ความคิดเห็นที่ 1 คนที่เข้ามาในตลาดหุ้น ผมว่าสำคัญมากคือ.. 1. ต้องรู้จักตัวเอง 2. ต้องรู้เป้าหมายตัวเอง ถ้ารู้ 2 ข้อนี้ ความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น ก็จะเป็นสิ่งที่เรียนรู้กันได้ เป็นสิ่งที่สอนตัวเองได้ ถ้าไม่รู้ 2 ข้อนี้ จะเหนื่อย ถ้าไม่เหนื่อยโดยการตามเงาคนอื่น ก็ต้องเหนื่อยกับการไล่ตามเงาตัวเอง คนเล่นหุ้นแต่ละคน มีพื้นฐานจิตใจ และความคิดอ่าน ความรู้ ไม่เท่ากัน มีเงื่อนไขของเงินไม่เหมือนกัน ..และมีเป้าหมายการลงทุนแตกต่างกัน VI แท้ๆ  ..ที่รู้ตัวเอง รู้เป้าหมายตัวเอง ผมว่าไม่น่ากลัว (การรู้จักตัวเองก็เกิดการคัดกรองแล้ว) ..ที่น่ากลัว น่าห่วงคือ VI เทียม.. และ VI จำเป็น VI จำเป็น เราๆ ท่านๆ เห็นกันได้โดยทั่วไป (เป็นไปได้ ที่ทุกคนที่เข้ามาในตลาดหุ้น จะต้องเคยมีประสบการณ์นี้บ้างไม่มากก็น้อย-เอิ๊กๆ) VI เทียม คือคนที่ชอบแนวคิด vi , แต่ขาดการประเมิน พื้นฐานต่างๆ ของตัวเอง ว่าตนสามารถเป็น VI ที่แท้ได้หรือไม่? VI เป็นเรื่องที่เรียนรู้ และฝึกฝนทำกันได้ แต่คนที่เป็น VI โดยธรรมชาติ เรียนรู้แนวคิด และปฎิบัติตัวง่ายกว่า ..คนที่ไม่มีธรรมชาติเป็น VI ต้องฝืนตัวเองมาก . ส่วนผม ไม่ใช่ VI เพราะรู้ตัวว่าไม่ใช่ธรรมชาติของตัวเอง ผมเป็นพวกเก็งกำไรส่วนต่างในระยะยะสั้น และเก็งกำไรส่วนต่างในระยะกลาง-ยาว ..กับหุ้นพื้นฐานดี (ร่วมแจม) แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 12:41:53 จากคุณ : บุญทับ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 12:39:31

ความคิดเห็นที่ 2 คุณยังไม่เข้าใจ vi  พอครับ เลยยกหุ้น5ตัวแบบนี้ขึ้นมา จากคุณ : Rey Elessar เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 12:41:03

ความคิดเห็นที่ 3 หุ้นพวกนี้ไม่ใช่หุ้น VI จากคุณ : seun เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 12:46:12

ความคิดเห็นที่ 4 หุ้นพวกนี้ไม่ใช่หุ้น VI หุ้นพวกนี้มันหุ้นตลาด ผมว่า จขกท กลับไปหาหนังสืออ่านให้ท่องแท้แล้วค่อยมาอวดภูมิดีกว่า จากคุณ : ridermao เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 12:50:57

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมผมคิดว่า จขกท. อาจจะเข้าใจผิดคำว่า VI ไปจริงๆ แต่ก้อเข้าใจ จขกท. หวังดี อยากให้คนอื่นเห็นภาพการลงทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เล่นรอบสั้นๆ แต่ คนที่มาตอบต้องกระแนะกระแหน ทำทีเป็นสอนสั่ง และอื่นๆ ด้วยล่ะเนี่ย (ไม่ได้ apply กับทุก คห. นะครับ) แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 22:21:05 จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 12:53:52

ความคิดเห็นที่ 6 หุ้น BBl Amata ไม่น่าเข้าข่าย Vi นาครับ TMB นี่ไม่ใช่หุ้น Vi ชัวร์ Banpu  ptt นี่พอได้แต่ก็ยังไม่โดน Vi ไม่ใช่ถือดะ ทุกราคานาครับ ดูจากชื่อหุ้นผมว่าพี่ไม่ค่อยเข้าใจ Vi ครับ ตัวอย่างหุ้น Vi Aprint   Se-ed    AOT IT   Big c    Makro    MBK    Mint Hmpro Cpall  SSC TUF พี่ลองใหม่เอาหุ้นกลุ่มพวกนี้ อีกอย่างขึ้นกับราคาซื้อเป็นสำคัญ Se-ed  5 บาท Big C  20 บาท Cpall 9 บาท Aot  20 บาท Aprint 9 บาท it 5 บาท Hmpro 5 บาท นี่คือราคาหุ้นช่วงที่พวก Vi  แนะนำให้ซื้อหุ้นดังกล่าว แตกต่างกันตามช่วงเวลาของดัชนี ตัวล่าสุดคือ  Aot  ที่ 20 และไม่ขาย  3-5 ปี ส่วนตัวผมไม่ใช่ Vi เพราะมันไม่เหมาะกับตัวผม แต่ถ้าท่านดูผลตอบแทนจากราคาหุ้นและเงินปันผล เทียบกับดัชนีแม้ในช่วงที่ดัชนี 400 ผมว่ามันก็ไม่เลวทีเดียว แน่นอนย่อมไม่ได้ผลตอบแทนสูงๆเป็น 10 เท่า ภายในระยะเวลาสั้นๆ เหมือน Tfex  เล่นรอบ  เก็งกำไร   แต่อยู่ที่ว่าท่านเหมาะจะเป็นนักลงทุนแบบไหนมากกว่า ไม่ว่าแบบไหนผมว่าก็ประสบความสำเร็จได้ จากคุณ : P Phod เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 12:55:10

ความคิดเห็นที่ 7 ในมุมมองของผมนะครับ ผมเสริมให้นะครับ PTT BANPU AMATA  เป็นหุ้นในกลุ่มวัฎจักร์ครับ ซึ่งต้องเล่นตามรอบ BBL  เป็นหุ้นแข็งแกร่ง ที่เรียกว่าอิ่มตัวแล้ว ซึ่งต้องซื้อหมีขายกระทิง TMB  เรียกว่า  หุ้นเน่าครับ รอเทรินอา รานท์  แต่อาจไม่เทรินด์  ไม่ต้องเล่น หุ้นที่เป็นหุ้น  VI   ก็อย่างของ ดร.นิเวนศ์ครับ HMPRO CPALL BIG-C ******************************************* แต่ได้ข้อคิดครับ   จะเห็นว่าหุ้นบางตัวเราต้องเล่นรอบ และก็เป็น  หุ้นส่วนใหญ่เสียด้วย ผมว่าในเมืองไทย  VI  มีไม่กี่ตัวนะครับ ******************************************* แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 13:03:40 จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 12:56:00

ความคิดเห็นที่ 8 ***************************** เอาเป็นว่า  จขกท.... เขานำเสนอว่า  พวกที่ถือหุ้นเหล่านี้ 5 ปี แล้วคิดว่าตัวเองเป็น VI   ให้มองดูซิว่าได้อะไรกลับมาบ้าง อาจเป็น  VI ปลอม  VI จำเป็น  อย่างความคิดเห็นที่ 1 ของคุณบุญทับ ************************************************ กรุณา เขียนข้อคิดเห็นที่แตกต่าง  อย่างให้เกียร์ติกันด้วยนะครับ ************************************************ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 13:00:40

ความคิดเห็นที่ 9 หุ้นที่ว่ามาในกระทู้นี้ เข้าข่ายเป็น Bluechip ขนาดใหญ่ถึงกลาง จริงๆ เนื้อหาหุ้น ไม่เข้าทาง หุ้น VI ...แต่ความหมายของพี่ luck me ผมว่าน่าจะหมายไปในทาง "ถือหุ้นระยะยาว +กินปันผล .." ซึ่งมือใหม่จำนวนมาก ที่ยังไม่ได้ศึกษามากพอ มักคิดว่า VI = หุ้นปันผล+ถือยาว (ซึ่งนี่ มักเป็นความเข้าใจที่ผิด สำหรับ vi มือใหม่-vi เทียม -vi จำเป็น ) . ความจริง VI มีรายละเอียดมากกว่านั้น ..หัวใจของ vi น่าจะเป็นการคัดกรองหุ้น ที่ลงลึก ทั้งพื้นฐานธุรกิจ ทั้งผลดำเนินงานในอดีต แนวโน้มธุรกิจในอนาคต รวมไปถึงคณะผู้บริหารกิจการ VI มีสูตรการเล่นของเค้าเหมือนกัน(มีกลยุทธ์) เรื่องบางเรื่องพูดกันเหมือนเรื่องๆ ทั่วๆ ไป ..แต่กลับเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของ vi ผมพูดในฐานะเคยเรียนรู้แนวคิด ,  แต่รู้ตัวว่า ผมไม่ใช่ VI นะครับ.. (พูดเหมือนรู้ แต่จริงๆ ไม่ได้viกับเค้าเป็นหรอก - ฮา) จากคุณ : บุญทับ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 13:08:07

ความคิดเห็นที่ 10 VI จะขายเมื่อมูลค่าเกินพื้นฐาน นะครับ จากคุณ : Replace เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 13:14:25

ความคิดเห็นที่ 11 จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 13:23:10

ความคิดเห็นที่ 12 หลักการของ VI คือ 1. เข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคามีส่วนลดจากราคาพื้นฐานพอสมควร(Margin of Safety) => พื้นฐานดี+ราคาต่ำ 2. VI ไม่จำเป็นต้องถือยาว 3-5 ปี เพียงแต่ถ้าราคาตลาด ขึ้นไปเกินมูลค่าพื้นฐาน ก็สามารถขายได้ โดยไม่ได้กำหนดเวลาว่าต้องถือกี่ปี อาจเป็น 2 เดือน หรือ 10 ปี ก็ได้ 3. การหามูลค่าพื้นฐานของ ชาว VI ส่วนใหญ่จะเป็นการมองมูลค่าในอนาคต 3-5 ปี ซึ่งไม่ค่อยมีบทวิเคราะห์สำนักไหนทำกัน => ดังนั้นส่วนใหญ่ VI จะทำการศึกษาหุ้น และตีมูลค่าพื้นฐานด้วยตัวเอง 4. หุ้นที่ VI ถือส่วนใหญ่ จะเป็นหุ้นที่มีขนาดปานกลาง ถึงเล็ก และสภาพคล่องไม่ค่อยมี เนื่องจากหุ้นเหล่านี้จะไม่ค่อยมีนักวิเคราะห์ให้ความสนใจ ทำให้ราคามันค่อนข้าง ต่ำกว่าพื้นฐาน 5.การเป็น VI เหมือนเสือที่คอยซุ่มจับเหยื่ออยู่ในป่า ใน 1 ปี บางที VI อาจมีโอกาสซื้อหุ้นได้เพียง 1-2 ครั้ง เท่านั้น สำหรับหุ้นที่เฝ้าติดตามราคามาเป็นเวลาหลายปี แต่การขายออกแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ (ยกเว้น ตัวที่คาดการณ์ผิด) ดังนั้น Port ของ VI มักจะมี Turn Over rate ต่ำ เมื่อเทียบกับกลยุทธ์อื่นๆ http://www.thaivi.com แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 13:29:25 จากคุณ : เด็กฟาร์ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 13:26:38

ความคิดเห็นที่ 13 ที่มีคนมา กระแนะกระแหน จขกท. ก็เพราะว่า .... อาจจะรู้สึกว่า จขกท. กระแนะกระแหน ชาว VI ก่อนนั่นเอง .... คนเราคิดอะไร รู้อยู่แก่ใจ ....ผมไม่รู้หรอกนะว่า หวังดี หรือ อะไร.... แต่ถ้าผมเป็น ชาว VI ผมก็คงต้องบอกว่า ..."ให้ไปศึกษาการลงทุนแบบ VI เพิ่มเติมให้แม่นก่อน แล้วค่อยโพสเกี่ยวกับ VI"... จากคุณ : อาหนิว เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 13:32:43

ความคิดเห็นที่ 14 ลักษณะที่เจ้าของกระทู้โพสต์ เป็นเรื่องการเข้าใจผิด ในเเนวทางการลงทุนเเบบ VIค่ะ จริงๆเเล้วการลงทุนเเบบ VI ไม่ได้หมายความว่าซื้อหุ้นปันผล เเละถือนานๆ เป็นเเต่เพียงซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า เเละถือไปตราบจนกว่าราคาจะสูงกว่ามูลค่า หุ้นธนาคารน้อยคนที่จะอ่านงบการเงิน ได้อย่างเข้าใจเเจ่มเเจ้ง เราจึงไม่เรียกการลงทุน เเต่เรียกว่าเก็งกำไรจะเหมาะกว่า เเต่ถ้าใครเซียน  อ่านงบรู้เรื่อง   เเละวิเคราะห์มูลค่าได้เเล้วเข้าซื้อ ก็เรียกได้ว่าเค้าลงทุน -------------------------------------------------------------------- เเต่ก็เข้าใจเจตนาเจ้าของกระทู้นะคะ   ว่าหวังดีกับนักลงทุนหน้าใหม่ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 14:08:28 จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 14:06:52

ความคิดเห็นที่ 15  ผมว่าบางข้อความ ไม่สร้างสรรค์เลย ออกแนวมือไม่พายเอาเท้าราน้ำด้วยซ้ำ จากคุณ : Tanaphon_P เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 14:32:55

ความคิดเห็นที่ 16 ... คุง จขกท เข้าใจผิดอย่างมหันต์แย้ว มาโชว์หรากลางสินธรเลย ปลิงเห็นด้วยกับ คคห ทีี 7,9,10,12,13 และหลาย ๆ คคห งับ เอาเป็นว่า ปลิงก็เป็นคนชอบโพสกระแนะกระแหนคนที่เล่น VS และเล่นหุ้นปั่นเหมือนกัน แต่ข้อมูลปลิงแ่น่นกว่านี้เยอะ และปลิงโพสแนวฮา ๆ คลายเครียด ไม่ได้มาโพสเหมือนมาเทศน์ว่าคนอื่นอ่อนกว่า หรือแนวทางแนวอื่นอ่อนกว่า หรือคนอื่นไม่สังเกตุหรือไม่เห็นเหมือนตน แต่ปลิงโพสออกมาแนวฮา ๆ หลาย ๆ คนจะรู้ว่าปลิงโพสเล่น ๆ ขำ ๆ เอาเป็นว่า จขกท ปล่อยไก่ โชว์โง่กลางสินธร เต็ม ๆ เยย ไม่เป็นไรงับ เก็บ ปสก ครั้งนี้ไว้สอนและเตือนใจตัวเอง ว่าต้องศึกษาหาข้อมูลให้มากและแน่นกว่านี้ อย่างปลิงคิดจะำำำไปโพสแซว แดง เหลือง ในห้อง รดน ได้เนี่ยปลิงต้องอ่าน และศึกษาข้อมูลอยู่เป็นปี ๆ ถึงจะกล้าตั้งกระทู้แขวะกระทู้แรกในชีวิต ในห้อง รดน เพื่อไม่ให้ตัวเอง หลุด รั่ว หรือโชว์อ่อน ... แบ่ร แบ่ร จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 14:43:07

ความคิดเห็นที่ 17 จริงๆ หุ้นที่ยกมา ถ้าซื้อตอนถูกๆกว่ามูลค่า ก็เปนหุ้นวีไอได้นะ ใครว่า AMATA ไม่ใช่ AMATA ตอนนี้มีที่ดินหลายพันไร่ในมือ(รู้สึกเกือบๆหมื่น) แต่ราคาตลาดทั้ง บ.5000 กว่าล้าน พอจะเปนหุ้นวีไอได้ม่ะ ลป. วีไอมีหลายประเภทหลายแบบอะ จากคุณ : สี่คูณสอง เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 14:43:24

ความคิดเห็นที่ 18 TMB ตัดทิ้งได้เลย ไม่ใช่ผู้นำกลุ่ม กำไรไม่ดี กำไรไม่สม่ำเสมอ คาดการณ์ไม่ได้ AOT ทำธุรกิจผูกขาด แต่ก็ต้องดูด้วยว่าซื้อที่ราคาไหน ไปดูในงบดุลด้วยว่ากระแสเงินสด ROE ปันผลเท่าไหร่ AMATA กับ กลุ่มอสังหา เป็นหุ้นวัฐจักร เอแต่ถ้าซื้อ ได้ต่ำๆ ปันผล 10 %อัพ รอ วัฐจักร มันอีก 5 ปี น่าสนไหมล่ะ 5 ปี  ถ้าปันผลสม่ำเสมอ 10 % อัพก็ หายไป 50 % แล้ว แล้วถ้าขาขึ้นมันมา วิ่งเกิน 50 % อีก คืนทุนเลย คืนทุนแล้วชักเงินต้นออกเอาไปลงตัวอื่นๆ จากคุณ : Tanaphon_P เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 15:26:26

ความคิดเห็นที่ 19 คือ ถ้าใครจะบอกว่า จะลงทุนแนว VI อย่างน้อย ก็ต้องดูในงบดุลได้ว่า อัตราส่วน หนี้สิน/ทุน   D/E ratio เป็นเท่าไหร่  มีอัตราส่วนกระแสเงินสดดีไหม (คือหมุนเงินได้คล่องมือป่าว) ผมให้ หนี้สินหมุนเวียนต่อสินทรัพย์หมุนเวียน ไม่เกิน 1 เท่า  ราคาที่ซื้อ อยู่ที่ P/E เท่าไหร่ P/BV เท่าไหร่ จ่ายปันผลกี่ % อย่าง  STANLY ช่วงวิกฤต เกิดขึ้น ในกลุ่มรถยนต์ เค้าไม่เดือดร้อน มากมายเพราะกระแสเงินสดเค้าดี   อย่างเพื่อนผมเค้าก็เอาเงินมาลงเพิ่มอีก โอกาสแบบนี้มีน้อย เล่มนี้ก็ดีครับ http://www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?CategoryId=364&No=9789747884371 จากคุณ : Tanaphon_P เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 15:47:47

ความคิดเห็นที่ 20 #16 สุดยอดไปเลยครับ คุณไปว่า จขกท อย่างงั้น ผมคงไม่สนทนาด้วยหรอกครับ แค่อยากให้สมาชิกท่านอื่นเห็นว่าคุณเป็นคนมีความคิดยังไง จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 15:57:55

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าเจ้าของกระทู้ ลองศึกษาแนวทาง VI ดู สักวันอาจสนใจเป็นสาวก VI ก็ได้นะ สำหรับผมแล้ว การคัดเลือกหุ้น VI ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1. เป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ งบดุลมีอัตราส่วน D/E ratio ต่ำ หรือถ้าดำเนินธุรกิจด้วยเงินสดได้ (ไม่มี LT-debt) จะดีมาก งบการเงินสามารถวิเคราะห์ได้ไม่ยากจนเกินไป 2.เป็นธุรกิจ ที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย สามารถวิเคราะห์แนวโน้มว่าจะดีหรือไม่ดี ได้ด้วยตัวเอง(เช่นเป็นธุรกิจที่เราสามารถไปใช้บริการ แล้วประเมินสภาพธุรกิจได้) 3.เป็นธุรกิจที่เป็นผู้นำ ใน Sector นั้นๆ และผู้บริหารหรือเจ้าของมีธรรมภิบาลที่ดี 4.เป็นธุรกิจที่มี Moat ในการป้องกันคู่แข่งรายอื่นๆ ที่จะเข้ามาแย่ง Market share 5. เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล,การเติบโตและวิถีชีวิต ของชนชั้นกลาง เช่น การท่องเที่ยว,medical hub หรือ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้มี potential ในการเติบโตสูง และ การมี Mass Market ทำให้เกิด Economy of Scale 6.เป็นธุรกิจที่ไม่ถูก regulated โดยภาครัฐมากจนเกินไป   7.บริษัทที่มี %ROE สูง (ถ้าจะให้ดีควร 25% ขึ้นไป) และสามารถทำได้สม่ำเสมอ เมื่อได้หุ้นที่เข้าหลักการดังกล่าวแล้ว ก็คัดเข้า Universe เพื่อวิเคราะห์และประเมินมูลค่าพื้นฐานใน 3-5 ปีข้างหน้า จากนั้น หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคามี Margin of Safety ที่เพียงพอ จากคุณ : เด็กฟาร์ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 16:00:33

ความคิดเห็นที่ 22 ด้วยความเคารพ พี่ luck me มองบางตัวผิดพลาด และอาจเข้าใจนิยาม VI ผิดพลาดในบางมุม จากคุณ : ศรัทธาชาวสวน เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 16:01:05

ความคิดเห็นที่ 23  ถ้าเป็นสไตล์ผม จริงๆ นะ ทุกครั้งที่กำไรผมจะชักทุนผมออก โดยขายหุ้นให้เท่ากับกำไรที่ได้เพิ่มขึ้น จากราคาหุ้น อย่างถ้าผม ทะเล่อทะล่า ไปถือ TMB .  TMB เดือน/ปี....ต่ำสุด/สูงสุด....+/-..........%............ลงทุน 500,000 ........................................................ยุบหนอพองหนอบีบหัวใจ 01/2005......3.76................................500,000 01/2006......5.40..+1.74...+46.28%......731,400 01/2007......1.80..-3.60....-66.67%......243,800 07/2007......2.68..+0.88...+48.49%.....362,000 01/2008......1.13..-1.55.....-58.05%.....151,900 04/2008......1.53..+0.40....+26.15%.....191,800 11/2008......0.50..-1.03,....-67.32%......62,600 03/2009......0.43..-0.07.....-14.00%......53,900 ต่ำสุด 06/2009......0.97..+0.54...+125.58%....121,600 07/2009......0.81..-0.16......-16.49%.....101,500 มูลค่าปัจจุบัน *********************************** ผมจะทำแบบนี้ ในปีนี้ 01/2006......5.40..+1.74...+46.28%......731,400 ผมจะขายหุ้น ออกไปใน สัดส่วน 731,400 - 500,000 = 231,400 บ. ผมได้ทุนกลับมา 231,400 บ. คือถ้าแหกผมก็แหกอีกครึ่งนึง หรือไม่งั้นผมดูแล้ว ว่าไปไม่รอดผมขายตั้งแต่ 731,400 บ.เลย (ซึ่งใครดูงบดุลเป็นคงขายไปแล้วเป็นแน่) ปล.วิธีการชักเงินต้น ผมไม่ได้คิดเองครับ ไปอ่านของ ท่าน โกศล ไกรฤกษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์  มาอีกที แต่มันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านี้ครับ ผมแค่ยกมาแค่บางส่วน จากคุณ : Tanaphon_P เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 16:05:46

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ พี่ luckme ผมเล่น ตามรอบ ทุกตัว ครับ ไม่ว่า จะ vi หรือ ไม่ ก็ตามครับ ผมว่า หุ้นทุกตัวมีรอบ ของแต่ละตัว ขึ้น มากๆ  ก็ ต้องขายทำกำไรออกมาครับ จะขายหมดหรือ ขายไม่หมด ก็แล้วแต่ เจ้าของหุ้นครับ เมื่อราคาเกินราคาเหมาะสม ที่ เจ้าของหุ้นมอง ก็ ควรขายทำกำไรออกมา อย่าปล่อยให้กำไรลอยนวลครับ จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 16:56:42

ความคิดเห็นที่ 25 พี่ๆ ทั้งหลาย ลูบหลังอย่างเดียวก็ได้   ไม่ต้องตบหัวได้ไหมครับ  .... ผมเองไม่ค่อยกล้ามาถาม เอาแต่อ่าน ยังหนาวเลย..... แต่ก็ได้ความรู้จาก comment เยอะดี  (โดยไม่ได้ถามเองเลย) จากคุณ : PeterMc เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 17:22:41

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นVI ก็ต้องหาจังหวะซื้อจังหวะขายเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ถือยาวไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ดูแล้วเหมือนจะกำไรน้อยกว่า แต่หลายๆคนเขาก็ใช้ได้ผลเพราะปิดจุดอ่อนเขาได้พอดีครับ เล่นหุ้นได้กำไรก็ดีพอแล้วครับ ไม่ต้องคิดมากหรอกว่ากำไรใครดีกว่าใคร ทำแบบไหนกำไรมากที่สุด จากคุณ : มังกรใจเย็น เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 17:22:45

ความคิดเห็นที่ 27 รู้เท่ากัน ใช่ว่าจะสำเร็จเช่นกัน startegy เดียวกัน ใช่ว่าจะสำเร็จเช่นกัน แม้กระทั่ง ซื้อตัวเดียวกัน ราคาเดียวกัน ใช่ว่าจะกำไร/ขาดทุนเท่ากัน เพียงแค่กลยุทธ์ ขอให้เข้าใจให้ถ่องแท้  ก็จะสำเร็จมากว่าพลาดพลั้ง ใจเย็นๆครับ  เข้าใจผิดก็แนะนำกันไป   ขอให้โชคดีทุกคนครับ จากคุณ : โอ่งสี เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 17:49:35

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าหุ้นพวกนั้น ถือ ตามสัดส่วน ก็ได้ ที่ผมไม่เห็นพูดถึงมาก คือ diversify vi เหมือนคนจะรู้ แต่ผมว่าไม่รู้หรอก นอกจากไปฟังเสียงเครื่องจักรอย่างที่ buffet ทำจริงๆ แต่ผมว่าตัวอย่างหุ้นที่ยกมาก็โอ ธนาคารใหญ่ น้ำมัน ถ่าน อสังหาเจ้าเดียวที่ยุ่นรู้จัก ถือแบบการลงทุนก็ไม่เจ้ง จากคุณ : You'll never walk alone เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 17:53:17

ความคิดเห็นที่ 29 -หลักการของ VI   มีมากหมายข้อ ,หลักการของนักเทคนิค  ก็มี มากหลายข้อเช่นกัน -ถ้าจะเป็น vi  ต้องปฏิบัติ ให้ครบ ทุกข้อ ,ดังนั้นถ้าจะเป็น นักเทคนิค ก็ต้องให้ครบ ด้วยหรือ - ดังนั้น ถ้ายึดหลักต้องครบทุกข้อ  ในสินธรจะมี  นักเทคนิค  สักกีคน   (ที่เห็นบางกระทู้  ลงกราฟ indi. หลายตัว แล้วความเห็นว่าเป็นขาขึ้น เพราะ indi  ตัวนั้น,  ทั้งๆ ที่กราฟนั้นมี indi อีกตัว แสดงทางลง  ซึ่ง น่าจะให้ความสำคัญ มากกว่า  indi .ตัวแรก ที่มาอ้างถึงอีก  แสดงว่า ดูไม่ครบ  อย่างนี้ ก็ไม่ใช่ นักเทคนิซิ -  ดังนั้น ยาก ที่จะเป็น   VI หรือนักเทคนิค ถ้า ยึดหลัก ต้องปฏิบัติ ให้ครบ ทุกข้อ จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 17:59:12

ความคิดเห็นที่ 30 แรงกันจัง สงสาร จขกท อ่ะ VI เป็นได้มากแง่มากมุม ในมุมของ จขกท ก็เกิดขึ้นได้ ถ้าอีก 5 ปีจากนี้ไป จขกท มา post ใหม่ สถานะการณ์อาจเปลี่ยน ไปได้ คำนิยามหลายๆ คำนิยามของ VI มันเป็นนามธรรม ไม่มี อะไรวัดค่าได้ ชัดเจนอะ ของ แกรมแฮม อย่างหนึ่ง ของ วอเรนต์ อย่างหนึ่ง ของ ปีเตอร์ลิน ก็อีกอย่างหนึ่งค่อยๆ คุยกันใจเย็นๆ จากคุณ : pk_ray เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 18:16:37

ความคิดเห็นที่ 31 คุณโอ่งสีคนนี้ตอบดี .. ..แต่ฝากบอกถึงโอ่งสีที่ชอบทำภาษาไทยวิบัติหน่อย ว่าให้เพลาๆ มือหน่อย สงสารภาษาไทย.. . . เดี๋ยวนี้ ผมอ่านความเห็นต่างๆ , หรือแม้แต่ตอบความเห็นของตนออกไป จะนึกเสมอว่า.. "เราพูดไปแล้ว เราได้ประโยชน์มั้ย ผู้อื่นมาอ่านความเห็นเราแล้ว เค้าได้ประโยชน์มั้ย?" ถ้าพูดแล้วเป็นประโยชน์ตน หรือประโยชน์ท่าน(ผู้อื่น) ..ก็จะเข้าข่ายว่าเป็นความเห็นที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความเห็นผมที่ผมอ่านเจอ หรือว่า ออกความเห็นออกไป แต่พยายามอย่างยิ่งสำหรับตัวเอง ว่าจะพูดแสดงความเห็นที่เป็นทั้งประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน พยายามจะให้เป็น วจีสุจริต อย่างสม่ำเสมอ.. จากคุณ : บุญทับ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 18:19:24

ความคิดเห็นที่ 32 จริงๆ คนเล่นหุ้นนั้น อีโก้แรงๆ กันทุกคน.. ..อีโก้ไม่แรง ไม่คิดว่าตัวเองแน่ คงไม่ย่างเท้าเข้ามาในตลาดหุ้น . . ผมเองก็อีโก้แรงเหมือนกันนะ ..แต่เดี๋ยวนี้คิดว่าเบาลงเยอะแล้ว ถึงกระนั้น..ก็ยังมีบางปุ่ม บางมุม บางเรื่อง บางอย่าง อย่ามาแตะต้องกัน ถูกแตะต้องเมื่อไหร่ เป็นรำงิ้วเหมือนกัน 555..หยามกันง่ายๆ บ่ได่ดอก (ในทางจิตวิทยา เค้าว่ามีปมด้อยน่ะ 555) เข้าใจในหลายเจตนาในกระทู้นี้ (บางทีมันก็ถูกปุ่มกันได้).. ..เป็นกำลังใจให้คนเจตนาดีทุกๆ คนครับ จากคุณ : บุญทับ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 18:27:22

ความคิดเห็นที่ 33 ... คคห ที่ 20 สุดยอดไปเลย ปลิงหล่ะอยากคุยด้วยกับคุงจนตัวสั่นเลยฮับ คุณดูเอาก่อน คนที่จะกล้าตั้งกระทู้ว่าคนอื่นโง่ได้ ก็ควรที่จะเก่งกล้าสามารถและฉลาดรอบรู้กว่าเน้ ไม่ใช่รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ แล้วมาตีขลุมว่าถ้าลงทุนแบบนี้ แล้ว "โง่" คุณอ่านดูก่อน จขกท จะมาออกลูกแขวะ VI พอพลาดด้วยความเข้าใจผิดก็เลยโดนคืน แล้วคุณก็เห็นด้วย ไปร่วมวงถูกใจให้กิ๊ฟท์ แล้วพอมาถึง คคห ล่าง ๆ เกิดอาการธาตุไฟแตก เพราะไปเป็นพวกเดียวกับเค้าแล้วรึเป่างับ นี่ก็แค่ตั้งข้อสังเกตุอยากให้เห็นถึงนิสัยของยูสเซ่อ "หมึกสด" เช่นกันงับ จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 18:35:42

ความคิดเห็นที่ 34 พูดจากันดีๆก็ได้ ...คนเราออย่าไปสร้างศัตรูเลยดีกว่า ถึงแม้จะเป็นโลกไซเบอร์ก็ตาม... ...เห็นแย้งกันด้วยเหตุผลได้ แต่อย่าไปหลอกด่าเค้า ...มันไม่ดี ...ปล.เห็นใจ จขกท. ให้กิ๊ฟเป็นกำลังใจ...3อัน จากคุณ : Trillionaire เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 18:58:36

ความคิดเห็นที่ 35 อิเดี๊ยน ไม่มี อีโก้ เลยค่ะ เล่นมาหลายปี และยังเรียนรู้จากทุคน ทุกสิ่งอย่างอยู่เสมอ จากคุณ : โสมรัศมี เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 20:01:33

ความคิดเห็นที่ 36 เล่นๆกันเข้าไปเหอะ จะอะไรกันนักหนากะแค่หุ้น เล่นให้กำไรเป็นใช้ได้ จะเป็น vi, vs หรือ v อะไรก็ตามแต่ มันก็เท่านั้นเอง แต่ถ้ามองถือยาวอย่างเดียว คนถือ scc ตั้งแต่เริ่มมีตลาดก็กำไรบานแล้ว จากคุณ : Suysak เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 21:09:55

ความคิดเห็นที่ 37 ความจริงแล้ว หุ้น vi ไม่มีอยู่จริงนะครับ หุ้นหลายหลายตัว ถ้าราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น มันก็จะเป็นหุ้นที่ vi สนใจ  แต่หาก วันหนึ่งราคามันปรับตัวขึ้นมาถึงราคาพื้นฐาน หรือเกินกว่าราคาพื้นฐาน มันก็ไม่ได้เป็นหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าอีกแล้ว แม้แต่แนวทางการลงทุน แบบ vi ยังมีอีกหลายหลายแบบ เช่นการลงทุน vi ดั้งเดิม (ไม่สนใจธรุกิจ สนใจแค่ สินทรัพย์หมุนเวียน หนี้สิน และส่วนผู้ถือหุ้น ว่าจริงจริงแล้วมีราคาเท่าใด และ ราคาตลาดอยู่ที่ราคาเท่าใด ) และ vi แบบใหม่ (แบบบัฟเฟตนั่นแหละครับ ) ที่ให้ความสนใจประกอบกันระหว่างสถานะทางการเงินของบริษัทบ้าง แต่จะให้ความสนใจเพิ่มเติมทั้งในส่วนของ ปัจจัยทางปริมาณ (ตัวเลขทางการเงินต่างต่าง ) และ ปัจจัยทางคุณภาพ ( อนาคตของบริษัท อนาคตของอุตสาหกรรมนั้นนั้น ตำแหน่งทางการตลาดของกิจการ  และ ความได้เปรียบเชิงแข่งขันทางธรุกิจ ) เป็นต้นครับ เรื่องมันยาว ให้อธิบายนี่สามวันยังไม่จบเลยครับ แต่ต้องยอมรับว่า เป็นวีไอ ยากมากครับ ต้องใจเย็นต้องมีความเข้าใจ แถมเรื่องที่ต้องศึกษาก็เยอะมากนะครับ เยอะกว่าการมองปัจจัยทางเทคนิคเยอะครับ จากคุณ : luckydog2 เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 21:14:57

ความคิดเห็นที่ 38 เข้าใจเจตนาของ จขกท ครับ และก็ขอบคุณครับ ที่เป็นห่วงมือใหม่ จขกท คงไม่ได้มีเจตนาว่าชาว VI หรอกครับ จากคุณ : รักกันไว้เถิด (Casper in Love) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 21:18:50

ความคิดเห็นที่ 39 ผมว่าตลาดหุ้นประเทศไทย เล่นรอบ กำไรดีกว่าถือยาว .... .. . . จากคุณ : Two Fishes เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 21:42:03

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านๆแล้วก้อทั้งสงสาร ทั้งสะเทือนใจ คนไทยด้วยกัน ยังซ้ำกันขนาดนี้ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 22:19:59

ความคิดเห็นที่ 41 คุณปลิงพูดแรงไปนิดนึงนะครับ เจ้ากรรมผมดันให้ give ผิด  จะให้ คุณ   tanaphon_p  อ่ะ   จริงๆเข้าใจ  คุณ  luck_me  นะครับ   เห็นกันมานาน แต่  VI   จริงๆ  ก็ลึกซึ้งไปกว่านั้น    (  และมิบังอาจจะบอกว่าตัวเองรู้ดีด้วย  ) แนะนำลองไปอ่าน กระทู้  เทคนิคการปรับพอร์ต  ของคุณโจ  ลูกอิสานที่ thaivi ละกันครับ จะได้รู้ว่า      Definition :::    VI  ≠  การถือยาว ------------------------- เคารพทุกความคิดเห็นครับ จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 22:32:09

ความคิดเห็นที่ 42 "แมวสีอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่จับหนูได้ก็พอครับ" จากคุณ : ก้อนกลม เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 22:34:17

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเห็นใครพูดถึง 'VI' ทีไรเป็นต้องมีทะเลาะกันทุกที ตั้งแต่นิยาม วิธีการ ฯลฯ ผมชอบแนวคิดแบบ VI และพยายามจะเป็น VI บ้าง แต่ยังไม่เก่งเลย ทำให้ไม่กล้าบอกคนอื่นว่าตัวเองเป็น VI เพราะกลัวโดนด่าประมาณนี้แหละ (ประมาณว่าที่ผมทำมันไม่ใช่ VI) สรุปแล้วมันก็วิธีใครวิธีมัน ถนัดกันแบบไหน จะเรียกว่า VI (เฉยๆ) หรือ VI (love u)  ก๊ไม่ได้เป็นประเด็นนะผมว่า ใครเป็น VI แท้ๆก็ไม่น่าจะมากระแนะกัน มาแลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิดกันดีๆ ดีกว่า ผมว่าไม่จำเป็นที่คนมาเขียนกระทู้จะต้องมีความรู้ดีมากหรือต้องทำการบ้านมาก่อนอย่างหนัก เพียงแต่ควรบอกให้คนอ่านรู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือความเห็น มีแหล่งอ้างอิงตามอัตภาพ เป็นหน้าที่ของคนอ่านที่ต้องพิจารณาเองมากกว่า ไม่งั้นกระทู้ก็จะเหมือนห้องบรรยาย (Lecture) ที่มีผู้มีความรู้มากที่สุดในห้อง (รู้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) มาพูดปาวๆอยู่ฝ่ายเดียว เถียงกันด้วยเหตุผลครับ ป.ล. อ่านแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่า จขกท อวดเก่งหรือต่อว่า VI (หรือว่าผมเส้นลึกหว่า) ส่วนตัวก็ได้ประโยชน์ จาก จขกท มามากจากกระทู้ 'สรุปข่าวหนังสือพิมพ์ : ข่าวหุ้น/ทันหุ้น/โพสต์ทูเดย์/กระแสหุ้น' จากคุณ : ขอร้อง เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 22:36:07

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านกระทู้ผ่านๆ ครับ ยาวมากเลย ขอออกตัวว่าเป็น VI ฝึกหัด หัดมาหลายปีแล้วครับ แล้วก็ไม่ได้เก่งอะไร เหมือนกันครับ ไม่ว่าจะลงทุนด้วยสไลต์ไหน ก็มีทั้งคนเก่ง แล้วก็คนที่ไม่เก่ง ที่ผ่านมาผมเอาหลักการ VI มาใช้ ก็อยู่รอดปลอดภัยในตลาดนะครับ ทั้งตอนที่วางหลักประกัน 30% หรือวิกฤติเมื่อปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่พอร์ตหุ้นของผมมีหุ้น 100% ตลอดเวลามา 4-5 ปี แล้วครับ ไม่เคยถือเงินสด แค่ปรับพอร์ตไปปรับพอร์ตมา ปีก่อนพอร์ตของผมลดลง 60% แต่ก็ดีครับ เพราะได้พิสูจน์หลักการ VI ด้วยตัวเอง ที่ให้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า ทำให้ผมไม่เข้าเนื้อ แต่ขาดทุนจากกำไรสะสม ส่วนใครจะคิดว่า VI เป็นอย่างไรก็ช่างครับ แต่ผมอยากจะบอกว่า คนที่ยังไม่รู้จัก VI ยังไงลองหาโอกาสทำความรู้จักดูครับ เพราะการทำกำไร แล้วก็อยู่รอดปลอดภัยในตลาดหุ้น ไม่ได้มีวิธีเดียว... ปล. หุ้นที่ยกตัวอย่างมา 5 ตัว ของคุณ จขกท. ไม่เคยมีชื่อโผล่อยู่ในพอร์ตของผมเลยครับ จากคุณ : ส.สลึง เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 23:16:00

ความคิดเห็นที่ 45 ขอให้แต่ละท่านเลือกตามที่ตัวเองต้องการแล้วกันครับ ช่วยกันคิดสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนทรรศนะเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมกันดีกว่าครับ จากคุณ : ClasS_X เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 23:53:45

ความคิดเห็นที่ 46 RAM เป็นหุ้น VI ได้ไหม ไม่ลงมาแบ่งขายกันบ้างเลย จากคุณ : VI มีจริง (ปลาน่ารัก) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 01:16:20

ความคิดเห็นที่ 47 "สิ่งว่าเหล่านี้ไม่สามารถบอกเราให้ผู้อื่นๆโดยเฉพาะนักเกร็งกำไรจะมองว่าเรานี้ "โง่" มันเป็นมองต่างมุมกันไม่ว่ากัน ต้องเก็บความชื่นชมและขมขื่นไว้ในอกตัวเองแต่ผู้เดียว" ความเห็นในกระทู้เขียนมาจากประสบการณ์ผม เดียวนี้พูดคุยโม้กันจะพูด "ตอนหุ้นเขียวๆ ยังมีหุ้นอยู่" ไม่กี่นาทีต่อมา "หุ้นแดงๆ ขายหมดแล้ว" กลับไปกลับมาเป็นประจำ จะว่าไม่พูดความจริงก็ใช่ แต่มันก็ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ผมเป็นนักเกร็งกำไรระยะยาวส่วนใหญ่ถือเป็นปีๆ ผมถือว่าเป็น vi ผู้หนึ่ง บ่อยๆครั้งหุ้นตัวเองขึ้นเกิน 100% รวมหุ้นบางตัวในพอร์ตขณะนี้ ยังไม่ขายเพราะไม่ได้เป้าตัวเองตั้งไว้ แน่นอนไม่ไปรวดเดียวจบ แกว่งขึ้นแกว่งลงบ่อยๆครั้งที่ว่ากำไร 100% กลับกลายเป็นขาดทุน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับหุ้นในพอร์ตขณะนี้เช่นกัน มีความเสียดายมั๊ย ใหม๋ๆ "ใช่" ปัจจุบัน "ไม่เสียดายหรือเสียใจ" เพราะมันเกิดขึ้นเป็นไปตามนิสัยสันดานของตัวเราเอง น้อมรับผลที่เกิดจากการกระทำของตัวเองแต่ผู้เดียว ไม่โทษกล่าวหาผู้อื่น ขอขอบคุณทุกๆความเห็น ตัวผมก็ยังเป็นตัวผมไม่เปลี่ยนแปลง เช่น vi ของผมหมายถึงผลงานสุดท้ายขายหุ้นแล้วมีกำไรก้อนโตๆตามเป้าตั้งไว้ ค่อยๆปลับผลันตัวเองตามสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมืองประเทศไทย ตลาดหุ้น ฯลฯ ที่จะอำนวยเพื่อให้ถึงเป้าหมาย ใครจะมีความเห็นแตกต่างไม่ว่ากัน ด้วยความปรารถนาดี แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 09:23:23 จากคุณ : luck me เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 08:45:04

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าการที่เราเข้าซื้อหุ้นในราคาที่เราคิดว่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน แล้วไปขายเมื่อหุ้นนั้นได้ไปถึงราคาที่เรากำหนดเป้าหมายเอาไว้แล้ว โดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาซึ่งอาจจะกินเวลา 1 เดือน , 1 ปี หรือ 5 ปี อย่างนี้น่าจะถือเป็นแนวทางการลงทุนแบบ vi หรือไม่  ถ้าเป็นเช่นนั้น แสดงว่าหุ้นทุกตัว ในช่วงจังหวะเวลาหนึ่ง ตัวมันเองก็อาจจะเข้าข่ายเป็นการลงทุนแบบ vi ได้เช่นกัน ปล.TMB ถ้าผมยังมีหุ้นที่ทุน 50 สต.อยู่ ผมว่าผมก็ยังเป็น vi อยู่นะ จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 09:37:22

ความคิดเห็นที่ 49 - VI ไม่ใช่คำนิยามของตัวหุ้น แต่คือคำนิยามของแนวการลงทุน - VI กำไรเมื่อซื้อ หมายความว่า ณ จุดที่ซื้อหุ้น คือราคาที่มูลค่าของบริษัทนั้น ๆ กำลัง Undervalued ไม่ว่าจะเป็น Undervalued เมื่อเทียบกับมูลค่าของบริษัทในปัจจุบัน หรือแม้ว่าตอนนี้ราคาหุ้นกำลัง Overvalued แต่เมื่อมองที่สิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคต บริษัทจะทำผลตอบแทน หรือ growth ได้เป็นอย่างดี อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นจุดที่น่าซื้อ ... - VI ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นระยะยาว แต่ผู้ลงทุนแบบ VI จะยินดีมากที่สามารถถือหุ้นที่ตนเองเลือกได้ในระยะยาว หรือถือไปตลอดชีวิต เพราะมันหมายความว่าหุ้นตัวนั้นให้ผลตอบแทนที่ดี - นักลงทุนหลาย ๆ ท่านยังเข้าใจผิดว่า เมื่อต้องถือหุ้นเป็นเวลานาน คือการลงทุนแบบ VI จนหลาย ๆ คนเลยเถิดไปว่า พอติดหุ้น ติดดอย ก็บอกว่า "กำลังลงทุนระยะยาวแบบ VI" ตามที่คุณ luck me เขียนมาว่า "ผมเป็นนักเกร็งกำไรระยะยาวส่วนใหญ่ถือเป็นปีๆ ผมถือว่าเป็น vi ผู้หนึ่ง" ถ้าตามหลักจริง ๆ ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิด เพราะอย่างที่ว่าไว้ ... การลงทุนแบบ VI ไม่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาถือหุ้น แต่จะอยู่ที่ราคาหุ้นเทียบกับผลประกอบการ ณ จุดที่ซื้อ และ จุดที่ควรจะขาย (หรือไม่ขายก็ตามใจ) แต่อย่างว่า .... แนวทางลงทุน ของใครก็ของมัน อย่าไปยึดติดกับคำโน้นคำนี้เลยครับ เสียเวลา ... ขอแค่สุดท้ายแล้ว ทำกำไรได้ก็พอ เป็นแมงเม่า แต่ได้กำไร ก็ดีกว่าเป็น VI สุดท้ายมีบ้านบนดอย :) จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 10:33:56

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้าคิดแบบVI จริงๆ ต้องคิดถึงตอนซื้อ BBL ที่ 20 บ. แล้วไปขายที่ 120 บ ดิ ถึงจะเรียกว่า VI ถูกรอบถูกราคา 55555555555 จากคุณ : Joey999 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 10:45:12

ความคิดเห็นที่ 51 มองอะไรต้องมองเห็นได้ด้วยตาตัวเอง จับอะไรก็ต้องใช้มือตัวเองคลำ อย่าไปใช้มือคนอื่น อยากได้ยินอะไรก็ต้องใช้หูตัวเองฟัง อย่าไปจินตนาการ หรือเข้าใจคิดไปเองว่า VI ต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ครับ คนที่เป็น VI จะให้ความสำคัญกับ Value ครับ ไม่ใช่ระยะเวลาในการลงทุน ที่เห็น VI (ขอย้ำนะครับว่าพันธุ์แท้) ถือหุ้นยาวๆ เป็นเพราะ... ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนมูลค่าที่ประเมินไว้ VI ท่านนั้นก็แค่ถือไว้เฉยๆ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร ส่วนที่เห็น VI ซื้อขายสั้นๆ ก็เป็นไปได้อีกเหมือนกัน เช่น ราคาหุ้นสะท้อนมูลค่าแล้วในเวลาอันรวดเร็ว, พื้นฐานบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยประเมิน, มีหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจมากกว่า เพราะ Undervalue มากกว่า เป็นต้น ครับ จากคุณ : ส.สลึง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 12:34:00

ความคิดเห็นที่ 52 เห็น จขกท โชว์ภูมิแล้วบอกว่า VI เป็นแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้รู้อะไร หรือไม่ก็เข้าใจผิดไปมากทีเดียว เอาเป็นว่า ข้างบนก็ถล่มไปเรียบร้อยแล้ว ก็น่าจะรู้ไรเพิ่มขึ้นบ้าง จากคุณ : jippi เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 12:42:12

ความคิดเห็นที่ 53 มาอ่านกระทู้นี้แล้วทำให้รู้ตัวเองเลยว่า แท้จริงผมเพิ่งรู้จักคำว่า VI หลังจากได้ยิน VI มานาน สงสัยคงอีกนานกว่าจะเริ่มเข้าใจ จากคุณ : click2 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 13:42:01

ความคิดเห็นที่ 54 ผมเป็นนักลงทุน VI ตัวจริงครับ เข้าไว ออกไว (VI) จากคุณ : บิลลี่ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 14:05:25

ความคิดเห็นที่ 55 หลักการวีไอ เน้น ในการเลือก หุ้นคุณภาพ ราคายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนตอนขาย เขาไม่ได้เน้นว่า ห้ามขาย แล้วต้องกอดหุ้นไปจนตายนะครับ ส่วนใหญ่เข้าใจผิด 90% ว่า 1. วีไอ ต้องห้ามซื้อหุ้น bluechip 2. วีไอ ต้องกอดหุ้นไปจนตาย หลักการวีไอ มีอยู่ข้อเดียว คือ ราคาหุ้น ในระยะยาวจะถูกขับเคลื่อนด้วยกำไรของ บริษัท ลองไปดูใน thaivi หลายๆ คนก็ยอมรับว่า กำไรจากการซื้อขายหุ้น บางคนก็ถือหุ้นไม่ ถึง 3 ปี ถ้าเลือกหุ้นเพราะว่า มันต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น หากวันหนึ่งหุ้นวิ่งไปสูงกว่าราคาที่คุณประเมินไว้มากก็ต้องขายออกทำกำไร ย้ำว่า อย่าเข้าใจผิดว่า วีไอต้องถือหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ แล้วไปเรียกมันว่าหุ้นวีไอ ย้ำว่า อย่าไปกอดหุ้นไปจนตาย แต่ให้ถือหุ้นโดยถามตัวเองว่า ซื้อเพราะอะไร ถ้าเหตุผลยังไม่เปลี่ยนก็ถือไว้ ถ้าเหตุผลเปลี่ยนไป เช่นดูแล้วหุ้นตัวนี้วิ่งมาแพงแล้ว กิจการไม่โตไปกว่านี้ หรือไม่สามารถทำกำไรได้อย่างที่คาด ก็ขายออกไป จากคุณ : Joga Bonito เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 22:29:41

ความคิดเห็นที่ 56 ความคิดเห็นที่ 2 คุณยังไม่เข้าใจ vi  พอครับ เลยยกหุ้น5ตัวแบบนี้ขึ้นมา จากคุณ : Rey Elessar =========== พี่คับ............. พี่ช่วยอธิบายวีไอแบบ ดีพอ ........หน่อยคับ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 06:52:08

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 3   หุ้นพวกนี้ไม่ใช่หุ้น VI จากคุณ : seun =========== พี่คับ............. พี่ช่วยบอกชื่อหุ้นวีไอ สัก๕ ตัว ........หน่อยคับ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 06:57:20

ความคิดเห็นที่ 58 ความคิดเห็นที่ 4   หุ้นพวกนี้ไม่ใช่หุ้น VI หุ้นพวกนี้มันหุ้นตลาด ผมว่า จขกท กลับไปหาหนังสืออ่านให้ท่องแท้แล้วค่อยมาอวดภูมิดีกว่า จากคุณ : ridermao =========== พี่คับ............. พี่ช่วยบอก นิยาม ของหุ้นวีไอ ตามที่พี่รู้ ........หน่อยคับ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 07:09:10

ความคิดเห็นที่ 59 ความคิดเห็นที่ 5   ทำไมผมคิดว่า จขกท. อาจจะเข้าใจผิดคำว่า VI ไปจริงๆ แต่ก้อเข้าใจ จขกท. หวังดี อยากให้คนอื่นเห็นภาพการลงทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เล่นรอบสั้นๆ แต่ คนที่มาตอบต้องกระแนะกระแหน ทำทีเป็นสอนสั่ง และอื่นๆ ด้วยล่ะเนี่ย (ไม่ได้ apply กับทุก คห. นะครับ) แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 22:21:05 จากคุณ : Laganus =========== ขอบคุณพี่Laganus ที่กล้าพูดตรงๆ และสุภาพ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 07:11:48

ความคิดเห็นที่ 60 ความคิดเห็นที่ 25   พี่ๆ ทั้งหลาย ลูบหลังอย่างเดียวก็ได้   ไม่ต้องตบหัวได้ไหมครับ  .... ผมเองไม่ค่อยกล้ามาถาม เอาแต่อ่าน ยังหนาวเลย..... แต่ก็ได้ความรู้จาก comment เยอะดี  (โดยไม่ได้ถามเองเลย) จากคุณ : PeterMc =========== ห้องนี้เสื้อแดงอาจบอกว่า .......ผู้มี บารมีนอกกฎ .......เพี๊ยบ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 07:23:23

ความคิดเห็นที่ 61 ความคิดเห็นที่ 33 ถึงพี่จะเก็งกว่า รู้มากกว่า ......หาใช่เหตุผลที่จะใช้วาจาเช่นนั้นกับผู้อื่น จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 07:28:30

ความคิดเห็นที่ 62 เข้าใจเจตนาของ จขกท ครับ และก็ขอบคุณครับ ที่เป็นห่วงมือใหม่ จขกท คงไม่ได้มีเจตนาว่าชาว VI หรอกครับ (ลอกข้างบนมา) จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 07:32:27

ความคิดเห็นที่ 63 ความคิดเห็นที่ 52     เห็น จขกท โชว์ภูมิแล้วบอกว่า VI เป็นแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้รู้อะไร หรือไม่ก็เข้าใจผิดไปมากทีเดียว เอาเป็นว่า ข้างบนก็ถล่มไปเรียบร้อยแล้ว ก็น่าจะรู้ไรเพิ่มขึ้นบ้าง จากคุณ : jippi =========== แนวพี่นี่ไม่ใช่วีไอมั้ง .... มันออกแนว มรึงล้ม กรู ซ้ำ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 07:40:57

ความคิดเห็นที่ 64 ความคิดเห็นที่ 54   ผมเป็นนักลงทุน VI ตัวจริงครับ เข้าไว ออกไว (VI) จากคุณ : บิลลี่ =========== ขำแบบน่ารักนะ.........จุ๊บๆ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 07:44:53

ความคิดเห็นที่ 65 ผมคิดว่า ใครจะคิดว่าตัวไหนเป็น VI ก็เรื่องของเค้า ก็ไม่เห็นต้องแคร์เลย ขอให้ทำกำไรได้ก็พอ ทำไมต้องไปเชื่อใครที่เป็นคนตั้งคำว่า VI หรือ กำหนดหุ้นที่เป็น VI ขึ้นมา เค้าจะเรียกหุ้นที่ยกตัวอย่างมาว่า เป็นการลงทุนแบบ VI มันก็เป็นสิทธิ์และเรื่องของเค้า ไม่เข้าพวกที่กระแนะกระแหนเค้าว่า ไม่รู้จักหุ้น VI แล้วคนที่กระแหนะกระแหนจขกท นี่ได้กำไรจากหุ้นบ้างหรือเปล่า หรือว่าซื้อแล้วติด ขายไม่ออก ไม่มี Volumeให้ขาย แต่เสนอหน้าว่าตัวเองเก็บหุ้นแบบ VI   ทำไมพวกสาวก VI ไม่คิดว่า ไอ้คนที่คิด หรือตั้งคำว่า VI มาเนี่ย เค้าอาจจะถือหุ้นอื่นๆอีกมากมาย แต่ขาดทุน หรือติดอยู่ ขายไม่ได้เพราะไม่มี Volume เลยไม่ได้เอามายกตัวอย่างให้ฟัง  ยกตัวอย่างมาเฉพาะหุ้นที่ตัวเองได้กำไร ปันผลเยอะ และราคาปรับขึ้นเรื่อยๆ   มันทำให้ผู้พูด หรือ ผู้คิดคำว่า VI  หรือคนที่คิดว่าตัวเองเป็น VI  เพียงเพื่อให้รู้สึก ดูเก่งและฉลาด กว่าคนอื่นๆ จากคุณ : PTom เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 08:10:52

ความคิดเห็นที่ 66 ความคิดเห็นที่ 65   ผมคิดว่า ใครจะคิดว่าตัวไหนเป็น VI ก็เรื่องของเค้า ก็ไม่เห็นต้องแคร์เลย ขอให้ทำกำไรได้ก็พอ ทำไมต้องไปเชื่อใครที่เป็นคนตั้งคำว่า VI หรือ กำหนดหุ้นที่เป็น VI ขึ้นมา เค้าจะเรียกหุ้นที่ยกตัวอย่างมาว่า เป็นการลงทุนแบบ VI มันก็เป็นสิทธิ์และเรื่องของเค้า ไม่เข้าพวกที่กระแนะกระแหนเค้าว่า ไม่รู้จักหุ้น VI แล้วคนที่กระแหนะกระแหนจขกท นี่ได้กำไรจากหุ้นบ้างหรือเปล่า หรือว่าซื้อแล้วติด ขายไม่ออก ไม่มี Volumeให้ขาย แต่เสนอหน้าว่าตัวเองเก็บหุ้นแบบ VI   ทำไมพวกสาวก VI ไม่คิดว่า ไอ้คนที่คิด หรือตั้งคำว่า VI มาเนี่ย เค้าอาจจะถือหุ้นอื่นๆอีกมากมาย แต่ขาดทุน หรือติดอยู่ ขายไม่ได้เพราะไม่มี Volume เลยไม่ได้เอามายกตัวอย่างให้ฟัง  ยกตัวอย่างมาเฉพาะหุ้นที่ตัวเองได้กำไร ปันผลเยอะ และราคาปรับขึ้นเรื่อยๆ   มันทำให้ผู้พูด หรือ ผู้คิดคำว่า VI  หรือคนที่คิดว่าตัวเองเป็น VI  เพียงเพื่อให้รู้สึก ดูเก่งและฉลาด กว่าคนอื่นๆ จากคุณ : PTom =========== พี่ PTom .......พูดถูก เรียกว่า แนวเล่นแล้วกำไร เป็นใช้ได้ จากคุณ : -=สาวลาวบ่าวไทย=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 09:29:15

ความคิดเห็นที่ 67 พูดตรงๆเลยนะครับ อ่าน จขกท ทำให้เข้าใจได้ว่า จขกท สื่อว่า การถือหุ้นยาว แบบ VI มันไม่ได้ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่เลยหากเทียบกับการเล่นรอบทำกำไร ทำให้คนที่ลงทุนแบบเน้นคุณค่าจริงๆ อ่านแล้วไม่พอใจครับ คนอื่นอ่านแล้วเป็นไงไม่รู้ แต่ผมอ่านแล้วค่อนข้างไม่พอใจ และก็เห็นหลายคนพยายามแก้ต่างอธิบายต่างๆนาๆว่า ที่ จขกท ยกตัวอย่าง มันไม่ใช่การลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ เน้น value ของกิจการเลย แต่ถ้า จขกท ไม่ได้หมายความอย่างที่ผมเข้าใจ ก็ขออภัยด้วยครับ จากคุณ : jippi เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 10:14:31

ความคิดเห็นที่ 68 จขกท. ก็แค่เปรียบเทียบให้ดูเอง อีกอย่างเรื่องหุ้น vi นี่ไม่ยักรู้นะว่ามี จากคุณ : Fr_Gump เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 15:14:37