ความคิดเห็นที่ 1 วิธี   ยืมหุ้นมาขาย   (  ผมก็ไม่รู้จักหรอก ) ก็ใช้หลักการอย่างนี้ใช่มั้ยครับ ดึงเอาเงินสดออกมาใช้ในหุ้นขาลง แต่ผมไม่มีหุ้น  จะไปเอาหุ้นที่ไหนมาขายล่ะครับเนี่ย จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 16:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ใช่ จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 18 มิ.ย. 52 16:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^ แล้วมันเป็นไงครับ ตอบสั้นจังเลย :) จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 16:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 short against port ป่าว จากคุณ : silver(comet) - [ 18 มิ.ย. 52 16:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่ค่ะ แต่ถ้ารู้ล่วงหน้าว่ามันจะตกต่อก็ดีค่ะ แล้วเกิดขายปุ๊บ มันกระชากขึ้นอย่างแรง แทนที่จะได้เงินคืน กลับต้องเติมเงินเข้าไปอีก ถ้าดูตลาดขาด ทำแบบนี้ก็ดีค่ะ ช่วยลดต้นทุนลง จากคุณ : Breakfast In America - [ 18 มิ.ย. 52 16:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลองทำเอกเซลดู จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 16:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่เงินที่คืน เอาไปลบกะตันทุนที่ซื้อตอนแรก มัน 100000 บาทนะ ได้คืนมาแค่ 90000 นี่ หายไปตั้ง 10000 บาท แต่หุ้นเท่าเดิม ถ้าหุ้นมากกว่าแต่ใช้เงินจำนวนเท่าเดิมล่ะ น่าจะเข้าใจง่ายขึ้นมั้ง เราก็ short against port กะ TTA ประจำ แต่งวดนี้ ไม่ทัน 55555   วันนี้เลยได้แต่  PTTEP  ซื้องวดแรก 136  วันนี้ขาย 133  รับกลับมาที่  126.50 บวกลบกลบหนี้แล้ว cover short ได้กำไร 3.50 บาท แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 17:00:40 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 16:58:54 จากคุณ : แฟนNesta - [ 18 มิ.ย. 52 16:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มันติดคำว่า "ถ้า" อ่ะครับพี่ คำเดียวเลย จากคุณ : เบดูอินเกิร์ล - [ 18 มิ.ย. 52 16:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จริง ด้วยครับ  คุณ: Breakfast In America เราจะรู้ว่า  มันจะลง ก็หลังจากมันลงไปแล้ว   จุดนี้ ต้องเป็นจุดที่นำมาคิด ซึ่งก็ต้องพึ่งการคำนวณในเบื้องสูงต่อไป ปัญหาคือ  ถ้าเราซื้อคืนไม่ได้ล่ะ งานนี้ เครียด   - -" จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 16:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อะนนี้เจอกับตัวมาแล้ว  ขาย short TTA ที่ 22 บาท ส่วนนึง พ่อวิ่งไป เกือบๆ 24 บาท จ๋อยยย เลยย  แต่ถ้าใจเย็นนะ เน้น ใจเย็นนะ รอๆๆๆ วันนี้เป็นไง ไอที่ short ไว้ ได้กลับมา แถม cover short ที่ขาดทุนซื้อสูงไปในคราวก่อนอีกต่างหาก จากคุณ : แฟนNesta - [ 18 มิ.ย. 52 17:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ใช่ครับ ที่คุณคำนวณมา มันก็ยังขาดทุน 10000 บาท เท่าเดิมนี่นา ลองคิดดูใหม่ดีๆ นะ ครับ  คุณจะได้เท่าทุนก็ต่อเมื่อคุณซื้อ 80,000 บาท แล้วราคาหุ้นมันต้องขึ้นไปที่ 90,000 บาท คุณถึงจะได้แค่เท่าทุน และยังไม่ได้กำไรด้วย จากคุณ : วิศวกร (SOMBOON9) - [ 18 มิ.ย. 52 17:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มันก็ดูเป็นวิธีการง่ายๆ เพราะหนังมันฉายแล้ว จากคุณ : ** ชายใหญ่ ** - [ 18 มิ.ย. 52 17:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พี่  แฟนNesta เราเน้นที่ถือหุ้นเท่าเดิม   (  หุ้นติดดอย  )  แต่เราไม่ปล่อยให้มันเหงาครับ เราคิดซะว่า  เราได้หุ้นฟรี  เอามาขายก่อน  ( อันเดิม อย่าเพิ่งเอาราคามาคิด ) แล้วกลับไปซื้อถูกกว่าเดิม สรุป  หุ้นเรายังมีเท่าเดิม  แต่เราได้เงินส่วนต่างออกมาแล้ว  คล้าย ๆ พี่ขาย TTA  ไง จริง ๆ คงมีพี่ ๆ ในห้องหลายคนทำแล้วล่ะ แต่มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ก็เลยมาถาม ๆ ดู ติดปัญหาใหญ่  เพราะเราไม่รู้ว่าหุ้นจะลงจริงมั้ย ต้องอาศัยเทคนิคช่วย  ( ถ้าไม่พออาจต้องขอแรงอาชีวะอีกด้วย ) จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 17:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จริงครับ  พี่ชายใหญ่ ลองคิดเล่น ๆ น่ะครับ กลัวฟุ้งซ่านเห็นมันลงเอาลงเอา  เด๋วจะพาลไปรับมา  555 จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 17:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หลักการของครูเฒ่า  หุ้นขึ้น ได้เงินเพิ่ม หุ้นลง ได้หุ้นเพิ่ม ถ้ามั่นใจว่าแนวโน้มลง (จากเหตุผลต่างๆของตัวเอง) ก็ขาย รอจนเปลี่ยนแนวโน้ม (อย่าไปหวังว่าจะได้จุดต่ำสุด) ค่อยซื้อคืน ด้วยเงินทั้งหมดที่ได้ตอนขาย จะได้หุ้นมากขึ้น ใช้ในกรณีรักเดียวใจเดียว ไม่ไปเล่นตัวอื่น จากคุณ : meaka - [ 18 มิ.ย. 52 17:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ล้อเล่นใช่มั๊ยครับ ถ้าคิดแบบนี้จริงๆ ผมว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่นเถอะครับ จากคุณ : Ta 999 - [ 18 มิ.ย. 52 17:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พี่ SOMBOON9 ผมไม่ได้หมายถึง ขายหุ้นทั้งหมด  ผมหมายถึง  เราจะยังคงถือหุ้นไว้อยู่ แต่ทำอย่างไร  ให้หุ้นที่มันนอนนิ่งในมือเรา  มีรายได้ให้เรา เงื่อนไขของวิธีนี้ ก็คือ  เราต้องซื้อหุ้นคืนให้ได้ครับ  โดยราคาต้องต่ำกว่าราคาที่ขายไปครั้งแรก ส่วนปัจจัยสำคัญ  คือ  เราต้องรู้แน่  หรือค่อนข้างมั่นใจว่ามัน ลงแน่ ๆ จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 17:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ   Ta 999   ไม่ได้ล้อเล่น นี่ถ้าติดดอย  ผมทำจริง ๆ นะ คุณลองพิจารณาตามอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน ค่อยตอบผมก็ได้ จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 17:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณเจ้าของกระทู้ครับ วิธีนี้ผมว่าผิด นะครับ เพราะคุณ จะขาดทุนแน่ๆ 10000 บาท อีกทั้งค่า คอมทั้งตอนซื้อและขายอีก 3 รอบ คูณ 2 เป็นหก อีก อย่าลืมว่า เราลงทุน ครั้งแรก 1แสน นะครับ ลองคิดทบทวนดูหลายรอบแล้ว ผมว่าถ้าเป็นผม ยอมติดดอย ที่ 10 บาท เหมือนเดิม ดีกว่า คุณไม่ขายก็ไม่ขาดทุน ไม่ต้องมาเสียค่าคอมหลายรอบด้วย ยังไง มันก็ขึ้นมารับคุณอยุ่ดี แม้บางทีอาจนานมาก หรือ ถ้าไม่ไหวจริง ก็  cutloss ออกมาแล้วไปซื้อ หุ้นตัวอื่นดีกว่าครับ  อาจจะมีกำไรด้วยซ้ำ จากคุณ : oscar306 - [ 18 มิ.ย. 52 17:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พี่ meaka ใช่ครับพี่ จะเป็นอย่างนั้น ก็ได้   เพราะส่วนต่าง  จากการยืมหุ้นตัวเองมาขาย ทำให้เรามีเงินซื้อหุ้นได้เพิ่มมากขึ้น  นั่นหมายถึง  ที่ราคาดอยเดิม  1 แสนบาท แต่เราเอาหุ้นไปหมุนจนได้หุ้นมาเพิ่มมากขึ้น แสดงว่า  ราคาต่อหุ้น  เราต้องลดลง ตามสัดส่วนตัวหารที่มากขึ้น สรุป ก็คล้าย ๆ กันกับครูเฒ่า   ( งั้น แสดงว่าเค้าใช้กันเยอะล่ะสิ  ผมนี่ เชยจริง ๆ   ) จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 17:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลองอ่านห้อง อิสระภาพทางการเงินครับ ^^ จากคุณ : hehew - [ 18 มิ.ย. 52 17:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมว่า ผลมันก็ถูกนะครับ แต่วิธีการคิดมันผิดนิดนึง ผมว่า มันก็เหมือน คัทลอส ลงมาซื้อที่ต่ำกว่านั้นนี่ครับ มันคือการ ลดการขาดทุน แต่ไม่ใช่วิธีลงดอย แล้วถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างที่สมมติ ก็แปลว่า ทำได้ตามกฎตัวเอง คือ คัทที่ 10% แต่อาจจะมือบอน รับเร็วไปหน่อย จากคุณ : es_ciro - [ 18 มิ.ย. 52 17:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ลองเข้าไปอ่าน DSM ในคลับอิสระทางการเงินดูซิครับ หลักการคล้ายกับที่คุณบอก คือไม่สนใจค่าของ port เเต่สนจำนวนหุ้น เเละ จำนวนเงินเเฝง[เรียกว่ากระเเสเงินสดแฝง]ที่ดึงออกมาได้ จากคุณ : GF - [ 18 มิ.ย. 52 17:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ได้กำไรนะ  เอาง่ายๆ นะ วันนี้เรา short PTTEP นะ เอา 100 หุ้นก็พอ จะได้เห็นง่ายๆ ซื้อ 100  ที่ราคา  136  เป็นเงิน รวมค่าคอม  13629.10   ขาย 100   ราคา  133  เป็นเงิน รวมค่าคอม  13272  เงินหายไป 357 บาท ได้เงินกลับมาใช้  13272 บาท ซื้อกลับ    ราคา   127  เป็นเงิน รวมค่าคอม  12733.97  ยังเหลือเงินที่ได้คืนมา  538 บาท  อยู่ใน port  เอาไปหักกับที่ซื้อ ราคาสูงที่ 136 แล้ว เป็น 538 - 357  = +181 บาท  กำไรตั้ง 181 บาท แน่ะ ลองเอา 538 บาทที่ได้มา ไปรวมกับราคา 13272 + 538 = 13810   สรุป หุ้นเท่าเดิม เงินก็ได้กลับมาครบ แถมมีน้ำจิ้มเพิ่มอีก  ... อืมมม แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 17:49:21 จากคุณ : แฟนNesta - [ 18 มิ.ย. 52 17:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แฮ่   ๆ  ใช่เลยครับ  ต้องลองของจริงอย่างพี่ แฟนNesta ว่า ถึงจะเห็นผลลัพธุ์จริง ๆ ปัญหาคือ  หุ้นต้องลงต่อเท่านั้นครับ จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 17:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 วิธีการของ จขกท เรียกว่า Short against port ครับ เป็นสิ่งจำเป็นแรกๆ ของการเล่นหุ้นขาลงเลย เอาเงินโบรคมาใช้ก่อนแต่หุ้นเท่าเดิม เช่น ขาย 9 บาท ซื้อกลับ 8 บาท หมื่นหุ้น วันนั้นจะได้เงินมา 10000 บาท ถ้าราคามาเท่าเดิมจะได้กำไรแล้วขณะที่คนไม่ทำอะไรเลยเพิ่งเท่าทุน สมัยเล่น TTA แรกๆ ทำบ่อยครับประหยัดได้เยอะ ส่วนที่ยืมหุ้นมา Short ไม่ใช่แบบนี้ครับแต่ต้องไปโบรกที่มี SBL แล้วขอยืมหุ้นมาขายก่อนแล้วค่อยซื้อคืน ส่วนต่างราคาที่ลงจะเป็นกำไรทันที แต่ Short Against Port ทำให้มีเงินสดมากขึ้น ซื้อหุ้นได้มากขึ้น ลดการขาดทุนลง แต่ถ้ายืมหุ้นมา Short คือการเล่นแบบ future เลยครับ วันนี้ก็ยืม TTA มา short เหมือนกัน ถ้าไม่อยากเปิด port ใหม่ก็รอ Single Stock Future ทำได้เหมือนกันไม่เสียดอกเบี้ยด้วย แต่ผมว่าคนเล่นไม่เยอะมีฟันหลอแน่ เลยขอใช้ธุรกรรม SBL ไปก่อนดีกว่า เปิดบัญชี Margin ได้ Leverage มาใช้อีกครับ จากคุณ : Mr. Nightman - [ 18 มิ.ย. 52 17:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วถ้า 10000 หุ้นใช้เงินแค่ 100 ล่ะ อย่างนี้ก็เหมือนซื้อ n-park อ่ะดิ จากคุณ : KOKISME - [ 18 มิ.ย. 52 17:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่ hehew  แล้วจะเข้าไปดูครับพี่  ท่าทางจะมีอะไรดี ๆ ขอบคุณที่ชี้ทางครับ จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 17:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มันก็คือการ short against port  นั่นแหละ.. ถ้าเปลี่ยนวิธีอีกนิด ขาย 10000 หุ้นที่ 9 บาท มาที่ 8 บาท ใช้เงิน 90000 บายซื้อจะได้ 11250 หุ้น เป็นการกำไรหุ้นแทน.. เรียกว่า dsm จะกำไรเงิน หรือกำไรหุ้นก็ทำได้ในกรณี .. สิ่งสำคัญก็กลับมาที่โจทย์ดั่งเดิมที่สุด คือ รู้ได้ยังไง ว่าเมื่อไหร่หุ้นจะลง?? รู้ได้ยังไง ว่าเมื่อไหร่ หุ้นจะขึ้น?? จากคุณ : บุญทับ - [ 18 มิ.ย. 52 17:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 รับทราบครับ พี่บุญทับ วิธีนี้ น่าสนใจ ( DSM )  คงต้องไปเซิร์จหาอ่านบ้างแล้ว  เห็นพี่ hehew  ให้เข้าห้องอิสราภาพทางการเงิน เดี๋ยวลองไปที่นั่นก่อนครับ จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 18:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 31 . แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 18:19:58 จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 18 มิ.ย. 52 18:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 32 . แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 18:27:12 จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 18 มิ.ย. 52 18:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วิธีนี้จะดีก็ต่อเมื่อ เราคิดว่ามันจะลง แล้วมันลงจริงๆ นะครับ ไม่ใช่คิดว่าจะลง แล้วพอวันที่เราจะไปซื้อคืน มันวิ่งหนีไปแล้ว แบบนั้นล่ะขาดทุนเลย จากคุณ : ชาเขียว - [ 18 มิ.ย. 52 18:40:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คำตอบคือ ถ้าคุณรู้ว่าหุ้นมันจะขึ้นลงตอนไหน เท่าไหร่ อย่างไร กำไรทุกคนครับ เชื่อผมสิ ถ้า...... คุณรู้ว่ามันจะขึ้นลงแบบไหน ไปลอง TFEX เลยครับ กำไรเยอะกว่าเห็น ๆ แถมได้ทั้งขาขึ้นขาลง เงินลงทุน 100,000 บาท สองสัญญา รู้เรื่องครับ แต่ถ้าผิดทาง ตัวใครตัวมันนะครับ จากคุณ : red_devil - [ 18 มิ.ย. 52 18:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คริคริ  ผม ไม่รู้อะครับ จากคุณ : sandee.kung - [ 18 มิ.ย. 52 18:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าพอร์ตยังว่าง ก็ซื้อเฉลี่ยดอยกันไป แต่ถ้าพอร์ตเต็มหมดหนทางแล้วกว่าจะรอมันขึ้นมามันไม่ทันใจ จะเสี่ยงใช้วิธีนี้ก็เอา จากคุณ : TSL - [ 18 มิ.ย. 52 19:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณจะติดดอยก็ต่อเมื่อ คุณคิดว่าคุณเป็นนักลงทุนระยะสั้นแต่เทคนิคของคุณเป็นเทคนิคของนักลงทุนระยะยาว ดังนั้นมีวิธีแก้สองวิธี 1. เปลี่ยนความคิดและเงินทุนของคุณให้เป็นเงินลงทุนระยะยาว คุณจะซื้อเมื่อหุ้นถูกจริงๆ(ตามพื้นฐาน)และคุณจะไม่รู้สึกว่าคุณติดดอยแม้ว่าราคามันจะลงไปบ้าง อนาคตของหุ้นคุณอยู่ที่เงินปันผลและแคปปิตอลเกนในช่วงเวลาหลายปีข้างหน้า หรือ 2.เปลี่ยนเทคนิคของคุณให้เป็นเทคนิคระยะสั้น เทคนิคระยะสั้นจะใช้ได้ผลเมื่อคุณรู้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงในช่วงเวลาแคบๆนั้น ซึ่งถ้าคุณพลาดเช่นช็อตพอร์ตแล้วดันขึ้น คุณจะเสียสองต่อ คือเสียจากราคาขายของหุ้นที่ถูกกว่าตอนซื้อมา และเสียจากตอนซื้อหุ้นคืนในราคาที่แพงกว่าตอนขาย ถ้าใช้เทคนิคระยะสั้น อย่ารีรอที่จะขายถ้าเทคนิคระยะสั้นบอกว่าลง คุณจะไม่ติดดอย ส่วนจะมีกำไรหรือเปล่าขึ้นกับเทคนิคระยะสั้นคุณแม่นแค่ไหน ถ้าไม่แม่นเลย ลองพิจารณาข้อ 1 อีกที จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 18 มิ.ย. 52 19:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 38 วิธีการนี้  "ถูก"  เมื่อเป็นไปอย่างที่คิด แต่ก็จะ  "ผิด"  ทันทีที่ไม่เป็นไปตามประสงค์ จะถูกหรือผิด ชีวิตนี้ยังไงก็ต้องสู้นะ ขอให้โชดดีละกัน จากคุณ : Duo-Core - [ 18 มิ.ย. 52 19:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เข้ามาอ่าน หาความรู้ให้สมองเม่าค่ะ คุณคห.36 พอร์ตว่าง ซื้อเฉลี่ยดอย พอร์ตเต็ม ให้วิธีจขกท. คือยังไงคะ รบกวนอธิบายด้วยค่ะ จากคุณ : ยะตาซัง (ยะตาซัง) - [ 18 มิ.ย. 52 19:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 พี่แสนดีไม่รู้ แล้วผมยิ่งไม่รู้ใหญ่เลยครับ :) สุดท้าย มันก็ต้องไปดูเทคนิคประกอบเป็นสำคัญ เพื่อดูแนวโน้มว่ามันจะลงต่อจริงมั้ย ถ้ามันลงนิดแล้วขึ้นมาคืนล่ะ ก็ใช้วิธี คัตไว้ก่อน แทรกวิธีคัต เข้าไปในวิธีชอร์ต....เพื่อลดอาการบาดเจ็บให้น้อยลง แต่เรายังมีหุ้นเหมือนเดิม..โดยที่หุ้นขึ้นไปด้วย และส่วนต่างที่ได้มาก่อนหน้านั้นด้วย ขอบคุณทุกท่านที่มาแชร์กัน จูบุ๊...จูบุ๊... จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 19:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พี่มังกรใจเย็น  สุดยอดครับพี่  ได้อะไรเยอะเลย  ขอบคุณครับ   จากคุณ : Pixzz - [ 18 มิ.ย. 52 19:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มีหุ้น  ราคา 10  บาท  10,000  หุ้น  ทุน  100,000  บาท ตกดอยมาราคา  9  บาท  ขายทิ้ง  9  บาท  เป็นเงิน  90,000  บาท กลิ้งไปต่อที่  8  บาท  ซื้อคืน  10,000  หุ้น   เป็นเงิน  80,000  บาท มีเงินสดเหลือ1หมื่น ---- ตกมาที่ 7 บาท ขายทิ้ง  เป็นเงิน 70000 ตกมาที่ 6 บาท ซื้อคืน เป็นเงิน 6หมื่น มีเงินสด 2หมื่น ---- ตกมาที่ 5 บาท ขายทิ้ง เป็นเงิน 50000 ตกมาที่ 4 บาท ซื้อคืนเป็นเงิน 4หมื่น มีเงินสด 3หมื่น ------ รวมหุ้นด้วย = 7หมื่น จากทุน 1แสน สรุปมันคือการ cut loss ไปเรื่อยๆ ตามสเตป  ไม่ใช่วิธีลดดอยแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 20:24:16 จากคุณ : มึนตึน - [ 18 มิ.ย. 52 20:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ   Ta 999   ไม่ได้ล้อเล่น นี่ถ้าติดดอย  ผมทำจริง ๆ นะ คุณลองพิจารณาตามอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน ค่อยตอบผมก็ได้ จากคุณ : Pixzz  - [ 18 มิ.ย. 52 17:16:17 ] เข้ามาย้ำอีกที ถ้าคุณยังคิดแบบนี้ เอาเงินไปทำอย่างอื่นเถอะครับ ลองไปคิดใหม่นะครับ ตอนเริ่มต้นคุณมี สินทรัพย์เท่าไหร่ หุ้น 10 x 10000 = 100000 รวม 100000 ตอนจบคุณมีเท่าไหร่ หุ้น 6 x 10000 = 60000 และ เงินสด 20000 รวม 80000 ขาดทุนไปแล้ว 20000 และถ้ายิ่งทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะกินทุนไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่การลงดอย มันเป็นการทำผิดซ้ำรอยเดิมครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 21:09:54 จากคุณ : Ta 999 - [ 18 มิ.ย. 52 21:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณ คห39 ถ้าพอร์ตคุณยังว่างคือคุณยังสามารถจะซื้อหุ้นเพิ่มได้อีก คุณก็ใช้วิธีซื้อเพิ่มเพื่อเฉลี่ยดอย เช่น คุณซื้อหุ้นละ 10 บาท 10,000 หุ้น คุณลงทุนไป 100,000 บาท แต่หุ้นตก เหลือหุ้นละ 5 บาท คุณก็ซื้อเพิ่มไปอีก สมมุติ 10,000 หุ้น คุณลงทุนเพิ่มไปอีก 50,000 บาท เท่ากับคุณลงทุนไปทั้งหมด 150,000 บาท ได้หุ้นมาทั้งหมด 20,000 หุ้น มูลค่าหุ้นของคุณก็จะลดลงจากหุ้นละ 10 บาท เหลือเพียงหุ้นละ 7.50 บาท และเมื่อมันยังลงไปเรื่อยๆ คุณก็ตามซื้อไปเรื่อยๆ มูลค่าหุ้นของคุณก็จะลดลงไปเรื่อยๆ คุณก็ไม่ต้องรอให้หุ้นขึ้นมาถึง 10 บาท แต่ถ้าคุณพอร์ตเต็ม คือคุณไม่สามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้อีก คุณต้องรอให้หุ้นมันขึ้นมาซึ่งใช้เวลานาน ทำให้เสียโอกาสในการทำกำไร คุณก็เสี่ยงเลือกใช้วิธีของ จขกท ก็ได้ จากคุณ : TSL - [ 18 มิ.ย. 52 21:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 15   หลักการของครูเฒ่า  หุ้นขึ้น ได้เงินเพิ่ม หุ้นลง ได้หุ้นเพิ่ม ถ้ามั่นใจว่าแนวโน้มลง (จากเหตุผลต่างๆของตัวเอง) ก็ขาย รอจนเปลี่ยนแนวโน้ม (อย่าไปหวังว่าจะได้จุดต่ำสุด) ค่อยซื้อคืน ด้วยเงินทั้งหมดที่ได้ตอนขาย จะได้หุ้นมากขึ้น ใช้ในกรณีรักเดียวใจเดียว ไม่ไปเล่นตัวอื่น จากคุณ : meaka  - [ 18 มิ.ย. 52 17:09:13 ]   เข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ http://www.taladhoon.com/taladhoon/smfboard/index.php?topic=7951.8500 จากคุณ : มือใหม่เล่นหุ้น - [ 18 มิ.ย. 52 21:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 46 งงครับ ทำไมถึงเรียกกันว่า short ในเมื่อเริ่มต้นคือ ดอย แล้วขาย แล้วซือคืน มันน่าจะเรียก cutloss แล้วรับกลับ คือการลดขาดทุน มากกว่าการเริ่มจากไม่มีอะไร จึงยืมแล้วขาย แล้วซื้อคืน เพื่อให้ได้กำไร คือการ short เพื่อให้ได้กำไร (แต่อาจเจ๊งได้ ถ้าหุ้นดันขึ้น) หรือผมเข้าใจอะไรผิด จากคุณ : es_ciro - [ 18 มิ.ย. 52 21:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จากคห. 6 ช่วงที่ขาย 7 บาท แล้วมันขึ้น ไป 8 บาท คุณจะทำอย่างไร แล้วมันโดดขึ้นไป 9 บาทในเวลาเดียวกัน คุณจะทำอย่างไร ส่วนผม คงต้องซื้อคืน พอผมซื้อคืน 9 บาท กองทุนดันเทขายอีก เหลือ 7 บาท ทีนี้ผมไม่รู้จะ ทำอย่างไร เหมือนกันนะ ครับ แรกเริ่มถ้าเรารู้ว่ามันจะลง ขายก่อนดีไหม รอจนมันนอนนิ่ง แล้วมันค่อยๆขึ้น เราค่อย ซื้อคืนทีละเล็กละน้อย ถ้ามันลงก็หยุดดู ขายออกบ้างเงินอาจจะไม่ได้มาก แต่คงไม่เสียเยอะ แต่ถ้าคุณโดน ขาย 7 แล้วเขาดึงขึ้น ซื้อตาม เขาเทลง เราอาจจะเสียศูนย์ได้นะ ผมไม่ได้ฟันธงนะครับว่าวิธีไหนถูกผิด คุณต้องอย่าลืมว่าข้างๆคุณ มันเหมือนมีใครไม่รู้มันคอยตามดูคุณตลอดเวลา เพื่อที่จะล้วงกระเป๋าเอา เงินคุณตลอดเวลาที่มีโอกาส เขาเหมือนจะรู้ไปหมดว่าคุณซื้ออะไร ซื้อเท่าไร พอคุณซื้อมันจะไม่ขึ้น พอคุณขาย มันจะเด้งทีละ 4-5 ช่อง มันแสนรู้จริงๆเลย เราจึงต้องปรับวิธีการใหม่ๆเพื่อสู้กับเขา เพียงแต่ว่าเขา อาจจะเสียเปรียบเราบ้าง เพราะเขาก็จะทำวิธีเก่าๆ ซ้ำๆจนเราจำได้(เพียงแต่ไม่คิดแล้วเอามาเป็นบทเรียน จากคุณ : wiriya (wiriya60) - [ 18 มิ.ย. 52 21:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เอาของจริงที่ทำอยู่ ผมมาซื้อเพิ่มตอนมันเริ่มเขียวได้ 3 วัน ที่สี่ร้อยปลายๆ ระหว่างนั้นก็มีเปลี่ยนตัวเล่นไปบ้าง แต่ซื้อเพิ่มเรื่อยๆ มาเต็มตอน ห้าร้อยกว่า เพิ่งเริ่มขายไปวันอังคาร 25% วันนี้อีก 25% (ทุนไม่เยอะ) ถ้าเป็นเมื่อก่อน วันนี้คงซื้อคืนแล้ว เพราะได้ถูกลง แต่เชื่อแนวโน้มยังลงอยู่ ดูพรุ่งนี้ก่อน วันจันทร์ค่อยว่าอีกทีว่าจะเอาไงต่อ ลองดูกระทู้ของคุณ sawaddee ที่ stock2morrow ได้เรื่องแนวโน้ม รับรอง ถูกต้องเกิน 80% ถ้าแบ่ง ซื้อ แบ่งขาย ยังไงก็ไม่ขาดทุน (เฉพาะ ในกลุ่มที่ วิ่งแบบเดียวกับ  set ) จากคุณ : meaka - [ 18 มิ.ย. 52 22:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ลองทำดูซิ วิธีนี้่ เค้าเรียกว่าหลอกตัวเอง ลองคิดยังไงก็ขาดทุน 10000 บาทอยู่ดี วิธีที่ลงดอยวิธีเดียวที่ดีที่สุดคือ stop loss เป็น 1 ในสุดยอดวิทยายุทที่ อีกอย่างถ้าซื้อคืนที่ 8 บาท แล้วหุ้นไหลลงไปเป็น 7 6 5 หละ หึึหึ จริงๆ หลักสำคัญในการลงทุน เค้าไม่สนใจราคาเท่าไหร่ VI ดูราคาหุ้นว่าต่ำกว่ามูลค่ามั้ย หรือมีโอการที่เติบโตขึ้นได้ในอนาคต อัตราการทำกำไรของ บ สูง ซื้อแหลกไม่สนใจ VS ดูการขึ้นลงของราคา มีสัญญานซื้อก็ ซื้อแหลกไม่สนใจราคาเช่นกัน แต่ทั้งนี้ ต้องสนใจเรื่องจัดทัพการเงินด้วยต้อง บริหาร port อย่างไรให้ความเสี่ยงต่ำๆ ผลตอบแทนสูงๆ เพราะ High risk no return จากคุณ : นู๋ออม - [ 18 มิ.ย. 52 22:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 50 5555    นานๆจะได้เห็นกระทู้แบบนี้สักที    ตอก...      ท่าน จขกท   ถ้าท่านจะทำแบบนั้นจริงๆ   ลองศึกษาเทคนิค แบบ  point and figure  ดูครับ จากคุณ : hs9jls - [ 19 มิ.ย. 52 00:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ   Ta 999   ไม่ได้ล้อเล่น นี่ถ้าติดดอย  ผมทำจริง ๆ นะ คุณลองพิจารณาตามอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน ค่อยตอบผมก็ได้ จากคุณ : Pixzz  - [ 18 มิ.ย. 52 17:16:17 ] เข้ามาย้ำอีกที ถ้าคุณยังคิดแบบนี้ เอาเงินไปทำอย่างอื่นเถอะครับ ลองไปคิดใหม่นะครับ ตอนเริ่มต้นคุณมี สินทรัพย์เท่าไหร่ หุ้น 10 x 10000 = 100000 รวม 100000 ตอนจบคุณมีเท่าไหร่ หุ้น 6 x 10000 = 60000 และ เงินสด 20000 รวม 80000 ขาดทุนไปแล้ว 20000 และถ้ายิ่งทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะกินทุนไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่การลงดอย มันเป็นการทำผิดซ้ำรอยเดิมครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 21:09:54 จากคุณ : Ta 999  - [ 18 มิ.ย. 52 21:04:33 ]   คุณ Ta 999 ครับ คุณลองคิดใหม่นะครับ หุ้น 10 x 10000 = 100000 รวม 100000 ตอนจบถ้าไม่ทำตามคุณเจ้าของกระทู้คุณมี หุ้น 6 x 10000 = 60000 ขาดทุน = 100000-60000=40000 แทนที่จะเป็น 20000 นะครับ อย่างไหนดีกว่ากันครับ จากคุณ : cuty2009 (cuty) - [ 19 มิ.ย. 52 01:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จริงๆ ความคิดเห็นเราการทยอยขายแล้วมารับต่ำๆ Short aginst port เป็นสิ่งที่ดีกว่า ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่คุณต้องรู้ว่าถึงเวลารับแล้ว และถึงเวลาคุณไปรับจริงๆ แม้จะไม่ใช่รับตัวเดิม วิธีการที่คุณขายไป จะเห็นว่ามีบาง Lot ตกถึง 30% (7 บาท) แล้วยังไม่ได้ขาย ซึ่งถ้าคุณทยอยขายไปเรื่อยๆ Lot หลังๆ อาจไปขายที่แนวรับ ดังนั้นสำคัญคือต้องดูเทคนิคประกอบค่ะ (Comment ตามที่คุณบอกมา อย่าว่ากันนะคะ) เราคิดว่าในสถานการณ์ที่อาทิตย์ที่แล้วดัชนีอยู่ที่ 600 กว่า หุ้นใหญ่ๆ เกิดสัญญาณ Diveregence หลายๆ ตัวมาถึงแนวต้านใหญ่ หุ้นขึ้นแบบ Volume ไม่ให้ เพราะฉะนั้นเวลาจะลงก็ลงแรง เพราะฉะนั้น คุณจะทยอยขายก็ได้ แต่น่าจะมี % ว่า Cut Loss ที่กี่ % เพื่อเผ่นหนีตาย เพราะทยอยขายอาจขาดทุนเกิดไป เพราะดูแล้วหุ้นจะลงแรง ไม่ควรรอให้ขาดทุนเพิ่มอีกวันแล้วค่อยขาย เช่น ถ้าดิฉันมีหุ้นที่ซื้อมา 10 บาท ลงมา 9.3 บาท ดิฉันจะทยอยขายไปก่อน ถ้าลงมา ถึง 9 บาท ดิฉันจะเผ่นทั้ง port ไม่สนใจเหตุผลกลได เพราะว่ามีจุด Cut Loss ส่วนตัว ที่ 7-10% ที่ต้องยึดมั่นไว้ (ต้องดูแนวรับแนวต้านประกอบ แนวรับที่แข็งแกร่ง ถ้าหลุด ส่วนใหญ่มักลงแรงเสมอ เพราะฉะนั้น ถ้าหุ้นลงต่ำกว่าแนวรับ ดิฉันไม่อยู่แน่นอน) เสร็จแล้วจะเก็บเงินส่วนนี้ไว้ ไม่จำเป็นต้องรับหุ้นตัวเดิม เราต้องดูว่าหุ้นแต่ละตัว ณ ขณะนั้น อะไรถ้าซื้อแล้วมีศักยภาพจะขึ้นมากสุด เพราะหุ้นบางตัวลงแล้วยังไม่ขึ้นเลย รอเจ้าเก็บหุ้นรอบใหม่บ้าง พักฐานรอรอบใหม่ สู้เอาเงินไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่น่าจะไปจะดีกว่า อย่างของตัวเองนะคะ วันจันทร์หุ้นตก Cut ไม่ทัน ป่วย วันอังคารพุธมีเด้งเขียว ดิฉันก็เผ่นเท่าทุนไปหลายตัว (บางตัวก็ Cut ขาดทุนไม่มาก เนื่องจากแต่ละตัวไม่ได้รับมาสูง) วันนี้รู้สึกสบายๆ ที่หุ้นตก เพราะใน port ไม่ค่อยเหลือหุ้นให้ตก เงินที่ได้มาไว้รอให้ตกถึงแนวรับแล้วค่อยซื้อค่ะ เอาแบบ Volume ขายหายไปแล้ว นิ่งๆ แล้ว ดูได้จากหุ้นตัวเล็กหลายตัว เริ่มไม่มี Volume ขายแล้ว ค่อยไปรับ ตัวไหนรับไม่ทันไม่เป็นไร ในตลาดมีหุ้นเยอะแยะค่ะ แนวรับ ก็ยังดูได้จาก Indicator ต่างๆ, Trend line, Fibonacci, แนวต้านที่หุ้นเคยผ่านมาแล้วกลายเป็นแนวรับ, etc. โดยส่วนใหญ่แล้วดิฉันจะใช้วิธีทยอยขาย เวลาหุ้นขึ้น และจะเน้นขายยก port เวลาหุ้นลงถ้าลงมาถึง % Cut Loss ที่ตั้งไว้ จากคุณ : ธารน้ำ (Tannum2008) - [ 19 มิ.ย. 52 03:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 53 short against port เป็นวิธีการที่อยู่ที่ความคิดของผู้เล่นครับ ว่าวางแผนการลงทุนหรือเก็งกำไรไว้แบบไหน ... การทำชอร์ตอะเจ้นท์พอร์ต สำหรับบางกรณี อาจจะใช้ในการแก้พอร์ตได้ครับ ... แต่ในบางกรณียิ่งชอร์ตพอร์ตจะยิ่งพัง ... ทั้งหมดขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ ความคิด มุมมอง แผนการ และกลยุทธ์ของแต่ละคนที่แตกต่างกันครับ สิ่งที่ยากในการทำชอร์ตอะเจ้นท์พอร์ต หากเราใช้มันในการแก้พอร์ต คือเวลาลงมือทำจริงครับ ... คิดแบบง่าย ๆ เลยก็ได้ครับ ซื้อครั้งแรก ก็แทงผิดแล้ว ... ถ้าเราทำชอร์ตอะเจ้นท์พอร์ต มันจะต้องมีการซื้อ ๆ ขาย ๆ หลาย ๆ ครั้ง กว่าจะแก้พอร์ตออกมาได้ ... คนที่ใช้วิธีนี้ได้ดีจริง ๆ เลยจะต้องเป็นคนที่ปรับตัวได้เร็ว มีวินัยสูง ไม่เมากับทิศทางของตลาด ..... และต้องมีความชำนาญและความเข้าใจในสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้เป็นอย่างดี แต่จะมีซักกี่คนที่ซื้อ ๆ ขาย ๆ บ่อย ๆ แล้วไม่พลาด ... อันนั้นล่ะครับ เป็นสิ่งที่เราน่าจะลองถามตัวเราเองดูว่าเราสามารถที่จะซื้อขายบ่อย ๆ แล้วไม่ค่อยพลาดได้หรือเปล่า เพราะถ้าระหว่างทำการชอร์ตอะเจ้นท์พอร์ต เพื่อใช้ในการแก้พอร์ตอยู่ ... ถ้าซื้อขายพลาด บ่อย ๆ .. มันก็จะหายทั้งหุ้นและหายทั้งเงินสดครับ ... ( ความผิดพลาดในการซื้อขายที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดได้จากหลายกรณีครับ ไม่ว่าจะเป็นการเมาทิศทางตลาด การไม่ทำตามระบบหรือแผนที่วางไว้ แต่ข้อผิดพลาดจริง ๆ ของการซื้อขายผิดพลาด ส่วนมากมักจะอยู่ที่ตัวของผู้ลงทุนเองเป็นหลักมากกว่าครับ ... นี่เลยอาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำไมคนที่ทำ dsm จริง  ๆ แล้วประสบความสำเร็จ ถึงได้ มีเพียงไม่ถึง 10 % เท่านั้น ) เท่าที่เห็นมา หลาย ๆ คนที่ทำชอร์ตอะเจ้นท์พอร์ต แล้วเกิดเหตุการณ์หายทั้งหุ้นหายทั้งเงิน ก็มีให้เห็นเยอะเลยครับ ... หลาย ๆ คน ชอร์ตมาตั้งนาน แล้วก็ยังแก้พอร์ตออกมาไม่ได้ซักที เพราะซื้อขายถูกบ้างผิดบ้าง ก็มีให้เห็นได้บ่อยครับ ..   ลองถามตัวเราเองดูนะครับ ว่าการทำชอร์ตอะเจ้นท์พอร์ต เหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนหรือเก็งกำไรของเราหรือเปล่า และเราสามารถทำการชอร์ตอะเจ้นท์พอร์ตเพื่อแก้ไขพอร์ตได้หรือไม่  ... ไม่มีใครรู้จักตัวของเราดีเท่าตัวของเราเองหรอกครับ แค่ความเห็นเล็ก ๆ ส่วนตัวเท่านั้นครับ ... จากคุณ : ยอดไม้บนปลายดอย - [ 19 มิ.ย. 52 04:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ลืมบอกไปนิดนึงครับ ว่า short against port นอกจากการที่ใช้แก้พอร์ตกับทำให้เกิดกระแสเงินสด ตามหลักวิธีการแบบ dsm แล้ว ในบางกรณี มันยังสามารถใช้ลดต้นทุนของหุ้นที่เราถืออยู่ หรือใช้เพิ่มจำนวนหุ้นที่มี ในช่วงเวลาที่หุ้นมีการปรับฐาน ระหว่างเทรนตลาดขาขึ้นได้อีกด้วยครับ ....   ลองศึกษาดูดี ๆ ก่อนเอาไปใช้จริงนะครับ ไม่อย่างนั้นพอร์ตอาจจะบานปลายได้เลยเหมือนกันครับ จากคุณ : ยอดไม้บนปลายดอย - [ 19 มิ.ย. 52 04:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ใครจะไปรู้ฟะ จากคุณ : LAPD21 - [ 19 มิ.ย. 52 08:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อคืนเข้าไปนั่งค้น วิธี DSM แล้วครับ  พี่ยอดไม้ ฯ เป็นวิธี ที่น่าสนใจจริง ๆ ไม่ได้ระเบิดขายทั้งล๊อตเหมือนผม คงต้องลองศึกษาให้ลึกซึ้งดูแล้วล่ะครับ -------------------------------------------------------- มีหลายท่าน คิดราคารวมทั้งหุ้น  และ  เงิน ออกมาเทียบ แต่ ผมคิด จำนวนหุ้นรวมที่อยู่ในมือ  และเงินสด เรารอเวลาให้มันขึ้น  แต่ถ้ามันยังลง ก็ยังเก็บเงินสดออกมาได้เรื่อย ๆ ผมไม่ได้บอกว่า  ผมจะเทหุ้นออกไปหมดหน้าตักนะครับ และหุ้นที่เลือก ต้องมีพื้นฐานดีในระดับหนึ่ง ไม่ใช่อย่าง N-Park ที่ลงไปเล่นกับจุดทศนิยมอย่างนั้น อิ อิ จากคุณ : Pixzz - [ 19 มิ.ย. 52 08:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าคุณ Pixzz มีคำถามเรื่อง DSM ก็ลองเข้าไปที่ถามกันที่ห้องได้ครับ มีพี่ๆคอยช่วยอีกหลายคนเลย... จากคุณ : namit - [ 19 มิ.ย. 52 17:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณ   Ta 999   ไม่ได้ล้อเล่น นี่ถ้าติดดอย  ผมทำจริง ๆ นะ คุณลองพิจารณาตามอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน ค่อยตอบผมก็ได้ จากคุณ : Pixzz  - [ 18 มิ.ย. 52 17:16:17 ] เข้ามาย้ำอีกที ถ้าคุณยังคิดแบบนี้ เอาเงินไปทำอย่างอื่นเถอะครับ ลองไปคิดใหม่นะครับ ตอนเริ่มต้นคุณมี สินทรัพย์เท่าไหร่ หุ้น 10 x 10000 = 100000 รวม 100000 ตอนจบคุณมีเท่าไหร่ หุ้น 6 x 10000 = 60000 และ เงินสด 20000 รวม 80000 ขาดทุนไปแล้ว 20000 และถ้ายิ่งทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะกินทุนไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่การลงดอย มันเป็นการทำผิดซ้ำรอยเดิมครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 21:09:54 จากคุณ : Ta 999  - [ 18 มิ.ย. 52 21:04:33 ]   คุณ Ta 999 ครับ คุณลองคิดใหม่นะครับ หุ้น 10 x 10000 = 100000 รวม 100000 ตอนจบถ้าไม่ทำตามคุณเจ้าของกระทู้คุณมี หุ้น 6 x 10000 = 60000 ขาดทุน = 100000-60000=40000 แทนที่จะเป็น 20000 นะครับ อย่างไหนดีกว่ากันครับ จากคุณ : cuty2009 (cuty)  - [ 19 มิ.ย. 52 01:17:19 ]   ************************************** คุณ cuty อ่านคหอื่นประกอบด้วยนะครับ ผมไม่ได้สื่อให้คุณกอดหุ้นตาย การป้องกันการติดดอยที่ดีที่สุดคือตั้ง target ที่จะ cut loss  ครับ แต่การที่ จขกท รีบซื้อสูงขายต่ำตอนมันยังลงต่อเนื่อง จึงเรียกกว่าทำผิดซ้ำรอยครับ ดีใจนะครับที่ในตลาดมีคนคิดอย่างนี้เยอะๆ ไม่งั้นมีแต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรด การจะเอาเงินจากตลาดคงยากกว่านี้เยอะ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 12:59:14 จากคุณ : Ta 999 - [ 20 มิ.ย. 52 11:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 59 dsm   หลอกได้เฉพาะ พวก.....ไก่อ่อน ชัดเจนนะ จากคุณ : กองพัน...nick - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 10:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ผมอ่านมา  ส่วนใหญ่ ติดคำถามว่าขายแล้วลงไหม รู้ได้อย่างไร ผมมีรูปกราฟ 3นาทีในระหว่างวันมาให้ดู  โดยปกติคือตลาดจะมีคลื่นแบบนี้        1ท่านก็หาโบรกเกอร์ที่มีกราฟ มาก่อนให้ตั้งเวลาเรียลไทม์ได้ 2-3นาที  แล้วใส่ตัวชึ้เข้าไป อยากใช้อะไรก็ใส่เข้าไป        2ลองมานั่งดูกับหุ้นตัวที่ท่านติด ว่ามันขึ้นลงตามเสทไหม  มันขึ้นลงเวลาไหน (หุ้นบางตัว มีลักษณะ เฉพาะ  เข้าออกต้องมีเวลา ลองสังเกต ถ้าท่านจับลักษณะมันได้ ทานจะเข้าออกได้ถูกเวลา)      นี่คือเครื่องมือที่จำเป็นที่จะนำทางชีวิตท่าน ในคนที่เล่นเดย์เทรด ต้องใช้ ฟิวเจอร์ทุกอย่างต้องใช้  ถ้าไม่มีก็ตอบคำถามยากว่าขายแล้วลงไหม จากคุณ : หมอสัจจะ - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 18:54:25 ]