ความคิดเห็นที่ 1   สวัสดีค๊าคุณลัลลา ชีวิตคล้าย ๆกัน คะเรียนสายวิทย์ ปตรีก็เลือกทางด้านวิชาชีพเฉพาะ เรียนจบก็ไม่ได้อะไรเพราะไม่ได้ชอบ มาทำงานสาย margeting เจ้านายก็ส่งไปเรียนโท ชีวิตเปลี่ยนหลังเรียนจบ โดยเฉพาะก็ตอนเลือกเรียนวิชา Investment เนี่ยแหละ ตอนแรกก็เรียนไม่รู้เรื่องรู้แต่ว่า Dr.คนนี้เก่งมาก ก็พยายามฟังให้เข้าใจ ตอนนี้จะว่ามีอิสรภาพทางการเงินก็ไม่เชิงแต่ก็มีความสุขกับชีวิตมากกว่าที่ต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบมานับ 10 ปี จากคุณ : ชีวิตคือการลงทุนค่ะ (applebkk) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 12:55:45

ความคิดเห็นที่ 2   แค่คุณเข้ามาในห้องสินธร  ก็แปลว่าคุณเริ่มต้นวางแผนหรือมีแผนทางการเงินของชีวิตไปแล้ว  ผมเชื่ออย่างนั้น จากคุณ : satan@เต้ย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 12:58:32

ความคิดเห็นที่ 3   อยากมีอิสรภาพทางการเงินค่ะ พยายามศึกษาการลงทุน เพื่อให้เงินทำงาน จากคุณ : Ausary เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 12:59:26

ความคิดเห็นที่ 4   พยายามอยู่นะ ไม่ได้หวังถึงขนาดร่ำรวยหรอกนะ แค่ สามารถ สร้างรายได้ ได้ระดับ เพียงพอที่เราจะสามารถ ออกไปทำ อะไรที่อยากทำได้ โดยให้น้ำหนักเรื่องค่าตอบแทนน้อยลง เพราะทุกวันนี้เหมือนทำงานเพื่อ เงิน อย่างเดียว ไม่ทำก็ไม่ได้ 555 มีสิ่งที่อยากจะทำก็ยังไม่สามารถทำได้เพราะยังไม่มีอิสระภาพทางการเืิงินเพียงพอ แต่ก็ไม่ได้ตั้งเป้า ไว้ว่าต้องอายุเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นไปได้ เร็วหน่อยก็ดี 5555 จากคุณ : Mr.Judy เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:47:36

ความคิดเห็นที่ 5   ตั้งความหวังว่า จะลงทุนให้มีผลตอบแทน(ดอกเบี้ยและปันผล)มากกว่ารายจ่ายประมาณ2-3เท่าตัวก่อน อยากเอาเวลาไปช่วยที่ไม่มีโอกาส ไม่ต้องรวยมากก็ได้ครับ เอาแบบสบายๆ เพราะรวยไปก็ไม่รู้จะรวยไปทำไม ถ้ารวยแล้วโดนญาติพี่น้องไถตังค์ 555+ ปล. อายุ26คับ ตัวคนเดียว เรื่องลูกไม่ต้องพูดถึงเพราะยังหาแฟนไม่ได้เลย -"- จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 14:32:16

ความคิดเห็นที่ 6   อิสระทางการเงินเหรอครับ.......ของแต่ละคนมันไม่เท่ากันหรอก   บางคนรวยมากแล้วถ้าเขามี ซัก 1-5 ล้าน แต่บางคนก็ต้องการมากกว่านั้น   สำหรับผมเริ่มตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตตั้งแต่ 24 ว่าจะมีเงินซัก 10 ล้าน แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงทำงานกินเงินเดือนไปเรื่อยเก็บเงินฝาก ไปเรื่อยเช่นกัน ถึงตอนนี้ผ่านมา 8 ปี แล้ว ผมก็ยังไม่เห็นทางหรอกนะครับว่าจะไปจุดนั้นได้  แต่ มุมมองกว้างกว่าเดิม นิดหน่อย เริ่มจากลงทุน ปลูกยูคาลิปตัสไว้ 60 ไร่ เก็บผลผลิตน่าจะ ประมาณปี 55 เอาเงินเก็บจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาบริหารเองในตลาดหุ้น ได้ผลตอบแทนตอน นี้นับว่าดีมากเมื่อเทียบกับฝากธนาคาร และไม่ลืมที่จะหาทางลัดจากสลากออมสิน ด้วยเงินลงทุนอีก จำนวนหนึ่ง และทุกวันนี้ก็ทำงานไปเรื่อย และลงทุนในตลาดหุ้น มีทั้งกะถือยาว และขึ้นมาซัก 5-10% ตัดขาย  แล้วก็รอจังหวะที่ดีกว่านี้จะลง ยูคาลิปตัส อีกซัก 30 ไร่ และหลังจากเก็บ ผลผลิตจาก lot 60 ไร่คงนำเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มอีกเพื่อว่าวันนั้นจะมาถึง จากคุณ : HDE35 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 15:04:45

ความคิดเห็นที่ 7   มันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องตั้งเลย ทุกลมหายใจแสวงหา  เป็นสัญชาติญาณ ของนักล่ามากกว่า เป้าหมายมันก็ทำนองเดียวกันทั้งนั้นหละ มีล้าน ขอ 2ล้าน   ได้แล้ว จะสร้างคฤหาสน์ ริมเขา มีรถ ซัก 5 คัน ตอนนี้ ขอแค่ปลดหนี้ ค่าผ่อนบ้าน กับ ผ่อนรถ   ขอให้บ้าน+ที่ 60 ตารางวา เป็นของเราก่อนตาย (ผ่อนมา 12 ปีแล้ว) แอบดู สินธรมา หลายปี  แอบเทรด ตาม เซียน ไปหลายแสน ตั้งเป้าไว้เลิศหรู อลังการ  ......... (น่าอาย)  (ไม่เจียม body) เอาเป็นว่า  ก่อนเกษียณ ต้อง ไม่มีหนี้ + เงินเก็บ 2 ล้าน ลูกหลาน ไปทำมาหากินกันเองนะจ๊ะ จากคุณ : PeterMc เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 16:04:33

ความคิดเห็นที่ 8   ตั้ง แต่ หลงทางเสมอ ครับผม จากคุณ : The Fast And Furious เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 16:09:45

ความคิดเห็นที่ 9   ตั้งไว้เหมือนกัน  แต่มันไม่มีวันจบ พอมีเงินมากขี้น  รายจ่ายก็จะมากขึ้นตามเป็นเงา   ตอนเริ่มครอบครัวก็แบบนึง  มีลูกเล็ก ๆ  ก็อีกแบบ   ตอนนี้ลูกโตแล้วก็เปลี่ยนไปอีก   แต่ที่สรุปได้คือ   เวลาเปลี่ยน  ปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยน  ความคิดเราก้เปลี่ยนไปด้วยครับ จากคุณ : The Gollum เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 16:37:05

ความคิดเห็นที่ 10   คห.7 ครับ 2 ล้านนี่มีรถ 5 คันเลยหรือครับ ผมว่าแทบทุกคนตั้งความหวังล่ะครับ เพียงแต่จะไปถึงหรือเปล่านี่สิเรื่องใหญ่ คนส่วนมากนั้นก็ไปแบบกลางๆกันทั้งนั้นได้ดิบได้ดีไปเลยก็คงมีบ้างแต่น้อยหน่อย สำหรับผมอยากมีอิสระทางการเงินเหมือนกัน พูดง่ายๆก็มีตังค์แบบไม่ต้องทำงานนั่นแหละ เพื่อจะได้เอาเวลาในชีวิตไปทำอย่างอื่น ทำงานที่ชอบที่ไม่ต้องคิดว่าจะหาเงินให้ครอบครัวพอไหม แต่ก็คิดว่าชีวิตจริงคงจะยาก ถ้าไม่ได้มรดกนะ เรื่องลงทุน เคยคิดมาหลายรอบแล้ว ทั้งทองทั้งหุ้น แต่ขาดความกล้าครับ อย่างตอนหุ้นตกๆนั้นคิดไว้เลยว่าถ้าเราซื้อหุ้นตอนนี้กำไรอื้อแน่ แต่ก็ยึกยักๆจนตอนนี้ซื้อไปก็เท่านั้นแล้ว ถ้าซื้อตอนนั้นแค่ไม่ถึงสองเดือนลงทุนซักล้านนึงก็ได้กำไรกลับมาเกือบๆล้านแล้ว เก็งถูกไปหลายทีแต่ไม่กล้าซื้อซักที เซ็งตัวเอง จากคุณ : Fraudster เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 16:49:45

ความคิดเห็นที่ 11   ผมตั้งใจว่าตอนสี่สิบจะมีเงินสิบล้าน แล้วจะเกษียณตัวเอง มาเป็น investor อย่างเดียว ^ ^ จากคุณ : Idiopathic เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 17:02:53

ความคิดเห็นที่ 12   ตั้งครับ เป้าหมายอย่างน้อยต้องทำได้เท่าๆกับพ่อ ส่วนจำนวนกำหนดไม่ถูกครับ ตอนนี้ไม่ภาระอะไร ก็เงินเท่านี้ๆก็สุโค่ยแล้ว แต่อนาคตมีเมีย มีลูก ก็ต้องหารายได้เพิ่มขึ้น ลูกโตขึ้น ส่งลูกเรียน อยากให้เรียนดีๆ ก็ต้องมีรายได้เพิ่มเข้ามาอีกเยอะ ตั้งความต้องการสูงสุดไว้คือใช้ชีวิตอย่างสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน จากคุณ : sukineko เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 17:22:04

ความคิดเห็นที่ 13   ตั้งเป้าหมาย แล้วก็ตรวจทานดูตอนต้นปี ปล. ตอนนี้ยังหาจากเป้าหมายที่ตั้งไว้เยอะ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 19:43:24 จากคุณ : domedare เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 19:42:58

ความคิดเห็นที่ 14   ตั้งค่ะ ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 ยังเรียนไม่จบเลยค่ะตอนนั้น จริง ๆ ต้องบอกว่า ตั้งความหวังเสียจนเรียนไม่จบมากกว่า เพราะได้อิทธิพลความคิดจากหนังสือ พ่อรวยสอนลูก ทำให้รังเกียจการทำงานกินเงินเดือน ลุ่มหลงเพียงว่า เราจะใช้เงินทำงาน วัน ๆ จะนั่งเทรดหุ้น อาจจะเพราะด้วยยังเด็ก พอได้อ่านอะไรนิดหน่อย ยังไม่ค่อยมีวิจารณญาณมากพอ เลยทำให้เชื่อชนิดไม่คิดอะไร เคยขนาดที่ว่า นั่งทำข้อสอบอยู่วิชานึง แล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง มองเพื่อน ๆ แล้วคิดว่า "เด็กพวกนี้ พอเรียนจบมาก็ต้องมาทำงานรับเงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาท นี่เราจะอดทนเรียนไปเพื่อสิ่งตอบแทนเพียงนี้เองหรือ หากเราไม่เสียเวลาเรียน ไปนั่งศึกษาหนทางการลงทุน เราคงไปได้ไกลกว่านั้นเป็นแน่" ว่าแล้วก็วางปากกา ส่งกระดาษคำตอบ ชิ่งออกจากห้องสอบคนแรกเลย ทั้ง ๆ ที่เข้าห้องสอบคนสุดท้ายเพราะมาสาย ในใจนั้นคิดว่า พอกันทีสำหรับการเรียนที่เสียเวลา เราขอออกไปผจญภัยกับโลกภายนอกด้วยตัวเองดีกว่า หลังจากนั้นไม่นานก็เปิดพอร์ตค่ะ เริ่มด้วยเงินทุนประมาณหมื่นบาท ครั้งแรกได้กำไรค่ะ หุ้นขึ้นสูงสุด 803 จุด ณ วันที่ 13 มกราคม 2547 แต่หลังจากนั้นมาเดี้ยงตลอด เพราะพิษไข้หวัดนกด้วย ขาดทุนไปเยอะค่ะ (สำหรับเด็กคนนึงอ่ะนะ) ออกจากตลาดไปพักใหญ่ เพราะไม่มีเงินลงทุนต่อ เงินที่ลงทุนไปคราวแรกก็ต้องถอนออกมาใช้ดำรงชีวิต บ้านเราไม่ได้รวยค่ะ เรามีพี่น้อง 4 คน เป็นลูกคนโต เมื่อไม่เรียน ก็ต้องไปทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง เริ่มอาชีพด้วยการขาย แอมเวย์ บัตรเครดิต ประกันชีวิต ฯลฯ เอาหมด ก็พ่อรวยสอนลูกเค้าว่าอย่างนั้นนี่นา อาชีพนักขายเป็นอาชีพต้น ๆ ที่ทำเงินได้ดีมาก (ปลอบใจตัวเองไปวัน ๆ) แต่เราทำเองแล้วเป็นไงเหรอ ได้เดือนละ 300 บาทยังเคยเลยค่ะ ชีวิตช่วงนั้นค่อนข้างลำบาก ไขว้เขวและสับสนมาก ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการเงินการลงทุนไว้เยอะมาก (มากสำหรับคนไม่มีตังค์อ่ะค่ะ ก็หลายสิบเล่มอยู่) อดอยากปากแห้งอยู่ 2-3 ปี จนมานั่งคิดว่า บ้านเราก็ไม่ได้มีตังค์ เราจะรวยขึ้นไปลอย ๆ แบบฐานไม่แน่นได้อย่างไร ทุกวันนี้ยังทำงานได้เฉลี่ยไม่เคยถึงหมื่น ก่อนจะหาเงินเย็นก้อนแรกไปลงทุนได้ ก็คงต้องเริ่มจากการทำงานกินเงินเดือนก่อนกระมัง ประกอบกับช่วงนั้นเพื่อนร่วมรุ่น (ที่เคยนั่งมองเค้าในห้องสอบ) จบมาทำงานแล้วได้เงินเดือนเยอะ เราเลยตัดสินใจกลับไปเรียนต่อ และเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า เงินเดือนนี่แหละจะเป็นแหล่งเงินทุนก้อนแรกของเรา ด้วยความที่โตขึ้น คิดอะไรเป็นมากขึ้น ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาว ผู้คนมากมายหลายความคิด ทำให้อดทนเรียนรอบสองได้สำเร็จ ตอนนี้ก็ทำงานมาปีกว่าแล้วค่ะ อายุ 26 เงินเดือนถือว่าโอเคเลยนะ อยู่ได้สุขสบาย แต่ไม่เคยหลงใหลกับเงินเดือนที่ได้รับ เพราะยังไงก็ยังคิดว่า มันเป็นแค่รายได้ชั่วคราว และไม่เคยลืมวันที่ลำบาก วันที่ตั้งใจว่าจะหลุดพ้นจากอิสรภาพทางการเงินให้ได้ ทัศนคติเปลี่ยนไปแบบโตขึ้น ทำให้เป้าหมายชัดเจนขึ้นค่ะ จากทีแรก คิดแต่ว่าอยากรวย อยากสบาย ตอนนี้ เริ่มเข้าใจว่า ความรวยคืออะไร พอเพียงคืออะไร ความรู้คืออะไร ทุกวันนี้ ตั้งเป้าไว้ว่า จะทำงานซัก 15 ปี ระหว่างนี้ จะลงทุนในหุ้นและอสังริมทรัพย์ไว้ จะไม่เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นหนี้สิน บัตรเครดิตนี่ไม่ทำเลย รถก็ไม่เอา บ้านก็อาศัยพ่อแม่ไปก่อน เพื่อนรุ่นเดียวกับเรา ที่ (เราคิดว่า) เค้ายังไม่ค่อยสนใจเรื่องการเงินเท่าไหร่ จะเริ่มทำบัตรเครดิตกันเมื่อพ้นโปร เอาโบนัสไปดาวน์คอนโด บางคนเคยคุยกับเราว่า ถ้าเงินเดือนเท่าเราเค้าจะผ่อนรถ ยังไม่เห็นใครคิดจะเก็บเงินไว้ลงทุนเลยค่ะ เรานี่ตั้งใจไว้ก่อนจะได้งานทำว่า จะเก็บเงินเท่านี้ ๆ ปีแรกจะลงทุนแบบนี้ ๆ พออายุ 40 จะหยุดทำงาน ทุกวันนี้ถามว่าเป็นไปอย่างคาดหวังมั้ย ก็ยังไม่ค่ะ เพราะยังเก็บเงินไม่ค่อยได้ อยากได้กล้อง อยากไปญี่ปุ่น อยากไปสวิส ทุกวันนี้พอร์ตก็เล๊กเล็ก แต่ก็ติดตามเรื่องข่าวสารการเงินเรื่อย ๆ เท่าที่เวลาว่างจะอำนวยพอ ไม่เคยลืมความฝันของตัวเองค่ะ แม้ว่าประกายฝันครั้งแรกมันจะผ่านไปเกือบ 7 ปีแล้ว มุ่งมั่นจะไปให้ถึง แต่ไม่ก้าวกระโดดเหมือนสมัยเด็ก ๆ ใช้ความเข้าใจโลก เข้าใจชีวิตนำทางค่ะ จากคุณ : อิสรภาพของแมวเหมียว เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:07:01

ความคิดเห็นที่ 15   ขอแชร์แบบสั้นๆนะครับ ทำงานมาตั้งแต่จบปอตรีครับ (จบวิศวะครับ) ถึงตอนนี้ทำงานมาได้ 12 ปีครับ มีรถ 1 คัน ราคา 8.5 แสน ผ่อนหมด 3 ปีครึ่ง บ้าน 1 หลัง ราคา 9.5 แสน ผ่อนหมด 3 ปี ตอนนี้ไม่มีหนี้ มีเงินเก็บเกือบครึ่งแสน ลงในหุ้นหมดแล้วครับ เป้าหมายระยะสั้น กะเก็บเงินล้านให้ได้ภายใน 3 ปี จากนั้นลงทุนให้ได้กำไรพอกับค่าใช้จ่ายประจำวัน เป้าหมายระยะยาว เอาเงินเดือนเก็บที่ได้เพิ่มไปลงทุนในหุ้นให้หมดครับ ถ้าเป็นไปที่วางแผนไว้น่าจะต้องทำงานอีก 10 ปีถึงจะเกษียณได้ครับ ก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว้่าจะทำได้หรือเปล่าน่ะครับ จากคุณ : Papiruz เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:32:43

ความคิดเห็นที่ 16   อิสรภาพทางการเงิน ความหมายของผมคือการที่ไม่ต้องทำงาน หรือทำบ้างไม่ทำบ้างตามใจเรา แล้วมีเงินใช้ต่อวันตามที่เราต้องการ ดังนั้นความต้องการของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ผมใช้ดอกเบี้ย risk free rate ไว้ ประมาณ 5 % เทียบเท่าหุ้นกู้ของบริษัทที่พื้นฐานดีๆ ไม่เสี่ยงมาก ถ้าเป้าหมายคือมีเงินใช้วันละ 5 พันบาท ดังนั้นต้องมีเงินต้นลงทุน 36.5ล้านครับ แต่ถ้าใครต้องการน้อยกว่านั้นเงินต้นก็จะลดลงมา เช่นต้องการวันละ 1250 บาท ก็ใช้เงินต้น 9 ล้านบาท ทั้งนี้อยู่ที่ความต้องการส่วนบุคคลแล้วครับ แต่ถ้าใครสามารถหาวิธีลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่านี้แล้วไม่เสี่ยง สัดส่วนเงินต้นที่ใช้ก็จะลดลงด้วยครับ จากคุณ : Notelio เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:59:44

ความคิดเห็นที่ 17   เหมือนกับคุณ อิสรภาพของแมวเหมียว แต่ผมอ่านพ่อรวยสอนลูก เล่ม เงินสีด้าน ได้อ่านตอนที่มีล้านแรกแล้วนะครับ ท้าวความหน่อย ตอนจบดันไปชอบลูกคนรวยแล้วเขาไม่สนใจ เลยตั้งความหวังตอนนั้น แบบเล่นๆว่า อายุ 25 จะขอเห็นทรัพย์สิน 1 ล้าน พอ 35 ขอเห็น 10 ล้าน ครั้น 45 ขอเห็น 100 ล้าน สำหรับ 55 ตอนนั้นกล้าคิดไว้ แต่ตอนนี้ไม่กล้าคิดแล้ว ฮ่าๆๆ ล้านแรก เห็นเพราะพ่อให้ทุนมาทำการค้าเอง ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างเขา โดยมีเงื่อนไข ต้องเป็นคนเดียว ตั้งแต่เถ้าแก่ คนขับรถ ไปจนถึงกรรมกรยกของ ตอนแรกน้อยใจมากๆ จบป.โทมา แต่ให้มาแบกเกลือส่งโรงงาน แต่ก็ทำไปอยู่หลายปี จนกระทั่ง มาเจอะเจอหนังสือพ่อรวยสอนลูก เล่มเงินสี่ด้าน ที่สอนให้หาทางทำเงิน จากหลายๆทาง (รับเงินเดือน, ค้าขายเอง, ลงทุน และเปิดกิจการกระจายหุ้น) เลยแอบเบียดบังเงินบริษัท (ก็ของตัวเองแหละ เพราะถือหุ้น 99.98%) มาลงทุนในหุ้น ค่อยๆซื้อเก็บ ช่วงดัชนีตกจาก พันกว่าจุด มาสองร้อยจุด ซื้อไปเรื่อยกว่าล้านบาท จนตรงสองร้อย เอาไงเอากันว่ะ บริษัทที่ซื้อไม่น่าเจ๊ง ทุ่มซื้อตัวเดียวอีกล้านบาทเลย ผลของเงินที่เบียดบังออกมา สองล้านกว่าๆ ทำให้อายุ 28 ก็ได้เห็นสิบล้าน ก่อนอายุ 35 ตามที่ตั้งใจไว้แล้ว เลยทำให้กระหยิ่มใจ อ่าห์ ร้อยล้านคงอีกไม่ไกล เลยไปหาห่วงมาผูกคอ แล้วก็มีลูกตุ้มโผล่มาอีก 1 กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้จะ 45 แล้ว เป้าของ 45 ยังไม่ถึงเลย และไม่รู้จะถึงเมื่อไหร่ แต่ก็นะ ...ชีวิตพอเพียง ความคิดเปลี่ยน อยู่อย่างมีความสุข ไม่มีหนี้ ดูหนังไปวันๆ มีงานให้ทำอาทิตย์ละวันสองวัน พอเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน มีเงินปันผลมาให้ใช้ปีละสองครั้ง มีค่าเช่าคอนโดให้เก็บ จะเอาอะไรอีกเนอะ จากคุณ : punpreuk เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 21:20:25

ความคิดเห็นที่ 18   มีเวลาจะออกเที่ยวตามกำลังทรัพย์ เก็บเกี่ยวกำไรให้เยอะๆ ตามอย่างลุง500 จากคุณ : คนขาดหุ้น เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 21:50:41

ความคิดเห็นที่ 19   ผมตั้งไว้ครับ ว่าจะต้องมีอิสรภาพทางการเงิน อย่างน้อยก็สามารถเลือกทำงานที่รักได้  โดยที่ผมสามารถใช้รายได้จากหลายๆ ทาง มาเลี้ยงตนเอง พ่อ แม่ และครอบครัวผม ในอนาคตครับ จากคุณ : ดช กระต่าย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 21:55:05

ความคิดเห็นที่ 20   ตั้ง กันหมดเลย แต่ไม่ยอมทำแอมเวย์กันซักคน เมื่อไรจะมี อิสระทางการเงิน กันครับ อิอิ ผมก็ไม่ได้ทำ แต่ คำนี้มันเป็นจุดขายของเค้า ของผมเอามาเก็บที่ดินแทน แปลงแรกๆได้กำไรเพราะ ฟลุ้ค พอได้มาก็เริ่มศึกษาจริงจัง ใช้บริษัทประเมินราคาเป็นที่ปรึกษา 10ปีหลังนี่ ฝีมือ ล้วนๆครับ  กล้ายืนยันว่า มันมั่นคงจริงๆ และ ผลตอบแทนไม่น้อยเลย แต่เวลา นาน... หน่อย จากคุณ : ทำด้วยใจรัก (ทำด้วยใจรัก) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 22:17:06

ความคิดเห็นที่ 21   ตั้งครับ ระยะสั้น กับ ระยะยาว แต่พอตั้งระยะสั้น แล้วมันถึงไปแล้วตอนนี้เลยขี้เกียจซะ (- -)'' จึงแนะนำว่าตั้งระยะสั้นให้มันยากๆ หน่อยก็ดีครับ ส่วนระยะยาวให้มัน Reasonable นิดก็ดีครับ สำหรับผม ระยะยาว: ต้องการจะมีทรัพย์สินให้ได้อย่างน้อย 200 ลบ ภายในอายุ 45 ปี ตอนนี้: 29 ปีแล้ว เพิ่งจะมี 5% ของที่ตั้งไว้ (T-T) สู้ว้อยยยยยย จากคุณ : Chaotic System เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 03:55:30

ความคิดเห็นที่ 22   อยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากใช้เงินเมื่อไหร่ก็มีเงินให้ใช้จังค่ะ ชาตินี้ไม่มีโอกาสสัมผัสเเล้ว เอาเเค่ว่าเลี้ยงลูกให้ลูกพึ่งตัวเองได้ก่อนค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 08:25:57 จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 08:25:33

ความคิดเห็นที่ 23   ตั้งเป้าหมายให้เงินทำงานให้ตอนสมัยวิกฤตต้มยำกุ้ง เพราะพบว่าอาชีพพนักงานบริษัทก็ไม่ได้มีความมั่นคงอะไร อาจจะถูกปลดออกจากงานได้เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจ มาเยือน ลองคิดดูว่าถ้ามีหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลี้ยงดูครอบครัว แต่ตกงาน แล้วจะทำอย่างไร ที่ทำในช่วงนั้นก็คือ ปลดหนี้สินทุกตัวให้เร็วที่สุด ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ออมเงินไว้ เพื่อให้เงินทำงานให้ โชคดีที่วิกฤตต้มยำกุ้ง ยังไม่โดนไล่ออก เลยรอดมาสะสมเงิน ทุนต่อได้ โดยฝากธนาคารอย่างเดียว เพราะช่วงนั้นดอกเบี้ยยังสูงอยู่   ต่อมาพบว่าแนวโน้มดอกเบี้ยธนาคารเริ่มลดลงแล้ว ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลเริ่มออกพันธบัตรออม ทรัพย์อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย 6.75 %  จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน  ก็เลยแบ่งเงินส่วนใหญ่ไปซื้อพันธบัตร และ ทยอยซื้อเรื่อยมา แต่คิดไว้ว่า ดอกเบี้ยควรมากกว่า 6 % ถ้าต่ำกว่านี้ จะไม่ซื้อ เพราะถ้าดอกเบี้ยต่ำๆ อาจจะไม่ชนะเงินเฟ้อ ต่อมาเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นแต่ไม่ได้ศึกษาให้ดี เพราะช่วงนั้นแนวทางการลงทุนแบบหามูลค่าหุ้นก่อน ผมยังไม่รู้จักเลย ก็ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนในตลาดหุ้นไปพอสมควร หลังจากพบว่ามีวิธีการลงทุน แบบหามูลค่าหุ้นของบริษัทในอนาคตก่อน และ หาจังหวะซื้อในราคาที่ต่ำกว่าค่าที่ประเมิณได้ซัก 30 - 40% แล้วก็รอไปขาย เวลาราคาหุ้นเข้าใกล้ราคาที่ควรจะเป็น  นับว่าเป็นวิธีการที่น่าสนใจแต่ต้องใช้เวลาศึกษาธุรกิจที่เราจะเข้าลงทุนอย่างดีก่อน วิเคราะห์การทำกำไรในอนาคตของบริษัท แล้วคำนวณมูลค่าที่เหมาะสมออกมา แล้วดูว่าราคาในตลาดต่ำกว่าค่าที่เราหาได้ มากพอจนน่าสนใจหรือไม่ ถ้าไม่ก็รอไปก่อน จนกว่าราคาจะตกลงมามากพอที่จะ ทำกำไรมากๆ ได้ซัก 40%  หลังจากใช้แนวทางนี้พบว่าจำนวนครั้งที่ขาดทุนลดลง เพราะบางครั้งเราก็มองผิดพลาดได้ แต่รวมแล้วก็ยังกำไรอยู่ สำหรับคนที่ไม่ได้มีสมบัติจากใครมาเริ่มต้นเงินทุนให้  ก็คงต้องขยันทำงานเพื่อสะสมเงินทุนก่อน ส่วนเงินทุนควรมีเท่าไร ก็ลองคำนวณจากค่าใช้จ่ายต่อปี และผลตอบแทนที่คิดว่าจะทำได้ต่อปี และหักด้วยเงินเฟ้อของคุณในแต่ละปี ซึ่งเงินเฟ้อของแต่ลคนจะไม่เท่ากันเพราะ ค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะไม่มีใครคำนวณค่าเงินเฟ้อของตัวเอง ก็เลยใช้ค่าเงินเฟ้อที่ทางการประกาศ ค่าเงินเฟ้อจากหน่วยงานรัฐ จากปี 2533 - 2549   จะอยู่ที่ค่าเฉลี่ยประมาณ  3.91 % ถ้าค่าใช้จ่ายต่อเดือน = 15,000 บาท  -> ค่าใช้จ่ายต่อปี = 15,000 x 12 = 180,000 บาท ถ้าผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นของคุณต่อปี  = 9 % ถ้าใช้อัตราเงินเฟ้อ = 3.91 % เงินทุนที่ควรจะมีอย่างต่ำ = (180,000 * 100)/(9 - 3.91) = 3,536,345 บาท การคำนวณข้างบนเป็นการคิดแบบ นำผลตอบแทนอย่างต่ำเท่ากับเงินเฟ้อ เพิ่มเติมเงินต้นทุกปี เพราะไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้กี่ปี เราต้องให้เงินทุนเติบโตไปเรื่อยๆ ทุกปีอย่างต่ำเท่ากับเงินเฟ้อ  เพื่อให้ผลตอบแทนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี เพราะสินค้าแพงขึ้นเรื่อยๆ เราต้องให้เงินต้นโตด้วย เพื่อให้ผลตอบแทน จะได้ทันกับราคาสินค้าที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราเงินเฟ้อ แต่ถ้าคำนวณแบบใช้เงินต้นไปด้วยจนเหลือ 0 บาท ตอนเสียชีวิต ก็จะใช้เงินทุนน้อยลงไปอีก  แต่ใครจะไปรู้ว่าจะตายตอนใหน ? ค่าใช้จ่ายที่ต้องเผื่อไว้คือ ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งผมก็ยังไม่เคยอ่านเจอว่ามีการคำนวณอย่างไร  เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะป่วยเป็นอะไร และ ตอนใหนและค่าใช้จ่ายเป็นเท่าไร ผมเองก็ประมาณค่าตรงนี้ไม่ได้   ถ้าใครมีวิธีคิดดีๆ ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็ลองบอกกันบ้างนะครับ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 52 07:36:30 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 08:55:42 จากคุณ : quadrotor เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 08:50:07

ความคิดเห็นที่ 24   คุณapplebkk - สวัสดีค่ะ :) หัวอกเดียวกันเลยค่ะ จขกทไม่ได้ชอบวิทยาศาสตร์เป็นอันดับหนึ่ง และจะไม่ทำงานด้านนี้ไปตลอดชีวิตแน่นอน ดีจังที่คุณapplebkk ได้ทำอะไรที่ชอบจริงๆ คุณsatan@เต้ย - เสียดายที่สนใจและเริ่มต้นช้าไปหน่อยเหมือนกันค่ะ แต่ก็ได้เริ่มลงทุนไปบ้างแล้ว และมีเป้าหมายชัดเจนค่ะ คุณAusary - คิดเหมือนกันเลยค่ะ คุณ Mr.Judy - สู้ๆค่ะ จขกทเชื่อว่าถ้าเรามีเป้าหมาย วางแผน ลงมือทำ ไม่ยอมแพ้ ย่อมสำเร็จทุกประการค่ะ คุณ clientuser - อนุโมทนาค่ะ คุณ HDE35 - โอ้โห ทำขนาดนี้แล้ว คงอีกไม่นานหรอกค่ะ จขกทว่า คุณ PeterMc - ของจขกท อยากได้บ้านริมชายหาดกับรถซัก 3 คันก็โอแล้วค่ะ :) คุณ The Fast And Furious - กลับมานะคะ คุณ The Gollum - เปลี่ยนจริงๆค่ะ เมื่อก่อนขอแค่เงินสด 6 ล้านก็น่าจะพอไปทั้งชีวิต เดี๋ยวนี้โลภ อยากได้ซัก 50 ล้านขึ้นค่ะ คุณ Fraudster - จขกท เชียร์ให้เริ่มค่ะ :) คุณ Idiopathic - ขอให้สำเร็จตามที่อยากนะคะ คุณ Sukineko - ดีจังเลยค่ะ คุณ domedare - ขอให้ใกล้เข้าไปเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : ลัลลา เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:51:04

ความคิดเห็นที่ 25   คุณอิสรภาพของแมวเหมียว - โอ้โห ยังกะอ่านใจจขกทมาเลย  ตอนนี้กำลังคิดเหมือนกันเลยว่าคนอื่นที่เค้าไม่วางแผน พวกเค้าคงต้องทำงานรับเงินเดือนไป ตลอดชีวิต และจขกทกำลังเบื่อการเรียนมากๆ แต่ก็คอยเตือนสติตัวเองว่า ยังไงก็ต้องเริ่มจากการมีพื้นฐาน นั่นคือการศึกษา เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เราเลือกที่ที่จะไปได้เยอะกว่าการไม่มีอะไรเลย และยัง ไงซะ ก็ต้องรับเงินเดือนก่อนซักระยะเพื่อเป็นทุนต่อไป จกกทก็อ่านหนังสือชุดพ่อรวยสอนลูกไปสองสามเล่ม แต่เพิ่งมาสนใจหาความรู้จริงๆจังๆ และลงมือ ปฏิบัติเมื่อไม่นานนี้เองค่ะ เป็นอสังหาและทอง แม่ของจขกทก็เห็นถึงผลที่ได้และหันมาสนใจและกำลังหาลู่ทางเพิ่มเติมด้วยกันอีก ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาแบ่งปัน ได้ประโยชน์มากๆ ขอให้คุณอิสรภาพของแมวเหมียวสำเร็จอย่างที่หวัง  เป็นกำลังใจให้ค่ะ :) คุณ Papiruz - ต่อไปต้องรุ่งแน่เลย คุณ Notelio - เพิ่งเคยได้ยินเลยค่ะ น่าสนใจๆ เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลเพิ่ม ขอบคุณมากค่ะ คุณ punpreuk - เก่งจังเลยค่ะ 100 ล้าน คงอีกไม่ไกลนะคะ คุณคนขาดหุ้น - ชื่อแปลกดี จขกทก็ตั้งเป้าจะเที่ยวเหมือนกันค่ะ คุณดช กระต่าย - จะมีอะไรไปกว่านั้นจริงมั้ยคะ คุณทำด้วยใจรัก - ได้แนวทางเพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะ คุณ Chaotic System - 55555  จะพยายาม reasonable แต่มันโลภน่ะค่ะ คุณ Hana* - เอ ไม่น่าจะมีอะไรสายไปนะคะ แม่จขกทก็เพิ่งมาเริ่มตอน 50 คุณ quadrotor - รอบคอบจังเลยค่ะ ได้คำแนะนำแบบนี้แล้วทำให้ต้องกลับมาคิดให้ละเอียดขึ้นเยอะเลย เพราะจขกทไม่ทราบเลยว่าเงินเราจะเฟ้อในอัตราสูงขนาดนี้ ขอบคุณมากๆค่ะ ที่อยากมีเงินเยอะและมีอิสระทางการเงินนอกจากเพราะความอยากสบาย ก็มีอีกเหตุผลนึงด้วยว่า อยากเป็นผู้บำรุงพระพุทธศาสนาแบบที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ อยากสร้างวัด สร้างโรงพยาบาล โรงเรียน มีเงินเยอะๆจะได้ทำบุญ บริจาค ช่วยเหลือสังคมได้ตามที่อยากทำจริงๆค่ะ คนที่ได้รับก็สุขใจ ผู้ที่ได้ให้คือเรา ก็สุขใจ อาจจะสุขใจกว่าด้วยซ้ำ ขอบคุณทุกท่านค่ะ จากคุณ : ลัลลา เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:29:12

ความคิดเห็นที่ 26   ตั้งครับ  อย่างน้อย 10 ล้าน  ก่อนอายุ 40  และถ้าถึง 20 ล้าน  จะรู้สึกมั่นใจมากว่าเกษียณได้แล้ว  แต่ตอนนี้ยังมีเงินเก็บอยู่ 8 แสนเองครับ  แต่ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้ผมยังอายุ 27 อยู่  และเพิ่งทำงานมาได้แค่ 2 ปีคับ  ก็พยายามต่อไป จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:53:56