คุณ Inori ครับ ....
ผมมีข้อสงสัย จะรบกวน หน่อยครับว่า
Delta Neutral คืออะไร และ เราจะหาได้ด้วยวิธีใด ครับ
ขอบคุณครับ .......
....ส่วนที่ คุณ Inori บอกว่า .....
"ในมุมมองของผมการที่คุณซื้อหุ้นแล้วราคาปรับตัวลดลง--->คุณขายออกไป นั่นก็คือ 1 trade ที่คุณขาดทุน หากดูใน equity curve ของคุณเองก็จะพบได้ว่า wealth ของคุณลดลงนั่นเอง หลังจากนั้นคุณกลับเข้ามาซื้อได้ที่ราคาถูกลง คุณก็บอกว่าได้กำไรจาก cash flow ที่เหลือออกมาจากต้นทุนเก่าซึ่งนั่นก็เป็นการเข้าใจผิดเพราะต้นทุนเก่านั้นไม่มี เนื่องคุณได้ขาดทุนในเทรดแรกไปแล้ว และต้นทุนของคุณก็คือราคาที่คุณเพิ่งจะซื้อเข้าไป"
.............................
ผมคิดว่า คุณกำลังทำบัญชี สำหรับ หุ้นเก็งกำไร อยู่ครับ ซึ่ง ในบัญชี เก็งกำไร สำหรับผม จะคิดกำไร ขาดทุน เป็นรอบ ๆ ตามที่คุณว่าไว้ครับ
.............................
"แล้วถ้าต่อจากนั้นหากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเท่ากับราคาแรกที่คุณซื้อเข้าไปก่อนที่จะ short against port คุณก็จะบอกว่ากำไรเนื่องจากซื้อตอนราคาถูก ขายตอนราคาแพง แน่นอนครับเทรดที่สองของคุณกำไร แต่ wealth ของคุณล่ะ มันก็เท่าเดิมแหละเพราะหักลบกลบหนี้กับที่ขาดทุนจากเทรดแรกไป"
..................................
ผมคิดว่า Wealth ของผม ไม่เท่าเดิมครับ ถ้าเกิดกรณี แบบนี้
เช่น ผมลงทุนใน หุ้น ABC 10,000 @ 10 บาท คิดเป็นเงิน 1 แสน บาท(ขออนุญาตไม่คิดค่าคอม)
1 แสนบาทนี้ คือ Wealth ของผมที่ราคาหุ้น 10 บาท
....ต่อมา.... หุ้นลงไปที่ ราคา 9.50 บาท ผมขาย 1,000 หุ้น ผมจะเหลือ Wealth 95,000 บาท
...จากนั้น... หุ้นลงไปที่ 9 บาท ผมขายออกไปอีก 1,000 หุ้น ผมจะเหลือ Wealth 90,500 บาท
...จากนั้น...หุ้นลงไปที่ 8.50 ผมขายออกไปอีก 1,000 หุ้น ผมจะเหลือ Wealth 86,500 บาท
..และหลังจากนั้นสมมุติหุ้นกลับตัวขึ้นที่ 8.75 ผมซื้อคืน 3,000 หุ้น เพราะผมใช้เงิน 26,250 จากเงินที่ขาย 27,000
เมื่อหุ้นกลับมาที่ 10 บาท อีกครั้ง ผมจะมี Wealth 1แสน + 750
....ประมาณนี้ครับ.... (แนวความคิดนะครับ)
ซึ่งในความเป็นจริง ตรงส่วนนี้ ต้องนำไปคิดเป็นค่าคอม ครับ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของ ผู้ลงทุนครับ ว่าถ้าหุ้นลักษณะเช่นนี้ จะต้องปรับเปลี่ยนแผนยังไง
......................................................
"ผมไม่เห็นความแตกต่างของ short against port กับการเทรดธรรมดาเลย เนื่องจากทุกเทรดคือเทรดใหม่ ทุกราคาคือต้นทุนใหม่เสมอ ผมกลับมองอีกแง่ว่า แนวความคิดแบบนี้จะทำให้คุณยึดติดกับราคาหุ้นมากเกินไป ซึ่งนั่นเป็นแค่ภาพลวงตา และการที่ไปยึดติดกับภาพลวงตาก็ยิ่งอันตราย"
....ถ้าทุกเทรดคือการเทรดใหม่ .... สำหรับผม คิดว่า นั่นคือ เรากำลังเก็งกำไรอยู่ครับ เพราะไม่มีการนำต้นทุนเก่ามาคิด
การชอร์ต อะเก้น พอร์ต คือการนำหุ้นที่คุณคิดลงทุนในระยะยาว มาทำให้เกิดประโยชน์ ครับ ดีกว่า ทิ้งไว้เฉย ๆ ในยามหุ้นลง ดังนั้น เมื่อคุณทำในครั้งแรก ที่ราคาต่ำกว่าทุน จะทำให้ต้นทุน ยิ่งสูงขึ้น
....แต่หากผ่านไปซักระยะ เมื่อคุณมีการ ทำซ้ำรูปแบบเดิม ต้นทุนจะต่ำลงมาเองครับ.....
สมมุติรอบนี้ หุ้นพี่ปอ จากทุนราคา 260 ลงไปอยู่ที่ 200 บาท ....
....ใครใช้วิธีคัทลอส.... จะได้เหลือเงินมากสุดครับ
....ใครใช้วิธีชอร์ต....จะเหลือเงินรองลงมา
....ส่วนใครยึดคติ "หุ้นดี ไม่ขายไม่ขายทุน" ก็จะเหลือเงินน้อยที่สุด
ซึ่งกลับกัน หาก จากราคา 260 ลงไปแล้วเด้ง ไปที่ 300 บาท
...ใครคัทลอส ก็จะเงินเหลือน้อยสุด
...อันดับสอง ยังคงเป็น คนเล่นชอร์ตอะเก้นพอร์ต
...และใครที่ใจแข็ง ไม่ทำอะไรเลย ก็จะได้เงินมากที่สุด
ดังนั้น ทุกวิธี มันมีข้อดี ข้อเสีย ในตัวมันเอง
เหล่าแมงเม่า จึงต้องเลือกอาวุธ ให้ถูกต้องตามแต่สถานการณ์
ในกราฟก็เช่นกัน
ตัวชี้วัด แต่ละตัว ก็มี หน้าที่ มีจุดเด่น จุดด้อย ต่างกัน ในแต่ละสถานการณ์
.......ตัวคนเล่น มีหน้าที่ เลือกใช้ ให้ถูกต้องกับสถานการณ์ที่สุดครับ
| จากคุณ |
:
อาหนิว
|
| เขียนเมื่อ |
:
12 ก.ค. 52 03:29:49
|
|
|
|
|
|