งเป็น 2 ส่วนครับ ส่วนหนึ่งลงทุน ส่วนหนึ่งฝากแบงค์ จากคุณ : bigzaa - [ 7 เม.ย. 52 23:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ก็แบ่งรายได้เป็นสามกอง กองแรกเอาไปลงทุนตามความรู้ที่มี ถ้าไม่มีก็เก็บไว้ก่อนครับ เพราะการลงทุนโดยไม่มีความรู้นั้นเสี่ยงมาก กองที่สอง เก็บไว้ในแบงค์ ไว้ใช้จ่าย และยามฉุกเฉิน เช่นตกงาน ควรจะมีสัก 3-6 เท่าของเงินเดือน กองที่สี่ คือกองทุนที่เก็บยาวนานไม่เอามาใช้จ่าย เป็นเงินเก็บไว้ใช้ยามแก่ชรา ควรจะไปเก็บไว้ในที่ๆถอนยาก เช่น พันธบัตรยาวๆ ตราสารหนี้ ประกันชีวิต(ออมทรัพย์) จริงๆแล้วการออมสมัยนี้ง่ายมากครับ เพราะมีเครื่องมือและบริษัทรับรองตรงนี้เยอะแยะ ว่าแต่คุณจะออมเพื่ออะไรละครับ ต้องถามตัวเองดูนะ จากคุณ : sirnitfi - [ 9 เม.ย. 52 08:47:05 ]