Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ## มนุษย์หุ้น ชีวิตต้องหุ้น ## : การลงทุนนั้นไม่ยาก การควบคุมอารมณ์นั้นยากกว่า

    ยามตลาดหุ้นดูดี ปริมาณการซื้อขายคึกคัก เดินไปทางไหน หันไปทางไหนก็มีแต่คนคุย
    เรื่องการลงทุน เรื่องตลาดหุ้น ไม่มากก็น้อยที่คุณอาจจะเกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ อาจจะเป็นเพื่อน
    เป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง เป็นญาติ หรือเป็นใครอื่น ด้วยความต้องการที่อยากจะบอกกล่าวบางเรื่องเกี่ยวกับ
    การลงทุน จึงได้มีการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อให้คุณๆเหล่านั้นอ่านและสิ่งที่ให้อ่านนี้ก็
    อาจจะเป็นแนวทางสำหรับต้อนรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเดินเข้ามาในสมรภูมิแห่งนี้ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่
    ดีที่สุดพอจะเรียกได้ว่า “บทเรียน” และก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลิศพอจะเรียกว่า “กลยุทธ์" แต่สิ่งนี้น่าจะเป็น
    เพื่อนร่วมเดินทางที่ดีที่สุดที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย โดยใช้ภาษาคนกันเอง เข้าถึงและเข้าใจง่าย  
     
    **  ก้าวแรกของความอยาก  **

         ร้อยทั้งร้อยของมนุษย์เรา คือความอยากมี อยากเป็นและอยากได้ ถ้าใครไม่มีใน
    สิ่งเหล่านี้ แสดงว่าเป็นคนที่รู้จักพอดี พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ แต่ในความเป็นจริงทุกคน
    อยากที่จะมี อยากที่จะเป็น และยิ่งมีเร็วเท่าไรได้ก็ยิ่งทำให้ความฝันบรรลุเร็วมากขึ้น

         ช่วงที่ตลาดหุ้นคึกคัก ร้อยคนร้อยปากแต่มีพันเรื่องเล่า มีหมื่นเล่าแสน  ยิ่งประเทศไทย
    อยู่ภายใต้ระบบทุนนิยม ที่มีความอิสระทางการเงินด้วยแล้ว ต่อมความอยากจึงถูกกระตุ้น
    ได้ง่าย
    กว่าประเทศเพื่อนบ้าน … เงินที่ได้มาแสนจะง่ายได้เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์
    หรือkey order ส่งคำสั่งซื้อ ส่งคำสั่งขาย การหาเศษเงินที่ตกหล่นในตลาดหุ้นที่วันๆ
    Tradeกันระดับหมื่นล้านไม่ใช่เรื่องยาก พันสองพัน หมื่นสองหมื่น มันอยู่แค่เอื้อม
    ปลายนิ้วสัมผัส และเมื่อมาคิดว่าการนั่งหลังขดหลังแข็งเพื่อเงินหมื่นต่อเดือนทำให้จิตใจ
    ที่มีความอยากอยู่แล้ว อยากมากยิ่งขึ้น  

         การเข้าสู่สนามรบถ้าเรารู้แต่ว่าเรามีมีด มีดาบที่แหลมคม มีโล่ห์ มีม้าที่แข็งแรงตัวหนึ่ง
    แล้วสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้นั้นเป็นความคิดที่ผิด
    เราต้องรู้ทิศทางลมว่าพัดในทิศทางใด
    มีเมฆฝนหรือไม่ ลักษณะพื้นที่ที่จะไปสู้รบ มีหลุมพรางหรือไม่ เรามีแผนที่นำทางหรือเปล่า
    และที่สำคัญเราต้องรู้ว่าเราถนัดสู้บนหลังม้าที่มีความเร็ว หรือ ถนัดเดินสู้ หรือตั้งรับสู้ หากจะ
    เปรียบเทียบให้เกี่ยวข้องกับการลงทุน นั่นก็หมายถึง หากเรามีแต่เงินทุน ความรู้ มี
    เครื่องมือการวิเคราะห์หุ้นอันทันสมัยพร้อมทั้งบทวิเคราะห์ต่างๆมากมาย  แต่ไม่รู้ทิศทาง
    ของการลงทุนอย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าทิศทางขึ้นหรือลง ไม่รู้ข่าวสารเชิงลึก อาวุธที่มีก็อาจ
    จะเป็นแค่เครื่องประดับเท่านั้น
    อีกทั้งนักลงทุนยังต้องรู้ด้วยว่าถนัดการลงทุนแบบใด
    หุ้นที่เก็งกำไร หุ้นปันผล หุ้นขนาดกลาง  หุ้นขนาดใหญ่ ทั้งหลายทั้งปวง นักลงทุนต้อง
    รู้จักตนเองเสียก่อน

    **  คุณจงรีบเข้า(ออกจาก) ตลาดตอนนี้และบัดนี้  **

         “คุณมีเงินหรือเปล่า ถ้ามีก็เข้ามาสิ มาใช้บริการของเรา มาเสียค่าธรรมเนียม
    นิดหน่อย ถ้าลองแล้วพอใจยินดีแถมเงินให้นำติดตัวกลับบ้าน” บริการแบบนี้มีในโลกด้วยหรือ
    มาใช้บริการแล้วยังแถมเงินกลับบ้านด้วย มีแน่นอน นั่นก็คือ การใช้บริการBrokerเพื่อ
    ซื้อขายหุ้น หากกำไรก็เอากลับไปแต่ในทางตรงกันข้าม หากคุณเสียคุณก็จะโดนสองต่อ
    คือ ค่าบริการ ค่าไฟเครื่องปรับอากาศ    เพิ่มด้วยค่ากาแฟถ้วยละหลายพัน บางคนหลาย
    หมื่น  … นี่แหละสัจธรรมมนุษย์หุ้น มีสองด้านเสมอ

         ทุกคนที่ก้าวเข้ามาในตลาดหุ้น ล้วนหวังจะทำกำไร ถ้าใครคิดเข้ามาในตลาดหุ้นแล้ว
    บอกว่า ขอกำไร1แสนบาทแล้วจะออกจากตลาด ปิดบัญชี เลิกการลงทุน  คนผู้นั้นกำลัง
    พูดเรื่องโกหก หากสามารถทำกำไรได้ก่อนก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าหากขาดทุนก่อนก็คง
    คิดอีกแบบตรงกันข้าม  ปกติแล้วคนส่วนมากที่ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นมักจะมีสิ่งที่พกติดตัวมาด้วย3สิ่ง คือ

    กระสุน(เงิน) ความโลภ และความอยาก(เก็งกำไร)

    หากนักลงทุนผู้ใดติดตัวมาเพียง3สิ่งนี้ ก็คงต้องเตรียมตัวออกจากตลาดตอนนี้และบัดนี้
    ได้เลย
    … และหากใครก็ตามที่บอกว่า “ถ้าเราไม่ขายหุ้นตัวนั้นตัวนี้ และถือมาจนขณะ
    นี้คงได้กำไร100%แล้ว” ตัวนั้นอีก ตัวนี้อีก ก็จงออกไปจากตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน

    … การขายหุ้นไปแล้วและหุ้นขึ้นต่อนั้น เราต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า ไม่มีใครชนะตลาด
    และทำถูกต้อง ถูกทางได้ตลอด คนที่เก่งอย่างผู้บริหารประเทศก็ไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง
    เช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าหากนักลงทุนยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ เข้าใจและรับทราบ
    ผลแห่งการลงทุนได้ แสดงว่าอารมณ์ของนักลงทุนยังไม่นิ่งพอ การจะดำรงตนอยู่ใน
    ตลาดที่มีแต่สภาวะของการเก็งกำไรและเก็งขาดทุนนั้น ต้องมอง ขณะนี้ กับมองไปข้างหน้า …..  


    การมองย้อนกลับไป แล้วโทษตัวเองนั้น เป็นการบั่นทอนความคิดดีๆที่จะเกิดขึ้นใหม่ให้
    เกิดขึ้นได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนมัวแต่กลุ้มใจกับการขายหุ้นแล้วและ
    หุ้นขึ้นต่อ หรือ เสียใจกับการขาดทุนในหุ้น จะทำให้การลงทุนในครั้งถัดไปของนักลงทุน
    ซวนเซไร้ทิศทางตามไปด้วย การลงทุนทุกครั้งต้องนับหนึ่งเสมอ  มองข้างหลังเป็น
    บทเรียนสอนใจ ไม่ควรนำมาเป็นบทลงโทษที่คอยทำร้ายประกายความคิด

    … มองความเป็นปัจจุบันให้มากที่สุด และตอบคำถามกับตัวเองว่า พอใจกับผลการลงทุน
    ในปัจจุบันหรือไม่ หากพอใจ แม้ว่าได้กำไรเพียง10%ก็พอแล้ว  หากนักลงทุนยังคงโทษ
    ตัวเองเรื่องการขายหุ้นแล้วหุ้นขึ้นต่อ คุณก็จะต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ตลอดไป
    และไม่มีวันสิ้นสุด การลงทุนก็จะไร้ซึ่งความสุข ดังนั้นจงตอบคำถามตนเองทุกครั้ง
    หลังจากที่การลงทุนเสร็จสิ้นแล้วว่า พอใจหรือไม่  หากพอใจก็ถือว่าเสร็จสิ้นการลงทุน
    รอบนั้น แล้วเริ่มการลงทุนรอบใหม่ด้วยอารมณ์ที่เข้าใจในสภาวะของการลงทุน

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 14:02:29

     
     

    จากคุณ : เย่หยงเทียน - [ 12 พ.ค. 52 21:54:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom