ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และแสดงความเห็นค่ะ
ตอนนี้ตกลงกันในครอบครัวแล้วว่าคงจะยื่นจดหมายร้องเรียนไปทางสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ และคงต้องขอผ่อนผันกับทางกรมสรรพากรไปอีกทางหนึ่งด้วย
รายละเอียดของเรื่อง เมื่อไปซักถามคุณแม่ได้ความดังนี้ค่ะ
คุณพ่อซื้อกองทุน RMF กับธนาคารกรุงเทพผ่านทางพนักงานธนาคาร โดยให้คุณแม่เป็นผู้จัดการดำเนินการในทุกเรื่องตั้งแต่ต้น เนื่องจากคุณพ่อไม่ค่อยมีความรู้เรื่องภาษีซักเท่าไหร่ และปกติคุณแม่ก็เป็นผู้จัดการเตรียม และยื่นเอกสารทางภาษีให้คุณพ่อทุกๆปีอยู่แล้ว
โดยก่อนการขาย คุณแม่ (ในฐานะผู้ดำเนินการแทน) ได้โทร.ติดต่อพนักงานธนาคารท่านนี้ในเดือนพค. 2008 เพื่อให้ทำการขาย เพราะเข้าใจว่าน่าจะครบกำหนดอายุสำหรับการซื้อกองทุนที่ซื้อเมื่อปี 2003 แล้ว โดยได้ขอให้เช็คอายุกองทุนก่อนการขายด้วย
ทางพนักงานธนาคารท่านนี้ได้แจ้งกลับมาว่าสามารถขายกองทุนได้ และสามารถขายกองทุนที่ซื้อตั้งแต่ปี 2003-2008 เพียงแค่ให้กองทุนที่ซื้อเมื่อปี 2003 ครบกำหนดอายุก็พอ
คุณแม่ได้ถามกลับไปอีก ด้วยความไม่แน่ใจว่ากองทุนมีอายุครบเงื่อนไขแล้วหรือ และสามารถขายได้ทั้งหมดจริงๆหรือไม่ เนื่องจากว่าคิดว่ากรมสรรพากรน่าจะให้ขายได้เฉพาะกองทุนแรกที่ซื้อเมื่อปี 2003 กองเดียวเท่านั้น พนักงานธนาคารท่านนี้ก็ยังยืนยันว่าขายได้ทั้งหมด เนื่องจากกองทุนที่ซื้อเมื่อปี 2003 ครบกำหนดอายุแล้ว
สุดท้านคุณแม่ได้ทำการสั่งขายไปเมื่อวันที่ 23/05/2008 ค่ะ
เมื่อทำการยื่นภาษีในเดือนมีค. ทางกรมสรรพากรติดต่อกลับมาทางคุณแม่เพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมสำหรับการขอคืนภาษีในนามคุณพ่อ (อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าคุณแม่เป็นผู้ดำเนินการทางภาษีแทนคุณพ่อทั้งหมดมาเป็นเวลานานแล้ว) เนื่องจากต้องการเอกสารสมุดบัญชีซื้อขายกองทุนด้วย
เมื่อยื่นเอกสารไป ก็พบว่าการขายกองทุนไม่ตรงตามเงื่อนไขขอลดหย่อนภาษี คุณแม่จึงได้ทำการตรวจสอบกลับไปทางพนักงานธนาคารท่านนี้อีกครั้งเพื่อสอบถามหาสาเหตุ แต่ครั้งนี้พนักงานธนาคารท่านนี้กลับตอบว่าการสั่งขายกองทุนครั้งนั้น พนักงานธนาคารท่านนี้ไม่ได้เช็คอายุกองทุนที่คุณพ่อซื้อไว้ เนื่องจากเข้าใจว่าคุณแม่ (ในฐานะผู้แทน) น่าจะมีความรู้เรื่องภาษีดีอยู่แล้ว พอคุณแม่สั่งขาย ก็ขายให้เลย โดยถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นๆก็จะตรวจสอบให้ทุกคน ยกเว้นของคุณแม่ค่ะ
สำหรับหลักฐาน ถ้าจะนำไปร้องเรียนกับสำนักงานใหญ่ของธนาคาร อาจจะไม่มีเป็นลายลักษณ์อักษร เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ แต่ทางพนักงานธนาคารท่านนี้ได้เคยพูดปัดความรับผิดชอบดังประโยคข้างต้นกับพนักงานกรมสรรพากร ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะสามารถนำมาเป็นพยานบุคคลได้หรือไม่คะ
ส่วนเรื่องการจ่ายภาษี ควรจะให้คุณแม่รีบดำเนินการใช่มั๊ยคะ ส่วนตัวกลัวว่าหากจ่ายไปแล้ว จะทำให้มีผลกับการเรียกร้องความรับผิดชอบจากธนาคารรึเปล่าคะ เพราะธนาคารอาจคิดว่า ภาษีก็จ่ายไปแล้ว ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายแล้ว เค้าก็อาจจะปัดความรับผิดชอบไปเรื่อยๆ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำค่ะ
เพิ่มเติมรายละเอียดวันที่ขายกองทุนค่ะ และขอลบรายละเอียดอาจเกี่ยวโยงกับตัวบุคคลค่ะ
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 22:25:29
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 22:20:50
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 22:16:17
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 22:09:16
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 21:53:09