Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ## มนุษย์หุ้น ชีวิตต้องหุ้น ## : จงมีความคิดเยี่ยงคนเก็บของเก่านะ... แมลงเม่าทั้งหลาย!!

    วันหยุดสุดสัปดาห์ ของครอบครัวใหญ่ทั่วๆไป มักจะยุ่งวุ่นวายกับการย้ายข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง
    ทำความสะอาดบ้าน ทิ้งสิ่งของที่ไม่มีความจำเป็น กล่าวง่ายๆก็คือ ทิ้งขยะภายในบ้าน ของใช้ต่างๆที่ชำรุด
    ใช้การไม่ได้ ก็จัดการรวบรวมนำออกไปไว้นอกบ้าน  

         เด็กน้อยที่เพิ่งผ่านฤดูฝนมา7รอบ ได้ติดตามพ่อมาพร้อมกับรถเข็นคันเก่าๆ เพื่อตระเวนเก็บของเก่า
    ตามข้างทาง บ้างก็ตามแหล่งที่ทิ้งขยะ สิ่งที่คาดหวังอยากจะได้เห็นก็คือ ขยะที่สามารถขายได้ กระป๋อง
    ขวดน้ำ กระดาษ เศษเหล็ก อื่นๆอีกมากมาย  

         วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มตั้งแต่หัววัน ทำให้ผู้เป็นพ่อหวั่นใจว่า วันนี้จะมีของให้ได้เก็บหรือไม่หากฝนตกหนัก
    พลางชำเลืองมองลูกน้อย   ทันใดนั้นลูกน้อยก็หันมาถามพ่อตามประสาเด็กว่า

    “พ่อ พ่อ วันนี้เรากลับบ้านเถอะ ฝนจะตกแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ออกมาหาของกันใหม่อีกรอบ”

    พ่อเอามือลูบหัวเด็กน้อย แล้วพูดอย่างเอ็นดูว่า
    “แกไม่รู้อะไร วันนี้คือวันหยุดของคนบ้านอื่น มันเป็นวันที่พ่อจะเก็บของเก่าได้มาก เข้าใจไหม  เราจะ
    ได้เอาไปขายได้เงินมาเยอะๆ เอาไว้ซื้อข้าวกินไง”


    ลูกน้อยตอบ พลางมองท้องฟ้าว่า
    “เข้าใจครับ แต่ พ่อดูสิ ฝนกำลังจะตกอีกไม่นานนี้แล้วนะ”

    พ่อพูดพลางสอนว่า
    “อยู่ใต้ฟ้า อย่ากลัวฝน อยู่บนถนน อย่ากลัวรถติด  หากเจ้ากลัวฝน กลัวรถติด เจ้าก็ไม่ต้องมีท้องฟ้า
    ไม่ต้องมีถนนเลยดีไหม เอาไว้แดดจัดๆแล้วเราออกมาหาของกัน แบบนี้ดีเสียอีกตัวไม่ดำ เหงื่อไม่ออก
    เย็นสบายตัวกว่าเยอะ”


    ลูกน้อยฟังเช่นนั้นก็เห็นด้วยกับพ่อ แล้วไม่พูดขออะไรอีก

    รถเข็นผ่านไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ ผ่านวัด ผ่านโรงเรียน จนกระทั่งผ่านมาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง  
    ลูกน้อยเหลือบไปเห็นกองหนังสือพิมพ์เก่าๆ ขวดน้ำ กระป๋องน้ำอัดลม กองอยู่หน้าบ้านหลังนั้น  
    พลางรีบบอกพ่อว่า

    “พ่อ พ่อ ของเยอะแยะเลยครับ ตรงนั้น”
    ทั้งสองรี่ตรงเข้าไปด้วยความดีใจที่วันนี้จะได้ของไปขายกันแล้ว

    ทั้งสองเก็บของเก่าขึ้นรถเข็นไปด้วยสีหน้าที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ระหว่างทางที่เข็นรถไปยังสถานที่รับซื้อ
    ลูกน้อย พูดขึ้นมาตามประสาเด็กว่า
    “พ่อฮะ ไม่รู้ว่าบ้านใหญ่หลังนั้น เขาโง่หรือเปล่าครับ ของดีๆขายได้แบบนี้เอามาทิ้งทำไม ”

    พ่อรีบพูดแทรกทันทีแล้วสอนว่า
    “ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีก ห้ามว่าเขาโง่นะ เราเอาของไปขายได้เงินมาซื้อข้าว เราต้องขอบใจเขาด้วยซ้ำไป
    เราต้องมองโลกในแง่ดีนะ เจ้าคิดหรือ ว่าเจ้าของบ้านเขาไม่รู้ว่าของเหล่านี้ขายได้  เขารู้แน่นอน แต่เขา
    ไม่คิดเล็กคิดน้อย เขามีจะกินอยู่แล้ว เงิน100บาทที่เราขายได้ เขาให้คนอื่นอย่างพวกเราได้มีโอกาสทำกิน
    มีโอกาสในสังคม และพ่อจะบอกแกว่า บ้านหลังนั้น เขาเป็นเจ้าของห้องเช่าราคาถูกที่พวกเราเช่ารายเดือน
    ซุกหัวนอนกันอยู่รู้ไหม เขาช่วยเราตรงจุดนี้ก็เสมือนช่วยธุรกิจห้องเช่าของเขาให้อยู่รอดในทางอ้อมได้ด้วย
    ทำให้ห้องเช่ามีผู้พักผู้อาศัย ไม่รกร้างเหมือนที่อื่นๆ”


    ลูกน้อยพยักหน้าแล้วสัญญากับพ่อว่า ต่อไปนี้จะมองโลกในแง่ดี ไม่มองโลกแบบเด็กๆแบบนี้อีกแน่นอน

    วันนี้ขายของเก่าได้เงินมา300กว่าบาท สองพ่อลูกก็พากันไปตลาดในเมืองเพื่อซื้อของใช้จำเป็น โดยนั่ง
    รถโดยสารสองแถว ระหว่างที่เดินทางนั้นฝนก็ตกลงมาตลอด ถนนเปียกมีน้ำขัง การจราจรติดขัดเป็นบางช่วง
    จนกระทั่ง มาถึงช่วงสัญญาณไฟข้างหน้า  รถสองแถวเบรกอย่างกระทันหัน ทั้งๆที่ยังไม่ถึงสี่แยกข้างหน้า  
    พ่อก็ได้ชะเง้อมองออกไปข้างรถดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    คนขับรถสองแถวตะโกนด่าทอ ออกไปว่า
    “มอเตอร์ไซด์ เกือบตายแน่ๆถ้ากูเบรกไม่ทัน เบี่ยงซ้ายออกมาได้ไง”

    พ่อของเด็กน้อยมองเห็นเหตุการณ์จึงพอทราบว่า เหตุที่จักรยานยนต์ต้องเบี่ยงซ้ายออกมาก็เพราะว่า
    หลบเด็กตัวเล็กๆที่เร่ขายพวงมาลัยท่ามกลางฝน ลำพังตัวเล็กมองไม่เห็นอยู่แล้ว ฝนตกด้วย แทบมองไม่เห็นเลย  

    พ่อก็ได้หันมาเล่าให้ลูกน้อยฟังว่า
    “ลูกดูสิ เห็นเด็กขายพวงมาลัยนั่นไหม นั่นๆ ที่กำลังขายพวงมาลัยกลางสายฝนให้รถเก๋ง คันนั้นอยู่  
    เจ้าคิดเห็นยังไงบ้าง”


    “ก็น่าสงสารนะพ่อ ฝนตกยังต้องมาขายของ” ลูกน้อยตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

    พ่อสอนลูกน้อยว่า
    “เจ้าตกใจไหม ที่รถเบรกเมื่อตะกี้นี้ แล้วหากเกิดชนขึ้นมา ลูกเจ็บ หรือพ่อเจ็บ คนที่นั่งโดยสารมา
    ด้วยบาดเจ็บ มอเตอร์ไซด์คันนั้นล้มลงบาดเจ็บเสียหาย เด็กขายพวงมาลัยโดนชน  ความสูญเสีย
    ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ใครควรรับผิดชอบ”


    ลูกน้อยนิ่งเงียบแล้วฟังพ่อพูดต่อว่า
    “เราต้องโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อนุญาตให้มาขายและต้องโทษรถเก๋งคันที่ซื้อพวงมาลัยคันนั้น”

    ลูกพูดแทรกว่า  “ทำไมไม่โทษเด็ก กับพ่อแม่เด็กหล่ะ”

    พ่อพูดตอบทันทีว่า
    “วิถีทางทำมาหากินนั้นเพื่อปากท้อง ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ จะถูกจะผิด เขาก็ต้องทำเพื่อทำให้ท้องอิ่ม
    ส่วนวิถีทางที่เขาจะทำมาหากินนั้น จะทำได้หรือไม่ได้ก็อยู่ที่ผู้ควมคุมกฎหมายว่า ให้ทำหรือไม่ และ
    ก็อยู่ที่ผู้ซื้อ ผู้อุดหนุน ว่าจะสนับสนุนให้เขาทำหรือไม่ก็เท่านั้นเอง หากตำรวจเข้มงวด  เด็กคนนี้ก็ไม่มี
    โอกาสได้มายืนขายของกลางถนนแบบนี้ และ หากไม่มีคนซื้อของเขาเลย เขาก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน และ
    สุดท้าย ตัวเด็ก ตัวพ่อแม่ของเด็กขายพวงมาลัยนั้น ก็ต้องไปทำอาชีพอื่นที่สามารถทำได้ มีคนให้ทำและ
    คนที่พร้อมจะสนับสนุน”


    พ่อกล่าวสรุปให้ลูกฟังว่า
    “การจะทำอะไร หากไม่เบียดเบียนใครหรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็ทำไป อย่างกรณีนี้ อุบัติเหตุจะลด
    น้อยลงมาก หากคนเรารู้จักคิด ไม่ใช่เอาคำว่าสงสารมาเป็นของอ้างทำความดี แล้วอุดหนุนซื้อซึ่งเป็น
    การสนับสนุนทางอ้อม เข้าใจที่พ่อพูดนะ”


    “ครับพ่อ”  ลูกน้อยตอบด้วยรอยยิ้ม

    หลังจากที่ซื้อของใช้จนเป็นที่เรียบร้อย  สองพ่อลูกก็กลับมาที่ห้องเช่าทันที เนื่องด้วยสีหน้าที่เหนื่อย
    ล้าของลูกน้อย พ่ออุ้มเด็กน้อยวางลงบนเตียงฟูกเบาๆ แล้วพูดค่อยๆว่า
    “วันนี้เจ้าคงได้เรียนรู้คำว่า
    หาเช้ากินค่ำของพ่อแล้วสินะ หวังว่าเจ้าคงเข้าใจหลักคิดที่พ่อให้เจ้าไม่มากก็น้อยนะ สักวันหนึ่งเจ้าจะได้
    นำความคิดแบบนี้ ไปใช้ในหน้าที่การงานของเจ้า ฝันดีนะลูก”


    มีต่อนะครับ
    .
    .
    .
    .

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 18:19:08

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 11:35:44

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 11:17:35

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 11:17:21

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 11:16:59

     
     

    จากคุณ : เย่หยงเทียน - [ 24 พ.ค. 52 07:55:40 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom