Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ## มนุษย์หุ้น ชีวิตต้องหุ้น ## : ตลาดหุ้น(ทางเลือก) คือ ตลาดบั่นทอนวิชาชีพ (ทางหลัก)

         “พี่ครับ สีทาบ้านกระป๋องนี้ เท่าไร ครับ”

    “180 บาท เอากี่กระป๋อง”
    คนขายตอบ โดยที่ไม่ได้มองหน้าผู้ซื้อ

             “แล้วมียี่ห้ออื่นให้เลือก หรือเปล่า เอาแบบอย่างดีหน่อย”

    “ยี่ห้อนี้ดีอยู่แล้ว ยี่ห้ออื่นไม่ได้ขาย ราคามันสูง”
     คนขายตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น

             “แล้วสีที่วางอยู่ด้านโน้น นั่นใช่สีทาบ้านด้วยหรือเปล่าครับ”

    “ใช่ๆ ตรงนั้นมันแพงกว่าเท่าตัว จะซื้อหรือเปล่า แล้วที่สำคัญ ลูกค้าเจ้าอื่นจองหมดแล้ว”


    คนขายตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญ และพยายามตัดบทเพื่อให้ลูกค้ารีบๆซื้อแล้วรีบๆไป

    ผมหันไปมองสีด้านโน้น ด้วยความสงสัยว่า จะแพงกว่าเท่าตัวได้อย่างไร กระป๋องมีขนาดเล็กกว่า
    อีกทั้งวางอยู่เต็มชั้นวาง จะถูกจองซื้อได้อย่างไร

              “ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้ามาใหม่ เพราะผมอยากได้ยี่ห้อโน้น ในเมื่อถูกจองไว้หมดแล้ว
    ผมไปหาซื้อที่อื่นก็ได้”


    ผมหันหลังและเดินออกไปจากร้าน ซึ่งเจ้าของร้านได้ชำเลืองมองข้ามโทรทัศน์ไป ในใจพลางบ่นว่า

    “จะซื้อก็ไม่ซื้อ ถามนู้นถามนี่ เสียเวลาทำมาหากินหมด ดูสิโทรไปเคาะซื้อไม่ทันเลย  ตัวขัดลาภ”

             หลังจากที่ผมออกจากร้านขายสี ผมก็ตรงไปทำธุระที่บริษัทออกแบบบ้าน ซึ่งได้ว่าจ้าง
    สถาปนิกที่นั่นออกแบบโรงจอดรถไว้

    “ไม่ทราบว่าจะติดต่อใครค่ะ”

             “ผมมาติดต่อหัวหน้าสถาปนิกครับ จะคุยเรื่องแบบหน่อยครับ”

    “สักครู่นะคะ จะไปตามให้ รอที่ห้องรับรองก่อนคะ”


    รอได้สักครู่ใหญ่ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา โดยคนที่เปิดประตูเข้ามา กำลังคุยสายโทรศัพท์อยู่ด้วย

    “ได้ๆ ตั้งรอไว้ บ่ายๆน่าจะได้  อืมๆ ตัวที่เหลือก็รอจังหวะขายแล้วกัน มีอะไรโทรมาบอกด้วย
    ส่งข้อความมาบอกก็ได้….ครับ…..ครับ….ได้…..โอเค….. ”

    นั่นคือสิ่งที่ผมได้ยินระหว่างที่เขาเดินเขามา

    “สวัสดีครับ ขอโทษทีครับ ติดธุระนิดหน่อย งานมันเร่งหลายเจ้าเลย ทำไม่ทันเลยครับ”

             “ไม่เป็นไรครับ ผมก็เพิ่งจะมาไม่นานเอง ว่าแต่งานที่ผมสั่งไว้เสร็จไหมครับ”

    “เสร็จครับ เดี๋ยวผมเดินไปเอามาจากที่ห้องให้ครับ รอสักครู่นะครับ”


    ในใจผมคิดว่า ทำไมไม่เตรียมติดตัวมาด้วย รู้ทั้งรู้ว่าผมนัดไว้วันนี้ ระหว่างที่เดินออกไปเอางาน
    เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น แล้วโทรออกไป ประโยคที่ผ่านหูผมก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง นั่นคือ

    “เป็นไง เท่าไรแล้ว ได้ไหม โดนไหม ยังอีกหรือ อะไรเนี่ย อุตส่าห์ต่อคิวไว้แต่เช้าแล้วนะ…….”

    สักครู่ เขาก็เดินกลับเข้ามา แล้วพูดว่า

    “แบบอยู่นี่แล้วครับ ลองเอากลับไปดูครับ ว่าตรงจุดไหนต้องแก้ไขบ้าง แล้วโทรมาบอกผมนะครับ’

             “ผมว่าจะพาพี่ไปดูสถานที่จริงเลยจะดีกว่าไหมครับ จะได้แก้ไขพร้อมๆแบบไปเลยทีเดียว”

    “วันนี้เลยหรือครับ เออ ได้ครับได้”
    สถาปนิกพูดไปพลางก้มดูข้อความในโทรศัพท์ แล้วพูดต่อว่า

    “เออ.. ครับ…ได้ครับ เดี๋ยว….ผมไป…เตรียมตัว…..ก่อนนะครับ”

    พูดเสร็จ เขาก็เดินออกไป ระหว่างที่จะปิดประตูห้อง ผมชำเลืองเห็นเขาหยิบโทรศัพท์เพื่อที่จะโทร
    ออกอีกครั้ง

             ทั้งวันของวันนี้ผมง่วนอยู่กับการไปติดต่อหาซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง ไปติดต่อเรื่องแบบบ้าน
    จนลืมไปว่าวันนี้นัดหมายกับคุณน้าว่าจะพาไปหาหมอฟัน  ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที โดยเพื่อน
    แนะนำว่ารักษาเก่งและราคาไม่สูงมากด้วย

             ผมและคุณน้าไปถึงคลีนิคทำฟันประมาณ5โมงเย็นเศษๆ เข้าไปถึงก็เห็นคนไข้อยู่จำนวน
    หนึ่งแล้วที่นั่งรออยู่  ผมติดต่อกับน้องคนรับคนไข้ว่า

             “ผมนัดไว้5โมงเย็น ขอโทษทีครับที่มาสายไป15นาที ยังเข้าตรวจทันหรือไม่ครับ”

    “คุณหมอยังมาไม่ถึงเลยคะ คนไข้รอบแรก3โมงเย็นยังไม่ได้เข้าตรวจเลย รอสักครู่นะคะ
    คุณหมอใกล้ถึงแล้วคะ”


    ผมคิดในใจว่า คลีนิคที่นี่เปิดบ่ายสามโมงถึงสามทุ่ม  แล้วคนไข้รอบดึกจะทำอย่างไร ปวดประเภท
    อื่นนั้นยังพอทนได้ แต่ปวดฟันนี่สิจะทนกันได้หรือ ผมถามกลับไปว่า

             “แล้ววันเสาร์ อาทิตย์เปิดไหมครับ”

    “เปิดค่ะ เปิดทั้งวัน แต่เห็นคุณหมอบอกไว้ว่า อีกหน่อยอาจจะเปิดเฉพาะวันเสาร์วันเดียวคะ และ
    วันธรรมดาก็จะเปลี่ยนเวลาเปิดด้วย  เห็นว่าจะเปิดหกโมงเย็นแทนคะ”

             “ว่าแต่คุณหมอเขาพักที่นี่ไม่ใช่หรือครับ คือว่าคุณหมอเขาเป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที
    เลยแนะนำกันมา”


    “ใช่คะ แต่คุณหมอเขาออกจากร้านไปทุกเช้าเลย บางวันก็มีแวะเข้ามาช่วงเที่ยงเพื่อรับอุปกรณ์
    วัสดุฟันคะ แล้วก็ออกไปอีกรอบ กลับมาอีกทีบางวันก็มาทันเปิดคลีนิค บางวันก็อย่างที่เห็นแบบวันนี้คะ”


    ผมไม่มีเวลาว่างพอที่จะรอคุณหมอในวันนี้ ก็เลยทำการเลื่อนนัดไปเป็นวันเสาร์  ระหว่างที่ออก
    จากร้านไป เพื่อนผมที่แนะนำผมมาพบคุณหมอคนนี้ ได้โทรศัพท์เข้ามา แล้วถามว่า

    “เป็นไง เรียบร้อยไหม คุณน้าแกว่าไง ไม่เจ็บเลยใช่ไหม”

             “ยังไม่เจอหมอเลย  มาไม่เจอก็เลยเลื่อนนัดไป”  

    “อ้าว เป็นงั้นไป  แต่เพื่อนคนนี้มันทำฟันเก่ง บอกน้าแกเลยว่า ไม่ต้องห่วงนะ  สมัยที่รู้จักกันใหม่ๆ
    ตอนไปอบรมที่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนๆในกลุ่ม ให้มันทำฟันทุกคนและแนะนำกันปากต่อปากนี่แหละ”

             “เออ เอาเป็นว่าได้เรื่องยังไง แล้วจะโทรไปเล่านะ จะขับรถกลับบ้านแล้ว ไว้ค่อยคุยกัน”


             หลังจากที่ไปส่งน้ากลับบ้าน ผมก็คิดมาตลอดทางว่า ทำไมวันนี้ เหนื่อยมาทั้งวันแต่เหมือน
    งานจะไม่ค่อยเดินไปข้างหน้าเลย  ติดขัดเล็กๆน้อยๆ ไปทุกเรื่อง มันเกิดจากอะไรกันแน่

    คำตอบไม่มีอะไรมาก ในฐานะที่ผมก็เป็นนักลงทุนผู้หนึ่งในตลาดหลักทรัพย์พฤติกรรมการแสดง
    ออกของนักลงทุน หรือ ผู้คนต่างๆในสังคมนั้น ได้รับผลกระทบมาจากกิจกรรมที่หลากหลายที่เข้า
    มากระทบในแต่ละวัน หากกิจกรรมดังกล่าวสามารถเข้ามาเป็น ส่วนหนึ่งของชีวิตด้วยแล้ว นั่นก็จะ
    ไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรม แต่จะกลายเป็นพฤติกรรมหลัก ความเคยชินสะสม จนกลายเป็นวิถีการ
    ดำเนินชีวิตไปในที่สุด


    ผมสังเกตุจากตัวเองว่า หลังจากเข้ามาสู่สังคมของการลงทุน มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง  
    และเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ดีขึ้น หรือแย่ลง  สิ่งที่ดีขึ้น แน่นอนก็คือ เป็นคนที่ว่องไวทาง
    ความคิด รู้ว่าสิ่งใดคุ้มค่า ไม่คุ้มค่า สิ่งใดให้ผลตอบแทนที่ดี สิ่งใดให้ผลตอบแทนที่ไม่ดี ส่วนที่แย่
    ลงนั่นก็คือ การนำเอาอารมณ์ความรู้สึกทางด้านการลงทุน เข้ามาเบียดเบียนอารมณ์ความ
    รู้สึกทางด้านวิชาชีพ
     

    แล้วเหตุใดอารมณ์ความรู้สึกทางด้านการลงทุน จึงสามารถเข้ามาเบียดเบียนอารมณ์ความรู้สึกทางด้านวิชาชีพ  

    เหตุเพราะมนุษย์เราไม่รู้จักการแยกแยะบทบาทหน้าที่ที่เรากำลังสวมใส่อยู่ในสังคม  เมื่อ10ปี
    ที่แล้ว เจ้าของร้านขายสีดังกล่าวข้างต้น ไม่รู้จักแม้แต่คำว่า “หุ้น คืออะไร”  “ตัววิ่งด้านล่างจอ
    โทรทัศน์ คืออะไร”  

    รู้แต่เพียงว่า รำคาญตัววิ่งดังกล่าว ดูแล้วปวดหัว  

    รู้แต่เพียงว่า วันนี้จะสั่งของเข้ามาขายหลายๆอย่าง เสาะแสวงหาsupplier ต่างๆเพื่อหาต้นทุนสินค้า
    ราคาถูกๆเข้ามาขาย

    รู้แต่เพียงว่า ลูกค้าคือพระเจ้า เข้ามาต้องมีสินค้าติดมือออกไปทุกครั้ง


    ปัจจุบันนี้ วันที่เพื่อนฝูงชวนเข้ามาเล่นหุ้น  สิ่งที่รู้ดังกล่าวข้างต้นกลับเหลือแต่เพียงว่า

    “จะซื้อก็ไม่ซื้อ ถามนู้นถามนี่ เสียเวลาทำมาหากินหมด ดูสิโทรไปเคาะซื้อไม่ทันเลย  ตัวขัดลาภ”

    กลับกลายเป็นว่า ค้าหุ้น คือ การทำมาหากิน  ลูกค้า คือ ตัวขัดลาภ การเปิดร้านขายสี
    คือ การทำให้หน้าที่ของตนเองจบไป1วัน เพื่อไม่ให้ถูกตราหน้าว่า วันๆไม่ทำอะไร


    สถาปนิกก็เช่นเดียวกัน  สิ่งที่เขาพูดผ่านโทรศัพท์แล้วผมได้ยินนั้น ผมทราบดีว่า เขากำลังพูดคุยกับ
    โบรกเกอร์   เขาลืมบทบาทของตนเองที่ว่า เขาคือ นักออกแบบบ้าน ไม่ใช่นักค้าหุ้น

    สิ่งที่เขาพลาดคือ ปล่อยให้ลูกค้ารอ รอพบ รอดูงาน เพียงเพราะว่าสติไม่ได้อยู่กับงานที่ทำ

    สิ่งที่เขาพลาดคือ  งานไม่เสร็จ งานสะสม  งานเร่งหลายเจ้า งานทำไม่ทัน เพียงเพราะว่าเอาใจ
    ไปใส่ในสิ่งอื่นจนลืมไปว่า งานที่มีรอเขาอยู่นะ


    คุณหมอฟันก็เช่นเดียวกัน ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าสู่วงการตลาดหุ้นโดยผ่านการอบรมที่ตลาดหลักทรัพย์

    เขาเป็น….

    คุณหมอฟันที่เก่งคนหนึ่ง คนไข้นัดหมายเต็ม จนกระทั่งต้องเปิดวันเสาร์และอาทิตย์

    คุณหมอที่มารอคนไข้ จัดตารางการนัดหมายอย่างมีประสิทธิภาพ บริการด้วยใจ


    แต่ปัจจุบันนี้…

    คนไข้เริ่มน้อยลง เนื่องจากคุณหมอเลื่อนนัดหมายบ่อย เรื่องทำฟัน รอกันไม่ได้อยู่แล้ว

    คนไข้ต้องมานั่งรอคุณหมอ  ตารางเวลาเลื่อน คนไข้สะสม สร้างความเบื่อหน่ายให้คนไข้


    คุณหมอมาช้า เพราะว่าไปห้องค้าแต่เช้า วันไหนตลาดคึกคัก ก็อยู่จนตลาดหุ้นปิดแล้วเดินทางมา
    ยังคลีนิค ซึ่งก็สายเสียแล้ว  วันเสาร์อาทิตย์ก็ไม่มีแรงพอที่จะเปิดรักษาคนไข้ เพราะว่าเหนื่อยกับ
    การทำกิจกรรมสองแห่งตลอดระยะเวลา5วันทำการ  

    จากยอดขายร้านที่สูงมาโดยตลอด  งานออกแบบบ้านหลายหลังตลอดทั้งปี รายได้จากการเป็น
    หมอฟันที่สูง ต้องมาจบสิ้นลง เนื่องจากไม่เข้าใจบทบาทของตนเองว่า ตนเองมีหน้าที่หลักคืออะไร
    และอะไรคือสิ่งที่มาที่หลังที่มาเสริมรายได้ในหน้าที่หลัก


    ตัวอย่างทั้งสามอาชีพที่ผมพบเจอ เขาทั้งหลายระลึกแต่เพียงว่า เขาต้องลงทุนเพื่อให้ได้กำไรสูงที่สุด
    ไม่ให้ขาดทุน ต้องการเอาชนะกับสิ่งที่เพิ่งจะรู้จักให้ได้  จนลืมไปว่า สิ่งที่เขาเหล่านั้นรู้จักมาก่อนหน้านี้
    และสามารถเอาชนะมาได้แล้วนั้นกำลังจะถูกเพิกเฉย นั่นก็คือ วิชาชีพที่ติดตัวมา


    ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักคำว่า “หุ้น” เขาทั้งสามคนก็มีชีวิตที่ดี มีสุขภาพทางการเงินที่ดี มีสุขภาพทางสังคมที่ดี
    และมีสุขภาพทางกายจิตใจที่ดี  แต่ใยเล่า จึงกลับกลายเป็นตรงกันข้าม

    “การลงทุนในตลาดหุ้น คือ  ทางเลือกใหม่ในการออม การสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งการลงทุนมีความเสี่ยง
    นักลงทุนต้องทำความเข้าใจและใช้วิจารณญาณในการลงทุนเสมอ”


    เป็นสิ่งที่ท่องจนขึ้นใจมาตลอด แต่ ในทางปฏิบัตินั้นทำไม่ได้

    บทความนี้ ไม่ได้ห้ามให้พ่อค้า สถาปนิก คุณหมอ หรืออาชีพอื่น ห้ามเล่นหุ้น เพียงแต่พยายามจะสื่อให้เห็นว่า
    การลงทุนในตลาดหุ้น คือ ทางเลือก ไม่ใช่ ทางหลัก  

    หากนำเส้นกราฟราคาหุ้น มาโยงพาดเส้นทางหลักของชีวิต ความคิดอ่านที่มีมาก่อนหน้านี้
    จะถูกพัวพันจนแกะไม่ออก   นำมาซึ่งเส้นทางหลักและเส้นทางเลือก ไร้ทิศทางไปพร้อมกัน
    เป้าหมายสุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับ นักพนันที่มีความอยากเพียงเพื่อจะได้เข้าบ่อนคาสิโน จนลืมไปว่า
    เราคือแม่บ้านที่เย็บผ้าเก่ง  ทำกับข้าวอร่อย ข้าคือนักกฏหมายที่ว่าความเก่ง หรืออาชีพอื่นๆก็ตาม


    จงทำให้วิชาชีพที่เป็นเส้นทางหลัก สามารถเดินควบคู่ไปกับ การลงทุนที่เป็นเส้นทางเลือก
    ดั่งเส้นทางลัดได้
     แล้วเมื่อนั่น การประสบความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้เร็วและมั่นคงโดยไม่สูญเสีย
    เส้นทางใดเลย

    แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 17:41:37

    แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:22:30

    แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 14:00:06

    แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 13:58:32

    แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 13:46:07

     
     

    จากคุณ : เย่หยงเทียน - [ 31 พ.ค. 52 13:33:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom