Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    การลงทุนแบบ Dollar cost Averaging

    อำนาจ อุดมสมุทรหิรัญ

    เห็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์บ้านเราปรับตัวขึ้นมาดีๆ อยู่ๆ ก็ตกลงแรง ทำให้คำถามที่อยู่ในใจของผู้จะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ “ซื้อหุ้นตอนนี้ดีไหม” หรือไม่ก็ “ซื้อหุ้นตอนไหนถึงจะได้กำไรดีที่สุด” คำถามข้างต้นดูเหมือนจะเป็นคำถามยอดฮิตเป็นที่สนใจใคร่รู้แก่นักลงทุนทั่วไป แต่คำตอบที่ได้รับมักไม่ค่อยสร้างความกระจ่างให้สักเท่าไร ว่าควรจะซื้อดีหรือไม่ควรจะซื้อดี เพื่อขจัดปัญหาเรื่องจังหวะเวลาในการลงทุน นักวางแผนทางการเงินมักจะแนะนำเทคนิคในการลงทุนแบบหนึ่งคือการลงทุนแบบซื้อเฉลี่ย หรือ Dollar Cost Averaging (DCA) วิธีการของ DCA คือการแบ่งเงินที่จะลงทุนออกเป็นจำนวนย่อยๆ เท่าๆ กัน และนำไปลงทุนเป็นประจำตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างแน่นอนเป็นงวดๆ เช่น ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน โดยไม่ต้องสนใจว่าราคาหุ้นขณะนั้นจะเป็นเท่าไร ด้วยวิธีการนี้ในยามที่ตลาดดี ราคาหุ้นแพง ผู้ลงทุนก็ซื้อหุ้นได้น้อยลง ยามที่ตลาดไม่ดี ด้วยเงินจำนวนเดียวกัน ราคาหุ้นถูก ก็ซื้อหุ้นได้มากขึ้น เป็นการถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุนให้ลดน้อยลง

    สมมติผู้ลงทุนซื้อกองทุนที่ลงทุนตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เช่น TDEX โดยแบ่งเงินมาซื้อเดือนละ 1 หมื่นบาท ทุกวันทำการแรกของแต่ละเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2551 มาเรื่อยๆ จนถึง วันที่ 1 มิ.ย. 2552 รวม 12 ครั้ง ผู้ลงทุนจะ ซื้อหน่วยลงทุนได้ทั้งสิ้น 32,792.57 หน่วย ด้วยต้นทุนเฉลี่ย 3.66 บาท เทียบกับการลงทุนก้อนเดียวจำนวน 1.2 แสนบาท ตั้งแต่งวดแรก จะ ได้รับหน่วยลงทุนทั้งสิ้น 22,140.22 หน่วย ต้นทุนเฉลี่ย 5.42 บาท จะเห็นได้ว่าในระยะ 1 ปีล่าสุด การลงทุนแบบซื้อเฉลี่ยทุกๆ เดือนจะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนมากกว่าการลงทุนแบบก้อนเดียวถึง 10,652.35 หน่วย

    ในแง่ของผลตอบแทนจากการลงทุนตามตัวอย่างข้างต้น นักลงทุนที่ซื้อแบบถัวเฉลี่ยมาเรื่อยๆ จะมีมูลค่าพอร์ตการลงทุน ณ วันที่ 1 มิ.ย. 2552 เท่ากับ 136,745 บาท คิดเป็นกำไรจากการลงทุน 13.95% ทั้งๆ ที่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวตลาดหุ้นขาดทุนไปลบ 23.06% คือราคาหน่วยลงทุนลดลงจาก 5.42 บาท ในงวดที่ 1 เหลือเพียง 4.17 บาท ในงวดที่ 12

    อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจกันเล็กน้อยว่าเทคนิคในการลงทุนแบบซื้อเฉลี่ยนี้ ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาดโดยรวมหรือสูงกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่นเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของราคาหุ้นในแต่ละช่วง เช่น ถ้าหากเป็นภาวะที่ตลาดปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องกันตลอด ทั้งปี การลงทุนแบบก้อนเดียวตั้งแต่ต้นงวดย่อม จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า

    ลองมาดูตัวอย่างผลตอบแทนของการลงทุนแบบวิธีซื้อเฉลี่ยในระยะเวลายาวขึ้น เช่น สมมติให้มีการลงทุนด้วยเงิน 1 หมื่นบาท ในทุกวัน ทำการแรกของแต่ละเดือน เทียบกับการลงทุนโดยวิธีซื้อครั้งเดียวด้วยเงิน 1.2 แสนบาท ในตอน ต้นปีของแต่ละปี พบว่าการลงทุนแบบซื้อเฉลี่ยให้ ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนแบบซื้อครั้งเดียว เพียง 4 ครั้ง และให้ผลตอบแทนต่ำกว่าการซื้อครั้งเดียว 6 ครั้ง นอกจากนี้ผลตอบแทนโดยรวมตลอด 10 ปี ยังต่ำกว่าการซื้อครั้งเดียวอีกด้วย

    เห็นอย่างนี้แล้วอย่าเพิ่งเมินวิธีการลงทุนแบบซื้อเฉลี่ย ท่านผู้อ่านลองสังเกตตัวเลขผลตอบแทนในแต่ละปีของทั้งสองวิธีดูอีกครั้งหนึ่ง จะเห็นว่าการแกว่งตัวของผลตอบแทนจากปีหนึ่งไปอีกปีหนึ่ง ของการลงทุนด้วยการซื้อเฉลี่ยต่ำกว่าการลงทุน แบบซื้อครั้งเดียวอย่างชัดเจน (แม้ว่าจะยังถือว่ามี การแกว่งของผลตอบแทนค่อนข้างมากอยู่ดี) การแกว่งตัวของอัตราผลตอบแทนนี้เป็นเครื่องสะท้อนความเสี่ยงของการลงทุน ดังนั้นถึงแม้ว่าในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาการลงทุนแบบซื้อเฉลี่ยทุกเดือน จะ ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนแบบซื้อครั้งเดียวตอนต้นปี แต่ก็ช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทนลงได้ด้วย

    ประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างของการลงทุนแบบนี้คือการสร้างความมีวินัยในการลงทุน และช่วย ขจัดการซื้อขายที่เกิดจากปัจจัยด้านอารมณ์ (ความโลภและความกลัว) เช่น การเลือกที่จะลงทุนตามกระแสในจังหวะเวลาที่หุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง และทำในสิ่งตรงกันข้ามคือออกจากตลาดในช่วงที่ ทุกคนตื่นกลัวกับการดิ่งลงของดัชนีอย่างรวดเร็ว

    ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการลงทุนแบบซื้อเฉลี่ย ก็คือ ผลทางด้านจิตวิทยาที่ช่วยให้ผู้ลงทุนไม่ค่อยรู้สึก “เสียใจ” หรือ “เสียดาย” มากนักเมื่อเทียบกับการตัดสินใจลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ๆ เพียงจำนวนเดียว นักลงทุนที่ใช้วิธีการซื้อเฉลี่ยมัก ไม่ค่อยกังวลกับราคาหุ้นที่ตกลงมามากนัก เพราะนั่นถือเป็นโอกาสที่จะได้ซื้อหุ้นได้ในจำนวนมากขึ้นด้วยเงินลงทุนเท่าเดิม ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองตกรถไฟเวลาที่หุ้นขึ้นไปเร็วๆ เพราะได้ มีการลงทุนติดพอร์ตเอาไว้บ้างแล้ว ดังนั้นในแง่ของความสบายใจแล้ว การลงทุนแบบซื้อเฉลี่ยช่วยให้นักลงทุนนอนหลับสบายมากกว่าการลงทุนแบบอื่นๆ โดยเฉพาะท่านที่ไม่ได้มีเวลามาติดตามความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมากนัก

    ถ้าท่านมีคำถามค้างคาใจเรื่องจังหวะหรือเวลาที่เหมาะสมต่อการลงทุนในตลาดหุ้น แล้วยังหาคำตอบที่ตรงใจไม่ได้ ลองพิจารณาการลงทุนแบบซื้อเฉลี่ยเท่าๆ กันเป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุนดูนะครับ

    http://www.posttoday.com/stockmarket.php?id=52856

    จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา - [ 18 มิ.ย. 52 14:24:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom