ความคิดเห็นที่ 12 |
ถ้าเป็นเสียงสะท้อนรวมๆจากกลุ่มคนที่สัมผัสอยู่ทุกวัน มีแต่คนบ่นว่าแย่ลงเรื่อยๆจนมองไม่เห็นวี่แววว่าเมื่อไหร่จะฟื้นสักที กับขาดความเชื่อมั่นในมาตรการของรัฐเป็นส่วนใหญ่ครับ
แต่ในกลุ่มลูกค้าหรือคนที่อยู่ในวงการเดียวกัน พบว่าบางคนยอดขายไม่ตกลงมากนัก และบางคนก็เริ่มฟื้นตัวแล้วก็มี ถามไถ่ถึงเหตุผลแล้วส่วนใหญ่จะเป็นเพราะแต่ละคนจะพยายามคิดนอกกรอบเดิมๆกันครับ
เช่นบางคนเคยผลิตชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปให้โรงงานอื่นไปประกอบสินค้า ก็เปลี่ยนเป็นพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของตนเอง แล้วออกไปหาตลาดเองโดยตรงทั้งในและนอกประเทศ พวกนี้มีเกินครึ่งที่ทำสำเร็จครับ แถมบางคนยังบอกว่าได้ราคาดีกว่าการผลิตตามรูปแบบเดิมๆเสียอีก
บางโรงงานที่ต้องลดการผลิตเพราะคำสั่งซื้อลดลงกว่าครึ่ง ก็ไปรื้อค้นเอาสต็อกสินค้าคงเหลือในโกดังมาหาไอเดียทำเป็นของชำร่วยต่างๆแล้วหาตลาดผู้สั่งซื้อกลุ่มใหม่ ปรากฏว่าขายดีจนเงินที่เคยจมอยู่ในสินค้าค้างสต็อกได้คืนมาหมด แถมยังทำให้เครื่องจักรได้เดินอีกครั้งหนึ่ง อาจจะยังไม่เต็มกำลังเหมือนเดิมแต่ก็ได้ไม่ต่ำกว่า 60-70% พร้อมๆกับมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นด้วย
เพื่อนของผมบางคนเริ่มทำธุรกิจขายตรงเพื่อเลี้ยงคนงานที่ยังเหลืออยู่ บางคนซื้อแฟรนชายส์อาหารมาให้ลูกน้องทำเพื่อเพิ่มรายได้ด้วยซ้ำไป
ในวิกฤตยังมีโอกาสครับ คนที่สามารถประคองตัวให้อยู่รอดได้มักจะไม่ยอมปล่อยให้ตนเองถูกขังอยู่ในกรอบคิดเดิมๆ หรือยืนนิ่งอยู่ที่จุดเดิมเนื่องจากไม่กล้าเปลี่ยนแปลง....เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนตามให้ทันเพื่อความอยู่รอดครับ
จากคุณ |
:
สัมมาชน
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ส.ค. 52 07:03:00
|
|
|
|