Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ## มนุษย์หุ้น ชีวิตต้องหุ้น ## : มองบนเราขาด มองล่างเราเกิน (1/2)

    วันนี้นายช่างหนุ่มวัยกลางคนมาทำงานที่โรงกลึงแต่เช้าตรู่ ปกติแล้วโรงกลึงที่นี่จะเข้างานตอน
    แปดโมงและเลิกงานตอนห้าโมงเย็น ด้วยความที่เพิ่งจะมาเริ่มงานไม่กี่วัน จึงต้องขยัน มีอะไรที่ทำได้
    ทำก่อน ทำมากกว่าคนอื่น จึงต้องทำเพื่อให้สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้

            ช่วงนี้งานหายาก กว่าจะได้งานแต่ละแห่งต้องรอคนเดิมออกไปเสียก่อน หรือ ไม่ก็ตัวเรามีฝีมือ
    ขยันคุ้มค่ากับค่าแรงรายวันที่ได้รับ  และการที่เราขยันมากๆ ลุยทุกเรื่องที่เข้ามา ทำให้การเขม่นของ
    เพื่อนร่วมงานที่มองว่าเราขยันเอาหน้า ประจบเถ้าแก่จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

            วันนี้หัวหน้าช่างเข้างานสาย จึงโดนเถ้าแก่เรียกไปอบรมอยู่พักใหญ่ ทำให้อารมณ์ของหัวหน้าช่าง
    จากที่เคยมีอคติต่อนายช่างหนุ่มอยู่แล้ว เพิ่มดีกรีความร้อนแรงสู่ความเกลียดชัง รอโอกาสรังแกและ
    หาเรื่องเสมอ

            “นี่ ไอ้เฉวียง มานี่สิ เอ็งเอาไม้กวาดมากวาดน้ำขังหน้าโรงกลึงที แล้วเอ็งก็เอาปูนผสมทราย
    กองนั้น เทพื้นให้สูงขึ้นมาอีก น้ำจะได้ไม่ท่วม อย่าทำเลอะเทอะ เอาให้เสร็จเร็วๆด้วย ฝนจะมาอีกรอบแล้ว”


    “ครับพี่ แต่ผมไม่เคยทำงานปูน ผมเคยทำแต่…..”  นายช่างหนุ่มเกรงว่าจะทำได้ไม่ดีพอจึงพยายาม
    อธิบายกับหัวหน้าช่าง

            “ไม่ต้องพูดมาก รีบๆไปทำ งานเอาเสร็จวันนี้ไม่ใช่เดือนหน้า” พอพูดจบหัวหน้าช่างก็
    เดินหันหลังไปสั่งงานเด็กคนอื่นต่อ

    ด้วยความที่ไม่เป็นงานปูน ทำให้การผสมปูนเป็นไปด้วยความยุ่งยาก หกเลอะเทอะ ใส่ทรายผสมมากเกินไป
    ทำให้ปูนจืด งานออกมาไม่เป็นไปดั่งใจทั้งผู้ทำและผู้สั่ง

            “เอ็งใช้มือหรือใช้ขาทำงาน ไอ้เหวียง งานออกมาแบบนี้ เสียเวลาเสียของไปหมด ทีหน้าที
    หลังไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก ทำงานไม่ได้เรื่อง ใช้อะไรก็ไม่ได้ แค่งานนิดๆหน่อยๆ เอ็งดูอย่างไอ้อู๊ด
    มันทำได้ทุกอย่าง งานปูน ไม้ ไฟฟ้า ประปา สารพัด เอ็งเป็นถึงนายช่างเสียเปล่า โง่จริงๆ”


    นายช่างหนุ่มไม่โต้เถียงอะไร  ปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปโดยเขาตกเป็นจำเลยที่ไม่มีข้อแก้ต่างใดๆทั้งสิ้น  

            หลังเลิกงานวันนี้เพื่อนๆนายช่างและเด็กๆ นัดหมายกันไปเตะฟุตบอลที่สนามข้างวัดในชุมชน  
    ซึ่งการเตะฟุตบอลของบรรดาคนทำงานแถวนี้เป็นที่รู้กันว่า เตะบอลกินเงินกัน  หากไม่มีอะไรเดิม
    พันหาค่าเหล้าค่าเบียร์  คนเหล่านี้ไม่ออกมาเสียเหงื่อเสียเวลาพักผ่อนแน่นอน

            “ไอ้ชาย เข้า เข้า เตี้ย เสียบๆ  เออ อย่างนั้นสิ  ไอ้เหวียง ยิง ยิง  โธ่   เฉียดเสาอีกแล้ว”

    หัวหน้าช่างคนเดิม เดินเข้ามาหานายช่างหนุ่มด้วยความเหนื่อยหอบแล้วพูดว่า
            “วันนี้เอ็งได้ยิงตั้งหลายครั้ง พกลูกตามาจากบ้านหรือเปล่าวะ ประตูออกจะกว้าง เฉียดเสาที
    ออกข้างที หรือว่า จะแกล้งพวกกู ให้พวกกูแพ้ ไปเลย ไป ให้ไอ้สักเข้ามาเล่นแทน ไป”


    นายช่างหนุ่มเดินออกจากสนามและกลับบ้านทันที โดยไม่สนใจผลการแข่งว่าเป็นอย่างไร ตลอดทาง
    ที่เดินกลับห้องพัก เขาครุ่นคิดตลอดเวลาว่า เหตุใดเขาจึงถูกต่อว่าตลอดเวลา อะไรๆก็เรียกใช้แต่เขา
    ทั้งๆที่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะนายช่าง ช่างกลึงเหล็กเท่านั้น  ทันใดนั้นเองเขาได้ยินเสียงคนคุยกัน
    หลังกำแพงพุ่มไม้ ข้างวัดที่เขาเดินเรียบผ่าน

    “ช่วงนี้ฝนตกไปไหนมาไหนลำบากมาก พื้นถนนเฉอะแฉะกว่าจะไปสักที่ได้ตัวเปียกไปหมด
    เมื่อยแขนเมื่อยหัวไหล่ไปหมด ดีนะที่พอมีกำลังบ้างจึงพอไปไหนไกลๆได้ คนซื้อก็ไม่ค่อยจะมี
    ขายไม่ค่อยจะได้เลย ”


    “เจ้ายังดีกว่าข้า หน้าฝนทีไร แม้ตัวข้าไม่เปียก แต่แขนขาฟกช้ำตลอด พื้นมันลื่น รองเท้าคู่เก่งก็
    พลอยเสียหายเพราะเหยียบโดนแอ่งน้ำประจำเลย”

    ด้วยความสงสัยนายช่างหนุ่มก็เลยเดินอ้อมไปดูว่า อีกด้านหนึ่งผู้ใดคุยกันอยู่ ทำไมหน้าฝนต้อง
    ตัวเปียก และ เนื้อตัวต้องฟกช้ำด้วย

    สิ่งที่เขาได้เห็นนั่นก็คือ คนพิการขาทั้งสองข้างกับคนตาบอด  กำลังพูดคุยกันโดยมีแผง
    สลากกินแบ่งแขวนอยู่ที่คอ

    นายช่างหนุ่มจึงเข้าใจในสิ่งที่เขาทั้งสองพูดคุยกันเมื่อได้รู้ว่าใครคือ เจ้าของเสียงที่ได้ยิน  

            เขาเดินกลับไปถึงห้องพักด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน  เวลานั้นก็ประมาณหนึ่งทุ่มเศษๆ
    แต่นาฬิกาที่แขวนผนังทางขึ้นห้องพัก บอกเวลาไว้ที่บ่ายสามโมง ….แม้แต่นาฬิกายังมีวันหมด
    แรงเดินแล้วมนุษย์อย่างเราแรงกายแรงใจไม่มีหมดได้อย่างไร


            เช้าต่อมา นายช่างหนุ่มจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะขอเถ้าแก่ลาออก เพื่อไปหางานใหม่ทำ งานที่ได้
    ใช้ความรู้ความสามารถจริงๆของตนเอง เขาเดินลงมาจากห้องพัก หันไปมองนาฬิกาที่ผนัง ที่ประจำ
    ที่เขามอง  วันนี้กำแพงว่างเปล่าไม่มีอะไรแขวน  ด้วยความที่อยากรู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว เขาจึงรู้สึก
    หงุดหงิดเล็กน้อยและพยายามมองดูเวลาตามห้องคนอื่น ซึ่งห้องอื่นก็ปิดประตูทุกห้อง  ลงไปที่
    ร้านค้าข้างล่างตึกเพื่อถามเวลา แม่ค้าก็ไม่อยู่   เขาจึงไม่ต้องการทราบเวลาแล้ว และรีบตรงไปยัง
    โรงกลึงที่ทำงาน เพื่อจะลาออกจากงานตามที่ตั้งใจไว้

            การมาลาออกครั้งนี้ เถ้าแก่ไม่อนุมัติให้ลาออก เพื่อนร่วมงานหลายคนสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่น
    หัวหน้าช่างก็คิดไปต่างๆนาๆว่า นายช่างหนุ่มคงเอาเรื่องที่เขาใช้งานนั้นไปฟ้องเถ้าแก่แน่นอน
    เดี๋ยวเถ้าแก่ก็คงลงมาจัดการตัวเขา  แต่จริงๆแล้วเหตุผลที่เถ้าแก่ไม่ให้ลาออกนั้น เพียงเพราะ
    นายช่างหนุ่มเขาเล่าเรื่อง คนพิการ2คน กับ เรื่องนาฬิกาที่ห้องพัก ให้เถ้าแก่ฟังเท่านั้น….


    เถ้าแก่เข้าใจในสิ่งที่นายช่างหนุ่มอธิบายอย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องทักท้วงใด อีกทั้งยังอธิบาย
    เพิ่มเติมให้นายช่างหนุ่ม โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า

            ในสมัยก่อนตอนที่เถ้าแก่ยังเป็นวัยรุ่น ก็ไม่เข้าใจชีวิตเฉกเช่นกับเด็กหนุ่มทั่วไป ไม่เข้าใจว่า
    ทำอะไรแต่ละอย่างไม่เคยสำเร็จสักที  ช่วงเป็นเด็กฝึกงาน ถูกใช้ให้ทำงานหลายอย่าง ทำสำเร็จก็ดี
    ไป ทำไม่สำเร็จก็ถูกต่อว่าต่างๆ จนกระทั่งวันหนึ่งวันที่เถ้าแก่ได้รู้จักการลงทุน เป็นการลงทุนจริงๆคือ
    เปิดโรงกลึงเป็นของตนเอง  มีการขยายกิจการงาน มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มากเพียงพอให้เอา
    ไปลงทุนในที่ดิน ทอง หุ้น  ทำให้แกรู้ว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่เกินกว่า มนุษย์จะเอาชนะได้  
    แม้ว่าจะชนะแต่การชนะตลอดไปนั้นก็ยากเช่นกัน


    เถ้าแก่ทราบเรื่องราวที่นายช่างหนุ่มถูกสั่งให้ทำงานปูน เนื่องจากเป็นคนสั่งให้หัวหน้าช่างทำเรื่องนี้
    จึงได้ลงมาติดตามงานและทราบเรื่องราวทั้งหมด เถ้าแก่บอกว่า

            “ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง นายอู๊ดที่หัวหน้าช่างชมนักชมหนาว่า  เก่งไปทุกเรื่อง เขาก็ยัง
    เป็นถึงนายช่างกลึงไม่ได้  หรือ แม้แต่จะให้ซ่อมรถ อย่างที่เจ้าทำเป็นก็ไม่ได้เช่นกัน”

           
            เถ้าแก่เพิ่มเติมว่า  "นิ้วมือทั้งห้านิ้ว ยังไม่มีโอกาสสูงยาวเท่ากันได้ และไม่มีโอกาส
    ทำหน้าที่ทดแทนกันได้ แต่ก็มีความสำคัญทุกนิ้ว ฉันใดก็ฉันนั้น เจ้าอาจจะไม่ใช่คนเก่งในสายตา
    หัวหน้าช่างในวันนี้ แต่ วันข้างหน้า วันที่รถของหัวหน้าช่างเสีย เจ้าจะเป็นคนเก่งในใจเขาแน่นอน"


            เถ้าแก่กล่าวต่ออีกว่า “พวกเจ้าก็ใช่ว่าไม่เคยเตะฟุตบอลด้วยกัน ข้าเห็นทุกเย็นเสมอ บางครั้ง
    ยังแอบไปดูด้วยซ้ำ เจ้าน่าจะเข้าใจการดำเนินชีวิตว่าไม่ต่างอะไรกับการยิงประตูฟุตบอล  
    นักฟุตบอลเก่งๆระดับโลก ในเกมๆหนึ่ง เจ้าเคยนับได้ไหมว่า เขายิงประตูกันกี่ครั้ง แน่นอนว่าเป็นสิบๆครั้ง
    แต่ทำไมผลการแข่งกัน บางครั้งมีการทำประตูเพียง1-2ลูกเท่านั้น”

            “ก็เพราะว่าทุกครั้งที่ทำอะไรสักอย่าง มันต้องมีข้อผิดพลาดเสมอ เพียงแต่ว่าอย่า
    ให้ข้อผิดพลาดนั้นซ้ำแบบเดิม
    เป้าหมายต้องได้รับสักครั้งสักหน  ยิงด้านนี้ไม่เข้า ยิงอีกด้านไม่เข้า
    ยิงโด่งหน่อย เข้าประตู ซึ่งหากเรามัวแต่ทำซ้ำๆจุดเดิม การทำประตูไม่เกิดขึ้นแน่นอน ”

    .
    .
    .
    .
    อ่านต่อข้างล่างครับ

     
     

    จากคุณ : เย่หยงเทียน - [ 2 มิ.ย. 52 18:01:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom