ความคิดเห็นที่ 1 รอฟังด้วยคนคับ จากคุณ : ramusa - [ 6 ก.ค. 52 19:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วันก่อนผ่านไป ธ.กรุงเทพฯ  เห็นมีฝากให้เด็กด้วยนิครับ รายละเอียดจำไม่ได้ครับ จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น - [ 6 ก.ค. 52 20:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดีใจแทนจังครับที่คุณพ่อ-คุณแม่วางแผนทางการเงินไว้ อยากตอบแต่ไม่ค่อยมีข้อมูลเลยกลัวให้ข้อมูลไม่ถูก รอผู้รู้ท่านต่อไปตอบนะครับผมรอฟังด้วย จากคุณ : toeydays - [ 6 ก.ค. 52 20:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บอกไว้ก่อน ผมไม่ใช่ตัวแทนประกันชีวิตนะครับ ตามที่เคยได้ศึกษาดู ถ้าเราเลือกประกันชีวิต วงเงิน 1 ล้าน บาท จะส่งปีละประมาณ 50,000 +/- ส่ง 20 ปี แล้วคุ้มครองตลอด มีปันผลหรือไม่ ไม่รู้เพราะไม่ใช่ตัวแทน ถ้ามองในแง่ความเสี่ยงผมว่าลองทำประกันชีวิตแบบนี้ดูครับ เพราะชีวิตไม่แน่นอน จากคุณ : view2306 - [ 6 ก.ค. 52 20:18:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาเงินสี่พันให้ลูก แล้วบอกลูกว่า ถ้าลูกเก็บได้เดือนละเท่าไร แม่จะสมทบให้เป็นจำนวนเท่าที่ลูกเก็บได้ในแต่ละเดือน จะทำให้เด็กมีวินัยในการใช้เงิน เก็บเงิน วางแผนการใช้จ่ายเงิน เลือกให้ลูกฝากเงิน หรือเลือกลงทุน (ให้เด็กตัดสินใจเอง กดเครื่องคิดเลข แล้วรวมผลตอบแทน ให้เด็กตาโต เมื่อเห็นจำนวนเงินที่งอกเงย) ให้ได้ผลตอบแทน มากกว่า 4 % ต่อปี เก็บเงินปีละ 96000 บาท สมมุติผลตอบแทน 4% เก็บ  20 ปี เงินต้น 1920000 บาท รวมดอกเบี้ย ทบต้นทบตอก ก็จะกลายเป็น 2973043.37 บาท ถ้าวันหนึ่งแม่เอาเงินลูก 2 ล้าน ในขณะที่เด็กยังไม่มี วินัยในการใช้เงินและบริหารเงิน เงินจำนวนนี้ก็จะ ใช้หมดภายในหนึ่งปี เหมือนหลายๆคน ที่ถูกล็อตตาลี่ หรือนักชกเหรียญทอง โอลิมปิก แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 21:02:12 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 20:43:37 จากคุณ : thirawhut - [ 6 ก.ค. 52 20:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอข้อมูลเพิ่มอีกนิดนึงได้ไหมครับ จะได้แนะนำถูก 1.คุณพ่อคุณแม่อายุเท่าไรแล้วครับ? 2.ลูกกี่คน ?~ ลูกอายุเท่าไรบ้าง? 3. เป้าหมายที่ต้องการเก็บเงินให้ลูกตอนโต ยังไม่ชัดเจนครับ อยากให้เพิ่มนิดนึงว่า อยากเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาตอนเรียนมหาลัย  หรือว่า อยากเก็บเอาไว้เป็นของขวัญหลังจากลูกเรียนจบครับ? จากคุณ : หมอโต - [ 6 ก.ค. 52 20:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเก็บเงินในรูปแบบประกันก็ดีอย่างตรงที่ สมมติซื้อในชื่อลูก มีสัญญาแนบแบบนึง พอใส่เข้าไปแล้ว หากเกิดเหตุ ผู้ปกครองทุพพลภาพ หรือ เสียชีวิต บ.ประกันจะจ่ายเบี้ยให้แทนคุณ ผลตอบแทนยังมีตลอด แม้ผู้ปกครองไม่อยู่ เวลาจะเลือกก็ดูอายุกรมธรรม์ให้สอดคล้องกับอายุลูกคุณ และจุดประสงค์ของเงินที่คุณต้องการวางแผนให้ลูก เช่น จะเก็บสำหรับเรียนโท เรียนตรี หรือให้ทุนทำธุรกิจ อายุของกรมธรรม์ที่ควรซื้อก็จะต่างกันไป แต่เดือนละ 8,000 ก็เยอะอยู่ยังไงกระจายหลายๆแหล่งก็ดีค่ะ ลดภาษีไปด้วย แต่ไม่รู้คุณอายุเท่าไหร่ ถ้าซื้อ RMF แล้วเงินมันออกมาได้ตอนคุณ 55 ลูกจะอายุเท่าไหร่ ให้เค้าไปใช้ประโยชน์ได้เหมาะรึเปล่า อันนี้ลองคิดดูค่ะ จากคุณ : ฝันก่อนนอนทุกคืน - [ 6 ก.ค. 52 21:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กรณีลงทุน RMF LTF ----------------------------------------------------------------------------------------------------- "บุญชัย เกียรติธนาวิทย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต บอกว่า ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนในตลาดทุนทั้งไทยและเทศ ส่วนตลาดประเภทอื่น เช่น ตราสารหนี้ ดูเหมือนจะเสียหายไม่มาก ซึ่งเกี่ยวกับหลักการลงทุนและการ Rebuild wealth ให้กลับมาใหม่นั้น บุญชัยเชื่อว่า ในระยะยาว ตลาดทุนน่าจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าตลาดเงิน รวมการลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตร และหุ้นกู้ เพราะฉะนั้น เมื่อเสียหายในช่วงที่ผ่านมา วิธีทวงความมั่งคั่งให้กลับคืนมา ก็น่าจะต้องกลับไปลงทุนในตลาดทุนนั้น แต่คอนเซปต์หนึ่งที่เห็นในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งก่อนและหลังวิกฤติก็คือ เราไม่สามารถซื้อหรือขายในราคาที่ดีที่สุดได้เสมอไป ซึ่งถ้าเราไม่ต้องรีบใช้เงินที่ลงทุน มีเงินเย็นเอาไว้ลงทุนแบบสม่ำเสมอ นั่นจะเป็นทางออกในการ Rebuild wealth ที่ดีที่สุดทางหนึ่ง "ผมขอยกตัวอย่าง จากการที่ผมลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) แบบสม่ำเสมอทุกเดือน มาหลายปีแล้ว แน่นอนผมย่อมถูกผลกระทบจากวิกฤติและตลาดหุ้นในปีที่ผ่านมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในระหว่างทางผมก็ไม่ได้เลิกการลงทุนแบบสม่ำเสมอนี้ไปเลย ซึ่งทำให้ผมมีหุ้นในต้นทุนที่ถูกถัวเฉลี่ยมาตลอดทาง เชื่อไหมครับ ปัจจุบันกองทุน LTF และ RMF ที่ลงทุนในกองทุนหุ้นที่ผมถืออยู่ไม่ขาดทุนแล้ว ทั้งๆ ที่ SET index ยังกลับไปไม่ถึง peak ในอดีตเลย" ----------------------------------------------------------------------------------------------------- เอามาจากกระทู้นี้ครับ  หลากวิธีฟื้นฟูความมั่งคั่งให้กลับคืน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8047665/I8047665.html ผมเห็นว่าน่าสนใจดีแต่ไม่รู้ว่าจะเข้าซื้อยังไง ก็พอดีมาอ่านเจอกระทู้ดังกล่าว เพราะเรื่องภาษีแท้ๆเลยต้ิองมาเรียนรู้เจ้า RMF+LTF ส่วนเรื่องกรณีลูก ผมเห็นด้วยกับคห5 คุณ thirawhut เต็มๆเลย สิ่งสำัคัญอันดับแรกคือต้องฝึกให้เขารู้จักค่าของเงินโดยรู้จักออมเงินก่อนใช้เงิน จากคุณ : click2 - [ 6 ก.ค. 52 23:04:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะเก็บแบบนี้ผมว่าการฝากแบบประกันก็ดีนะครับ เพราะว่ามันเป็นเงินที่จะต้องใช้แน่นอนในอนาคต เราไม่สามารถเอาไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงๆไม่ได้ และการฝากแบบประจำมันก็อาจจะตอบโจทย์ได้ไม่ตรงเท่้าไหร่นัก หรือคุณอาจเก็บบางส่วนมาสอนให้ลูกรู้จักวินัยทางการเงิน ผมว่าก็ดีมากๆเลยครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 23:18:37 จากคุณ : mrsix (tranakboo) - [ 6 ก.ค. 52 23:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่ะทุกความเห็นที่ให้คำแนะนำดีๆ ตอนนี้เราอายุ 30 ปีค่ะ แฟน 29 ปี ลูก 1.6 ขวบค่ะ - เงินที่ลงใน RMF (อันนี้เป็นเงินบัญชีเราค่ะ) คิดว่าเราอายุ 55 ปี ลูกก็อายุ 26 ปีก็มีเงินให้เค้าสักก้อนเรียนต่อโทค่ะ ( น่าจะให้ทำงานใช้ชีวิตก่อนค่อยเรียนโทค่ะ เพราะจะได้รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอะไร อยากศึกษาอะไรที่แท้จริงค่ะ ) - ส่วนออมแบบให้ลูกออมด้วย ที่แม่สมทบให้อันนั้นเป็นความคิดที่ดีเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณ thirawhut  เราจะนำไปใช้กับลูกค่ะ - ตอนนี้ได้ความคิดว่า คงจะแบ่งไปลงทุนใน RMF ด้วยแล้วก็เงินฝากในรูปประกันชีวิตด้วยน่าจะดีค่ะ จากคุณ : แม่น้องนิว (vilailuk_j) - [ วันอาสาฬหบูชา 09:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดีจังครับ สมัยก่อน พ่อแม่ทั่วไป ไม่ค่อยรู้เรื่องบริหารเงิน ต่างกับสมัยนี้มาก  ลูกสบายไปตอนโต สอนให้เด็กมีวินัย/รู้คุณค่าของเงินเนียดีเลยครับ ลงในกองหุ้นก็ ดีครับ 25 ปีค่อยยกให้ จากคุณ : สำเร็จด้วยใจ - [ วันอาสาฬหบูชา 10:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 8พันบาทถือว่าเยอะทีเดียว ฝากไปเรื่อยก็คงได้ได้เงินเยอะนะคะ เเชร์ประสบการณ์ มีลูกคนเดียว -เริ่มฝากให้ลูกตั้งเเต่ตอนลูกได้อายุ1เดือน ฝากให้เดือนละ4พันบาท(ตอนนี้ลูกอายุ13ปี) ไม่มีบัตรATM ห้ามถอน เอาๆวไว้ใช้ตอนลูกเรียนมหาลัยค่ะ -ฝากเเบบเอาประกันเดือนละ2พันนิดๆ จะได้เงินคืนตอนลูกเข้ามหาลัยค่ะ พ่อทำงานเอกชน(ไม่รู้จะโดนลอยเเพเมื่อไหร่) เเม่ทำpart time การงานไม่มั่นคงทั้งคู่ เก็บให้ลูกได้เท่าไหร่ก็พยายามเก็บค่ะ จากคุณ : Hana* - [ วันอาสาฬหบูชา 10:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่ากระจายเลยดีกว่าครับ  แบ่งเก็บหลายๆส่วน  ทั้งระยะสั้นและระยะยาวครับ ส่วนเรื่องจะแบ่งมาออมในรูปประกันด้วยดีมั้ย ... ดีครับ  เพราะคุณสามารถมั่นใจได้ว่าไม่ว่าคุณจะอยู่หรือไม่  คุณจะยังทำงานมีรายได้อยู่หรือเปล่า  เมื่อถึงวันนั้น  ลูกคุณจะมีเงินก้อนนึงไว้สำหรับเรียนต่อโทแน่นอน(ถ้าไม่เอาไปใช้อย่างอื่นซะก่อน) แล้วที่ถามว่าทำกับธนาคารดี  หรือว่าตัวแทนดี ... ลองติดต่อกับตัวแทนหลายๆคน  หลายๆบริษัท  หลายๆธนาคารมาเปรียบเทียบกันดูครับ  ลองดูว่าแบบประกันของที่ไหน  และการบริการแบบใด  ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด "เราลองเทียบแล้วพบว่าที่ธ.เสนอจะจ่ายเบี้ยสูงกว่าค่ะ" ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่องนี้  แนะนำให้ลองเปรียบเทียบแบบ IRR มาเทียบกันครับ  เพราะไม่อย่างนั้น  คุณอาจจะตกหลุมพรางของตัวเลขได้ครับ จากคุณ : Kojorn - [ วันอาสาฬหบูชา 13:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราก็ดูประกันอยู่เหมือนกัน เห็นที่ผลตอบแทนแบบ ส่ง 7 คุ้มครอง 15 ส่ง3 หรือ 4 คุ้มครอง 10 ดูมันหลายธนาคาร ดูแล้วคิดตัดสินใจไม่ถูก ตอนนี้ตัดจนเหลือ กรุงศรี กับ ธนชาต ที่เราว่าผลตอบแทนน่าจะดีสุด แต่ก็ยังไม่มั่นใจเหมือนกันว่าหรือจะทำกับตัวแทนจะดีกว่า คิดมา 2 อาทิตย์แล้วยังตัดสินใจไม่ได้เลบ T_____________T จากคุณ : jeangirl - [ วันอาสาฬหบูชา 13:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่รู้นะคะ  เอาเป็นว่าแชร์ความคิดแล้วกันนะ   คือสำหรับเรา เราคิดว่าถ้าเป็นเงินลูก  มันต้องไม่สูญหาย   ก็เลยว่าน่าจะแบ่งเป็นฝากประจำแบบไม่เสียภาษีก่อน   พอได้เงินก้อนก็นำไปลงทุนต่อในพวกกองทุนต่างๆค่ะ จากคุณ : Kibby - [ วันเข้าพรรษา 11:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เปิดบัญชีในชื่อลูก ฝากประจำแบบพิเศษ 24 เดือน คือฝากเงินเท่า ๆ กันทุกเดือน ธนาคารจะให้ดอกเบี้ยเท่าักับฝากประจำ 24 เดือน + 0.25% ถึง 0.75% แล้วแต่แบงก์ ดอกเบี้ยที่ได้ไม่ต้องเสียภาษีด้วยครับ การฝากแบบนี้ รัฐบาลสนับสนุนอยู่ ทุกแบงก์ก็เลยต้องสนับสนุนตาม แต่บัญชีแบบนี้เปิดได้เพียง 1 คนต่อ 1 บัญชีนะครับ ถ้ามากกว่านั้น บัญชีอื่น ๆ ดอกเบี้ยต้องเสียภาษีด้วย ฝากแบบนี้ ดอกเบี้ยดีกว่าฝากออมทรัพย์แบบไม่ถอน แต่ความเสี่ยงยังเหมือน ๆ กันครับ ส่วนเรื่องประกันชีวิต ก็น่าสนใจ ควรแบ่งไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ภาระผูกพันระยะยาว ถ้าบังเอิญเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่นตกงาน จะทำให้การส่งเบี้ยไม่ต่อเนื่อง ซึ่งเวนคืนกรมธรรม์มาแล้วมักจะได้ ไม่คุ้มที่เสียไปครับ ส่วนการฝากประจำพิเศษ 24 เดือนนั้น ถ้าฝากไม่ครบก็ไม่เป็นไร อย่างดีธนาคารก็คำนวนดอกเบี้ยเท่ากับออมทรัพย์ หรือฝากประจำ 12 เดือนให้แทน และดอกเบี้ยต้องเสียภาษี เพราะไม่เข้าเกณฑ์ของทางรัฐบาลเท่านั้นเอง จากคุณ : แหลก - [ วันเข้าพรรษา 18:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ของผมจะแบ่งเงินมาส่วนหนึ่ง หรือ ครึ่งนึงของคุณโดย 1. ฝากธนาคาร 2. ทำประกันแบบ 20 - 25 ปีก็ได้ (เมื่อครบได้เงินคืน) แบบที่ 1 ได้มีเงินใช้เผื่อฉุกเฉิน แบบที่ 2 ถ้ามีเหตุที่ผู้ชำระไม่สามารถส่งเงินได้ (ไม่ใช่ตกงาน) บุตรก็ยังได้เงินตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ การทำประกันควรคำนึงถึงเงินสุขภาพ ถ้าซื้อมาก เมื่อครบกำหนดกรมธรรม์ อาจขาดทุนได้ และควรซื้อแบบสะสมเพราะดอกเบี้ยทบต้น จากคุณ : น้ำเค็ม - [ วันเข้าพรรษา 18:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเป็นตัวแทนประกันชีวิตครับ  แต่ไม่ได้มาขายนะครับ ขออนุญาตคุณ แม่น้องนิว (vilailuk_j) แนะนำบางส่วนนะครับ เนื่องจากลูกชายผมก็เพิ่งจะ1ขวบเองครับ จึงเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ครับ ก็เลยวางแผนด้านประกันชีวิต และออมเงินให้ลูกไปเรียบร้อยแล้วด้วยครับ ไม่ทราบว่าตัวคุณพ่อและคุณแม่เองมีกรมธรรม์หรือเปล่าครับ ถ้ายังแนะนำให้แบ่งมาออมผ่านกรมธรรม์ประักันชีวิตด้วยนะครับ เพราะยังไม่มีการออมแบบไหนที่การันตีเป้าหมายได้ 100% ทั้งต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทางได้ดีเท่ากับออมผ่านกรมธรรม์เลยครับ  ทำให้ เรามั่นใจได้ว่าน้องจะได้รับเงินจากเราแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดกรณีใด ๆ ขึ้น ส่วนของน้อง ถ้าคุณแม่ต้องการออมเพื่อเป็นเงินเก็บให้น้อง ผมแนะนำว่า โครงการออมเงินต่าง ๆ ผ่านประกันชีวิต ไม่ว่าจะใ้ช้ชื่ออะไรก็ตาม ผลประโยชน์แตกต่างกันไม่มากหรอกครับ เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันครับ ลองมองที่การบริการดีกว่าครับ เพราะเราไม่ได้ฝากแค่ปีสองปีครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 52 01:33:13 จากคุณ : พ่อน้องโอโซน - [ 9 ก.ค. 52 01:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินอยู่นะคะ เลยอยากจะมาแชร์ไอเดียด้วย การเก็บเงินให้ลูกเป็นสิ่งที่ดี....เพราะพ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกเรียนจบสูงสุดตามที่เราต้องการ.....ดังนั้นเราควรเก็บในที่ที่เรามั่นใจว่าจะได้เงินนั้นจริงๆ  จะลองเปรียบเทียบให้ดูนะคะ 1. LTF เสี่ยงนะเพราะเอาไปลงในหุ้น 65% และวันที่เราต้องใช้เงิน ตลาดหุ้นจะเป็นยังไงเราไม่มีทางรู้เลย 2. RMF ยาวนานมาก กว่าจะได้เงินก็ต้องรออายุ  55  แล้วลูกเราจะอายุเท่าไร่  ถ้าต้องการใช้เงินก่อนจะทำไง 3. ประกันชีวิต เป็นสินค้าที่ดี มีการการันตีผลตอบแทน และคุ้มครองชีวิตด้วย  แต่แนะนำให้ซื้อกับตัวแทนดีกว่าซื้อที่ธนาคารนะคะ เพราะจะได้รับการดูแลและบริการที่ดีกว่า   4. ฝากไว้ในธนาคาร ซึ่งเป็นวิธีที่พ่อแม่หลายๆ คนทำอยู่ มีข้อดีคือ ลูกมีเงินเรียนอย่างที่เราตั้งใจไว้  แต่ข้อเสียคือ หากผู้ฝากเกิดเสียชีวิต หรือทุพพลภาพระหว่างการฝากความตั้งใจนั้นก็สิ้นสุดลง ซึ่งจากหลักการวางแผนที่เป็นสากลเค้าแบ่งดังนี้ นะคะ 1.ต้องมี  basic need ก่อน เพื่อสภาพคล่องของเรา  ประมาณ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ฝากไว้ที่ธนาคาร 2.ต้องมี Risk  Management ปกป้องความเสี่ยงที่จะทำให้เงินของเราลดลง  โดยโอนความเสี่ยงนี้ให้บริษัทประกันรับผิดชอบแทน ในเรื่อง Income Protection, สุขภาพ, โรคร้ายแรง 3. Education เก็บเงิบเพื่อทุนการศึกษาบุตร 4.Retirement  เก็บเงินเพื่อเกษียณอายุของเรา 5.Investment  เช่น  short term  , medium term เป็นอันดับสุดท้าย เพราะมันมี Risk ถ้ามันเจ๊ง มันมีปัญหา ช่างมันเลย เพราะมันอยู่อันดับสุดท้ายซึ่งเราได้วางแผนส่วนอื่นมาค่อนข้างปึ้กแล้ว **********นี่คือหลักการคะ*********** จากคุณ : Thidarat_133 (thidarat_133) - [ 10 ก.ค. 52 19:10:32 ]