ความคิดเห็นที่ 1 หมายเหตุ ถ้าคำแนะนำต่อไปนี้ผิดพลาด ก็ขออภัย ด้วยเหตุที่ห่างจากเรื่องนี้มานานหลายปีมากแล้ว ................................................................................................ ถ้าให้แนะนำ... ไม่ต้องจ่ายแล้วครับ หนี้บัตรเครดิตถือว่าเป็นหนี้การค้าอย่างหนึ่ง ถ้าจะฟ้อง...ต้องฟ้องศาลภายในสองปี หลังสองปี...ถือว่าหมดอายุความ นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาจึงไม่ฟ้องศาล ถ้าคุณอยากเคลียร์ ด้วยเหตุที่ไม่ต้องการติด blacklist  ในเครดิตบูโร แนะนำว่าให้เจรจา...โดยตัดค่าใช้จ่ายทุกอย่างออกหมด เช่น ค่าติดตามหนี้ , ค่า late charge ให้คำนวณหนี้บัตรเครดิต บวกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละแปดต่อปี จริงๆแล้วคุณอาจเจรจา...ให้ลดลงมากกว่านี้ก็ได้ เพราะคดีนี้ บริษัทเจ้าของบัตรเครดิตตัดเป็นหนี้สูญ อีกทั้งคดีก็หมดอายุความแล้ว หลังคุณเจรจาเสร็จ ให้ฝ่ายบริษัททวงหนี้ ...ออกใบรับรองไม่ติดใจเอาความต่อไป ถ้าคุณชำระเสร็จสิ้น ...โดยเป็นใบรับรองจากบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต ...ไม่ใช่ใบรับรองจากบริษัททวงหนี้ ...เว้นแต่เป็นใบรับรองจากบริษัททวงหนี้    ที่เป็นตัวแทนแต่งตั้งของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต    ที่ยังไม่หมดอายุการแต่งตั้งบริษัททวงหนี้ ................................................................................................. อย่างไรก็ตามแนะนำว่า เพื่อความมั่นใจ ให้ปรึกษาทนายที่สนิทกันก่อนอีกครั้งก็ดี ขอเพียงคุณจิตใจสงบ แก้ปัญหาด้วยสติ คุณสามารถที่จะเดินผ่านมรสุมอันนี้ไปได้แน่นอน และขอแนะนำว่าถ้าคุณหลุดจากเรื่องนี้มาได้ ...อย่าเดินกลับเข้าไปในวงจรนี้อีกเป็นอันขาด การเป็นหนี้ ควรเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ หรือหนี้ดี และอัตราดอกเบี้ยเต็มที่ไม่ควรเกินร้อยละ 12 ต่อปี ขอให้โชคดีครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 52 10:08:57 จากคุณ : ** 4 a & 4 j ** เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 09:36:40

ความคิดเห็นที่ 2 มันไม่ใช่ละสิครับ เพราะ เดี๋ยวนี้เขามีคดีผู้บริโภค ฟ้องเร็ว ตัดสินเร็ว เราภูมิใจกับ กฎหมายนี้มากเขาเอาให้ผู้บริโภคฟ้อง แบงค์ อันนี้ แบงค์ฟ้องผู้บริโภค แต่ผมไม่คิดหรอกว่าแบงค์จะตกม้าตายฟ้องไม่ทัน จริงๆแล้วเขาไม่ฟ้องเอง แต่ ในกรณี นี้ คิดว่าไม่ต้องจ่ายอ่ะ มัน เป็น หนี้ สูญแล้ว แต่เขาก็มีสิทธิ ตามหลอกหลอน สรุปไม่ต้องสนใจ ถ้า จะ ฟ้องก็ ไปฟ้องดิ ถ้า ว่างก็ไปศาลครับ ก็แค่นั้น..... จากคุณ : maette2000 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 13:02:58

ความคิดเห็นที่ 3 ทำ haircut น่าจะลดหนี้ได้ 40% ครับ ขึ้นกับความสามารถในการต่อรอง แต่ทำแบบนี้จะติดแบล็ลิสต์นะครับ จากคุณ : Papiruz เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 13:19:33

ความคิดเห็นที่ 4 ที่อยากเคลียร์ เพราะไม่ต้องการติด blacklist  ในเครดิตบูโร ตามที่คุณ 4 a & 4 j บอกและค่ะ ถามคุณ Papiruz ลดหนี้ 40% จากยอดเรียกเก็บปัจจุบันใช่ไหม เป็นไปได้ไหมที่จะต่อรองให้ลดน้อยกว่า ยอดหนี้ที่ติดชำระครั้งแรกก่อนผิดนัด haircut ต้องติดต่อ bank ที่เราติดหนี้ หรือว่าติดต่อสำนักงานกฏหมาย จากคุณ : codecase เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 13:59:04

ความคิดเห็นที่ 5 ยากครับที่จะให้ ลดเงินต้นให้ต่ำกว่ายอดหนี้เดิม  เพราะ จนท.คงไม่รู้จะเอาบัญชีคุณไปลงตรงช่องไหนเหมือนกัน คือ เขาตามเงินคุณไม่ได้ เขาไม่เืดือดร้อน  เพราะเขาตั้งคุณเป็นหนี้เน่าไปแล้ว  คือตั้งว่าสูญ  แต่เขาก็มีหน้าที่ส่งชื่อคุณไปเครดิตบูโร  เพื่อไม่ให้คนเจ้าอื่นๆ เป็นหนี้สูญตามเขาเหมือนกัน แต่ที่คุณต้องการ คือการไปให้เขาถอดชื่อคุณออกจากเครดิตบูโรฯ   ก็ต้องผ่านขั้นตอนการประนอมหนี้  ต่ำสุดคือก็น่าจะเป็นอย่างที่่ คคห1 บอกมานั้นหละครับ  หนี้เดิม+8%/ปี(อันนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ปกติู้)  แต่ปกติที่ต้องเจรจาต่อรองกันคือ  การให้ตัดค่าใช้จ่ายในการทวงหนี้ และค่าปรับล่าช้าต่างๆออกไป ซึ่งตรงนี้ ตัดได้ไม่ได้  อยู่ที่เจรจา  จะบอกว่าควรจะได้ ก็ไม่ใช่  เพราะมันอยู่ที่นโยบายแบงค์ช่วงนั้นๆเช่นกัน ถ้าต่ำกว่านี้ แบงค์คงไม่ทำให้หละครับ   เพราะไม่ทำก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว  เรื่องของคุณก็ดำเนินการจนจบขั้นตอนของแบงค์ไปแล้วด้วยซ้ำ จากคุณ : แมวน้ำขี้เซา เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:56:00

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเคยขอประนอมหนี้นะครับ กับแบงค์ไทย โดยต่อรองให้ตัดค่าใช้จ่ายในการทวงหนี้ แล้วก็ดอกเบี้ยบางส่วน โดยผมแจ้งว่าผมจะปิดยอดเลย  ณ วันนั้นสรุปว่า จากยอดหนี้ประมาณ 38000 บาท ผมจ่ายไปประมาณ 42000 บาท แต่พอเช็คแล้วผมยังคงมีชื่อในเครดิตบูโร  เวรเรย  แต่เดือนหน้าก็จะครบ 3 ปีในการขังชื่อไว้ล่ะ  เห็นว่าเครดิตบูโรจะลบไปเมื่อครบ 3 ปี แต่ยังไม่ลบจากแบงค์นะครับ สำหรับแบงค์นั้น เราก็ยังคงแบล็คลิสต์อยู่ จากคุณ : จอมโจร (โรงแรม) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 22:35:10

ความคิดเห็นที่ 7 หนี้บัตรเครดิต เกิน 2 ปี ไม่ต้องจ่าย ครับ จะ ตัดผม ก็ลดไปเลย 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะ  ถ้าเป็นทุน รับซื้อมา แค่ 1 บาทเดียว เอง จากคุณ : เราเอง (ชวนกันไปไหน) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:42:30

ความคิดเห็นที่ 8 ได้ความคืบหน้าแล้วค่ะ จริงๆ แล้วไม่ใช่หนี้ตัวเองหรอก ญาติกันให้ช่วยเหลือ ล่าสุดโทรไปเคลียร์กับสำนักงานกฏหมาย บอกเขาให้ hair cut  เขาลดให้ เหลือ 10,000 กับอีกไม่กี่ร้อย ก็ OK  ให้เขาทำจดหมายยืนยันมา แล้วจะโอน โดยโอนผ่านบัญชีเครดิตที่เป็นหนี้ ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยแบ่งปัน จากคุณ : codecase เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 15:18:24