ความคิดเห็นที่ 1 อ้อ  หากกรุงไทยจะขายหุ้นทั้งหมดที่สิบสี่บาทละก้่อ ผมกับรายย่อยก็จะซื้อทั้งหมดพร้อม PP เลยก็ได้นะครับ จากคุณ : โอ่งสี - [ วันแรงงาน 10:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ... จากคุณ : โอ่งสี - [ วันแรงงาน 10:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 game โหด มัน ฮา ครับ ฮา ตั้งแต่แรก ที่ ออกข่าวเพิ่มทุนแล้วครับ น่าจะทำตามขั้นตอน มุขแรก ก่อน แล้ว ก็ พลิกมา ออกหุ้นกู้ ในขั้นที่สองครับ จากคุณ : samsam - [ วันแรงงาน 11:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เฮ้อ เสียบริษัท มหาชน ดีๆไปอีกหนึ่ง จะได้รัฐวิสาหกิจแย่ๆมาแทน ยกเลิกบัตรเครดิตของเขาเลยดีกว่า แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 20:50:23 จากคุณ : แพนด้า บ้ากาม (วาที) - [ วันแรงงาน 13:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ง่ายกว่านั้น.......ผมมองว่าทำไมตั้งแต่แรกถึงไม่ออกวอแรนท์ ex-10บาท ให้ผู้ถือหุ้นเดิม 1ต่อ3 อายุสักสามปีห้าปี exกันทุก 3เดือน ผู้ถือหุ้นใหญ่อยากช่วยก็ใส่เงินไป ทุกคนแฮปปี้หมด มาเล่นมัดมือชกเพิ่มทุนเลยแถมขู่ว่าถ้ามติไม่ผ่านไม่จ่ายปันผลให้..........อย่างนี้เจตนาไม่ดี ผู้บริหารนี่ไม่เห็นหัวผู้ถือหุ้นน้อยเลย ผมตามตัวนี้อยู่ซื้อก่อนออกข่าวเพิ่มทุน 2วัน ซื้อนิดหน่อยก่อนออกข่าว พอออกข่าวนี้เลยขาย กำไรอยู่ดีๆขาดทุนเลย นี่ถ้าประกาศออกวอตั้งแต่ต้นก็มีแต่คนชื่นชมไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 16:19:01 จากคุณ : winsg - [ วันแรงงาน 14:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ......แต่คุณโอ่งพิมพ์แบบนี้นี่มันเข้าข่ายปั่นหุ้นหรือเปล่าเนี่ย จากคุณ : winsg - [ วันแรงงาน 14:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หยิกเล็บ แต่เจ็บเนื้อครับ รายย่อยอาจคิดว่าเป็นชัยชนะ ที่สามารถขวางกรุงไทยได้ แต่ ผลที่ตามมาก็คือ tris ลดอันดับ credit rating จาก A- เป็น BBB+ แล้ว หมายความว่า ต้นทุนการเงินจะสูงขึ้นไปอีกประมาณ 25-50 BP การขยายกิจการก็ทำได้ยาก สุดท้ายคนที่รับผลก็คือผู้ถิอหุ้นเองแหละครับ จากคุณ : krit587 - [ วันแรงงาน 20:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มองย้อนกลับไป ผมว่า บอร์ด กับตัวแทนจาก ktb ที่อยู่ในบอร์ด รู้อยู่แล้วว่า ktc เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงิน โดยมีอัตราส่วนของหนี้ต่อทุนที่สูงไป ซึ่งทำให้อาจมีปัญหาเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี มี npl และโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมคือการ raise ส่วนทุน มากพอควร (มากกว่า 1 เท่าตัว ) ส่วนตัว คิดว่า อัตราการเพิ่มทุนที่เหมาะสมคือ 1.5 เท่าจากเดิม (คือ worst case ที่รายย่อยไม่ใส่เงิน ทั้งหมด ktb ใส่คนเดียว ก็คือ 1.5 เท่า) การ PP ให้ใครสักคนที่ 1 เท่า อย่างที่จขกท.บอก จำนวนเงินมันก็อาจจะยังไม่พอ และการที่บอกว่า win ๆ ทุกฝ่าย มันคงไม่ใช่อย่างนั้น โดยหลักการ การเพิ่มทุนเป็นสิทธิ (right) อันดับต้น ๆของผู้ถือหุ้นใช่ไหมครับ การที่อยู่  ๆ ยกสิทธินั้นให้คนอื่น ก็คงไม่มีใครยอม จริง ๆ แล้วโดยหลัก ก็คือว่า ถ้าท่าน (ผู้ถือห้น) ไม่พอใจการเพิ่มทุน ก็ไม่ต้องเพิ่มทุน จะขายหุ้นก่อน หรือหลังก็แล้วแต่จังหวะ การคัดค้าน ก็เหมือนกับว่าทำให้เจ็บกันทุกฝ่าย และต้องยอมรับว่า รายย่อย อยู่ห่างจากข้อมูลมากกว่า บอร์ด รายย่อยยังมีทางเลือกเสมอ สาเหตุที่ต้องเพิ่มทุนที่ par เพราะบริษัทไม่ได้ขาดทุนอะไร ตามกฏหมายก็ต้องขายหุ้นที่ par ก็เลยเป็นที่มาที่ 10 บาท การที่ราคาตลาดต่างจากราคาเพิ่มทุน ก็น่าจะเป็น opportunity ให้รายย่อยมีทางเลือกตั้งหลายอย่าง เช่น -ขายก่อนเพิ่มทุน -ซื้อหุ้นในตลาดอีก 3 เท่า ( แค่นี้ก็ได้หุ้นเท่ากับ ktb ด้วยราคถูกกว่าเกือบ 60%) -ไม่ซื้อ รอขายหลังเพิ่มทุน (ถ้าต้นทุนการเพิ่มทุนอยู่ที่ 10 บาท) ราคามันจะลงหรือขึ้นหละครับ ถ้าลง ก็ซื้อเพิ่ม - ถ้า ktb จะทำ tender ก็ต้องทำ tender ที่ราคาที่ได้มาจากการได้หุ้นเกิด treshold ก็ควรจะเป็น 10 บาท ไปขายตอนนั้นก็หรูไม่เบา ktb ครอบงำกิจการ ktc อยู่แล้วครับ ด้วยอัตราส่วนที่ 48% มติทั่วไป ก็ lead ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกังวลหรอกครับ เรื่องมติการไม่จ่ายเงินปันผลถ้าไม่ได้เพิ่มทุน ผมว่ามันก็เป็นสัญญาณกลาย ๆ ให้กับรายย่อยอยู่แล้วว่า ktc มี financial distress ในระดับหนึ่ง (อย่างต่ำ ๆ ก็คือ structure ไม่ดี มีโอกาสโดย downgrade หรือแย่กว่านั้นก็คือเป็นปัญหาเรื่อง liquidity) เขียนโดยไม่มีหุ้น ktc ครับ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 22:09:52 จากคุณ : krit587 - [ วันแรงงาน 21:56:43 ]