Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ..."เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น"...ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ (กรุงเทพธุรกิจ)

    หลงรัก http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=6927&user=supavut หลงรัก

    ตลาดหุ้นของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 40% ในระยะเวลา 2-3 เดือน และเพิ่งเริ่มปรับลดลงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะอยู่ที่ระดับใดจึงจะเหมาะสม นักวิเคราะห์พยายามคาดการณ์และตั้งเป้ากันมาโดยตลอด ล่าสุดก็ปรับเป้าปลายปีขึ้นไปที่ระดับประมาณ 700 จุด



    บริษัทหลักทรัพย์ภัทรฯ ยังมิได้มีการเปลี่ยนแปลงเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์โดยต้องยอมรับว่าจะต้องใช้เวลาประเมินสภาวการณ์อีกระยะหนึ่ง เพราะการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นเป็นการฟื้นบนความคาดหวังว่าแรงกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั่วโลกจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแน่นอน แม้ว่าภาคเศรษฐกิจจริงจะยังไม่ได้ฟื้นตัวแต่อย่างใด จะมีสัญญาณในบางภาคธุรกิจว่าความตกต่ำชะลอตัวลงหรือถึงจุดต่ำสุดแล้ว แต่การจะฟื้นตัวกลับไปสู่สภาวะปกตินั้นถือว่ายังต้องใช้เวลาอีกเป็นปี เพราะการว่างงานในอเมริกายังเพิ่มขึ้นทุกเดือนและน่าจะเกิน 10% และกว่าจะมีการจ้างงานให้เพียงพอกับการลดลงของอัตราการว่างงานก็คงต้องรอถึงครึ่งหลังของปีหน้า



    การตกงานเพิ่มขึ้นที่สหรัฐนั้นย่อมหมายถึง การบริโภคที่ไม่น่าจะขยายตัวได้มาก ที่สำคัญคือการตกงานจะทำให้ปัญหาหนี้เสียจะยังทวีความรุนแรงขึ้นไม่ว่าจะเป็นหนี้เสียในส่วนของบัตรเครดิตหรือการผ่อนเงินกู้บ้าน รถยนต์ ฯลฯ รวมทั้งปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในภาคธุรกิจห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่างๆ ที่กำลังจะกลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นในปลายปีนี้ หากติดตามตัวเลขหนี้เสียในอเมริกาจะเห็นว่าหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (subprime) นั้นประสบปัญหาหนี้เสียรุนแรงมากจากเฉลี่ยประมาณ 11-14% ในยามปกติมาเป็น 25% ในปัจจุบัน ที่น่าเป็นห่วงคือหนี้มาตรฐานดี (prime) ก็กำลังประสบปัญหาเพิ่มขึ้น กล่าวคือ อัตราหนี้เสียเคยอยู่ที่ 2-3% แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นไปเกิน 6% แล้วจึงสรุปได้ว่ากำลังซื้อในสหรัฐยังไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้มากนักใน 1-2 ปีข้างหน้า



    หากจะโยงมายังประเทศไทยนั้นก็อาจพูดได้ว่าเราส่งออกไปสหรัฐสัดส่วนเพียง 12-13% เท่านั้นแต่การชะลอตัวลงของสหรัฐ ทำให้ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ ชะลอตัวลงไปด้วย ทำให้กระทบกระเทือนไปทั่วโลก จริงอยู่ที่จีนประสบความสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การส่งออกของไทยไปจีนนั้นเพียง 8% ของการส่งออกทั้งหมดจึงไม่แปลกอะไรที่การส่งออกไทยยังอยู่ในสภาวะติดลบประมาณ 20% ที่เราต้องให้ความสำคัญกับการส่งออกก็เพราะว่าการส่งออกของไทยขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา กล่าวคือเคยมีสัดส่วน 35% ของจีดีพีในปี 1996 แต่ปัจจุบันมีสัดส่วน 65% ของจีดีพี



    ความผูกโยงกับเศรษฐกิจโลกของประเทศไทย ทำให้ผมเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจโลกหลังวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐครั้งนี้จะขยายตัวได้ช้ากว่าเดิมมากเพราะในช่วงที่สถาบันการเงินสหรัฐปล่อยสินเชื่อและเพิ่มสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจอย่างล้นหลาม ทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้นเป็นฟองสบู่ไปทั่วโลกนั้นเศรษฐกิจโลกขยายตัวประมาณ 4.5% ต่อปี (2003-2007) สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความสงบและมั่นคงคือ 1987-1996 เศรษฐกิจไทยรุ่งเรืองเป็นพิเศษคือขยายตัวได้สูงถึง 9.5% ต่อปีหรือ 3 เท่าของการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจ (1997-1998) นั้นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้ามาก คือขยายตัวเพียง 0.8% ต่อปีในช่วง 1997-2002 ในขณะที่เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.3% แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติและการเมืองมีเสถียรภาพในช่วง 2003-2005 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 6% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวสูงกว่าปกติคือ 4.3% เมื่อประเทศมีปัญหาการเมืองคือ 2006-2008 เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 4.2% หรือน้อยกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ 4.5% ในช่วงเดียวกัน



    ดังนั้น คำถามคือ หากเศรษฐกิจโลกในอนาคต 5 ปีข้างหน้าขยายตัวเพียง 3.0-3.5% ต่อปีเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เท่าไหร่ หากเราไม่พัฒนาตัวเองเศรษฐกิจไทยก็อาจจะขยายตัวเพียง 3-4% ก็ได้ เพราะขณะนี้ไทยต้องพึ่งพาเศรษฐกิจโลกมากกว่าเดิม และในขณะเดียวกันการแข่งขันในตลาดโลกในปัจจุบันก็มีความรุนแรงมากเพราะมีประเทศคู่แข่งเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก หากจะพึ่งพาตลาดภายในประเทศก็ต้องปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพราะการบริโภคนั้นมีสัดส่วนประมาณ 55% จึงมีขนาดเล็กกว่าการส่งออกเมื่อเปรียบเทียบกับจีดีพี ดังนั้นในระยะ 1-2 ปีข้างหน้าจึงต้องพึ่งพาการใช้จ่ายของภาครัฐซึ่งโครงการลงทุน 1.43 ล้านล้านบาทในคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12% ของจีดีพี ดังนั้นหากเกลี่ยการลงทุนดังกล่าวในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าก็จะช่วงให้จีดีพีขยายตัวได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2-3% ต่อปี ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่าจีดีพีไทยจะขยายตัวประมาณ 4-5% ต่อปีในช่วง 2010-2012 ที่มีแรงกระตุ้นจากการลงทุนของรัฐบาล



    แต่ในระยะยาวนั้นโลกยุคใหม่จะเป็นโลกที่การบริโภคขยายตัวน้อยและสินเชื่อหายาก ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาตลาดภายในประเทศมากขึ้นและการส่งออกน้อยลงหรืออย่างน้อยที่สุดหากต้องการขับเคลื่อนการส่งออกก็จะต้องลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ แต่ขณะนี้เอกชนยังไม่ต้องการเร่งการลงทุนเพราะยังมีกำลังการผลิตเหลือใช้ และยังไม่มั่นใจว่าการฟื้นตัวของตลาดต่างๆ จะรวดเร็วเพียงใด ในส่วนของการลงทุนของรัฐบาลนั้นก็ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าได้มีการลงทุนเพื่อขยายตลาดภายในประเทศหรือลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก



    การมองภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวหลายปีนั้นมีความจำเป็น เพราะใน 1-2 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจจะได้รับอานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายการคลังและนโยบายการเงินเป็นหลัก ซึ่งเป็นการกระตุ้นในระยะสั้นและในที่สุดจะต้องถอนการกระตุ้นดังกล่าวให้กลับไปสู่สภาวะปกติ หมายความว่ารัฐบาลไทยจะขาดดุลงบประมาณ 4-6% ต่อปีได้เพียง 2-3 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นต้องลดการขาดดุลเพื่อไม่ให้เสี่ยงกับการสูญเสียวินัยทางการคลัง ดังนั้นจึงจะต้องพยายามแสวงหาให้ได้ว่าเศรษฐกิจไทยนั้นจะสามารถขยายตัวด้วยตัวเองได้ดีเพียงใด



    คำตอบตรงนี้จะสะท้อนว่าบริษัทในประเทศไทยและบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องได้หรือไม่และที่ระดับใด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดว่าราคาหุ้นไทยนั้นจะอยู่ที่ระดับใดเพราะจะเป็นตัวกำหนดพีอีของตลาดไทย



    จะเห็นว่าในภาวะที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยต่อปีในตลาดหุ้นจะสูงไปด้วยและจะเป็นช่วงที่พีอีของตลาดอยู่ที่ระดับสูง เช่นในปี 1987-1996 พีอีตลาดไทยสูงถึง 17.1 เท่า แต่เมื่อเศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤติในปี 1997-2002 จีดีพีขยายตัวเพียง 0.8% ต่อปี พีอีลดลงเหลือเพียง 8.1 เท่า และหากจีดีพีไทยจะขยายตัวที่ระดับ 4-5% ก็ไม่น่าที่พีอีในตลาดไทยจะสูงกว่า 13 เท่าได้อย่างต่อเนื่องครับ

     
     

    จากคุณ : Trillionaire - [ 21 มิ.ย. 52 12:03:57 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom