ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าอย่าเพิ่งตระหนก ตลาดทีเฟค ตลาดหุ้น ตลาดเอเฟท คนละเวทีกัน ตลาดทีเฟค โบรกทีเฟค ซึ่งก็คือโบรกหุ้น เป็นบริษัทมหาชน มีหน้าตักดีกว่า โบรกเอเฟท และมีมาตรการกำกับจากรัฐค่อนข้างรัดกุมกว่า ผมเคยถามโบรกเอเฟท (ทุกบริษัทเป็นเพียงบริษัทจำกัด) นะว่า หากเอาเงินประกันไปฝากแช่ไว้ในบริษัทเทรดเอเฟทมีดอกเบี้ยให้หรือเปล่า ทางโบรกเอเฟทบอกว่าไม่มี แค่นี้บริษัทก็ขาดทุนจะแย่อยู่แล้ว แล้วงี้จะเอาเงินไปแช่ทำไม เทรดเป็นคราวๆ แล้วเช็คบิลถอนเงินดีกว่า ขณะที่โบรกเกอร์ตลาดทีเฟคเอาเงินไปฝากเป็นประกัน ยังมีดอกเบี้ยให้ มากน้อยต่างกันตามแต่นโยบายการจ่ายดอกเบี้ย พัฒนาการ การกำกับดูแล กลไกการช่วยเหลือผู้ลงทุนแตกต่างกันครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 21:30:28 จากคุณ : เอกาก้า เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 21:28:51

ความคิดเห็นที่ 2 จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 11:30:44

ความคิดเห็นที่ 3 ผมก็เป็นคนนึงที่ลงทุนทั้งในตลาดเอเฟทและทีเฟคนะครับ เทียบกันหมัดต่อหมัด ผมว่า เอเฟท มีเทรนชัดเจน ถ้าตามเทรนโอกาสได้มีมากกว่าแน่นอน ุ ก่อนจะัฟันธงว่าใครถูกใครผิด ลองไปอ่านประกาศเรื่องยกเลิกใบอนุญาตนายหน้้า ให้ชัดเจนก่อนดีกว่าครับ ปัญหาไม่ได้เกิดจากตลาด แต่เกิดจากการบริหารงานของโบรคเอง แต่ที่น่ากังวลและต้องแอบคิดต่อคือว่า ในเมื่อเบอร์หนึ่งยังเป็นขนาดนี้ เบอร์ที่เหลือ จะเป็นยังไงเนี่ย.... จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 13:27:02

ความคิดเห็นที่ 5 ปัญหามาจากการบริหารงานของโบรคเกอร์เต็มๆ ครับงานนี้ จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 08:54:32

ความคิดเห็นที่ 6 กรณีนี้โบรกเกอร์ไม่ได้ล้ม...ยังไม่เจ๊ง(ซะทีเดียว) แต่แค่ถูกพักใช้เพราะฐานะการเงินต่ำกว่าเกณฑ์เท่านั้น ทำให้เสี่ยงต่อการ default กับสำนักหักบัญชีได้ ถือว่าเป็นภัยต่อระบบตลาด จากคุณ : mistress เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 09:45:20

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่วันนี้ได้คุยกับโบรคเกอร์ที่ jsp futures ได้ความว่า บริษัทถูำกเบี้ยวหนี้ไป 30 ล้านครับ ส่งผลต่อ เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง เลยต้องถูกยึดใบอนุญาตไป ส่วนposition ที่ค้างอยู่ ถือต่อรอย้ายโบรคได้ครับ เข้าใจว่าจะย้ายตามมาเก็ตติ้งไปครับ เรื่องถอนเงินก็จะใช้เวลา t+3 ให้ตลาดเข้าตรวจสอบก่อนถึงจะถอนเงินได้ครับ แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 52 21:10:57 จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 21:08:18