ความคิดเห็นที่ 1 |
แนะหาช่อง ช่วยออมเพิ่ม
การออมหากเทียบเป็นยารักษาโรคแล้ว นับเป็นหนึ่งในส่วนผสมวัคซีนการเงินที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการคุมงบหรือลดหนี้เลย และในมุมมองของ จูลี สมิธ ผู้เชี่ยวชาญการเงินคอลัมนิสต์คนสำคัญจาก เว็บไซต์ฟิเดลิตี้ ถือว่าสำคัญสำหรับทุกคนในยุคที่เศรษฐกิจโลกตอนนี้ ยังเจ็บป่วยไม่สร่างจากพิษไข้ และอยู่ในอาการถดถอย ท่ามกลางภาวะแวดล้อมที่มีแต่ความไม่แน่นอน
สมิธตั้งหัวข้อเรื่องเพื่อนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับการออมไว้ว่า "ตรงไหนบ้างช่วยคุณออมเพิ่ม" ด้วยการพยายามค้นหาทุกซอกมุมการเงินในชีวิตประจำวันของคนเรา และเน้นว่าทุกคนทำได้ในทุกช่วงทุกวัยของชีวิต
0ออมเพื่อเกษียณสำคัญสุด
สมิธเชื่อว่าการเงินครอบครัวจะสมบูรณ์แบบ ต้องมีกันชนลดผลกระทบสิ่งเลวร้ายซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างที่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ด้วยการออมเพื่อการเกษียณไว้แต่เนิ่นๆ ซึ่งเป็นการออมที่สมิธให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
ลักษณะการออมเพื่อการเกษียณนั้น อาจเป็นทั้งการออมตั้งแต่เริ่มทำงานได้เงินเดือนครั้งแรกในชีวิต หรือเริ่มออมไว้ตั้งแต่อยู่ในวัยเลข 2 นำหน้า
แต่หากวัยของคุณเลยเลข 2 ไปแล้ว อาจนำหน้าด้วยเลข 3 หรือ 4 สมิธแนะว่าขออย่าได้ตกอกตกใจ เพราะเอาแต่คิดว่าสูงวัยเกินไปแล้ว หรือแก่เกินไปที่จะออม และแม้ว่าจะเริ่มออมช้าไปหน่อย แต่ประโยคที่ว่า "ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะออม" สมิธเห็นว่า ยังใช้ได้อยู่เสมอสำหรับทุกคนที่คิดอยากจะออม
0รีบสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ไอเดียของสมิธข้อนี้ เป็นการขยายข้อมูลจากคำแนะนำในข้อแรก ที่กระตุ้นให้มนุษย์ทำงานอย่าพลาดกับการสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท
เพราะการสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกจากจะเป็นการออมเงินให้ตัวเองแล้ว เงื่อนไขการออมประเภทนี้ยังเหมือนบริษัททยอยให้โบนัสเป็นเงินก้อนเล็กก้อนน้อยเท่าๆ กันทุกเดือนแก่พนักงาน ด้วยการที่บริษัทสมทบเงินออมส่วนนี้ให้กับพนักงานอีกส่วนหนึ่งด้วย
อีกทั้งการตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ยังได้ประโยชน์และสิทธิยกเว้นทางภาษี พร้อมกับผลตอบแทนที่ได้แบบทวีคูณ ดังนั้นขอให้คนไทยที่ยังอยู่ในวัยทำงาน รีบสมัครรีบออมให้เร็วที่สุดและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเป็นการเพิ่มโอกาสและเพิ่มเงินออมเพื่อการเกษียณให้ตัวเองได้
แต่การกู้เงินมาใช้ซื้อบ้านใหม่ รถคันใหม่ หรือเป็นทุนการศึกษาชั้นสูงให้กับลูกกับหลาน ทั้งหมดหมายถึงคุณกำลังกู้ยืมเงินอนาคตของตัวเองมาใช้ และเป็นการกดดันตัวเองให้ยากลำบากมากขึ้น ที่จะค้นหาช่องออมเงินเพื่อการเกษียณ และเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระคนอื่นในครอบครัวในอนาคต
สมิธ เชื่อว่าทางเลือกดีที่สุด และทุกคนทำได้ง่ายที่สุด คือการสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อย่างน้อยได้ทั้งเงินออมและเงินฟรีจากการสมทบของบริษัท และให้หางานทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยผลักดันแผนการออมส่วนบุคคลไปให้ถึงฝั่งฝัน ให้ได้เงินออมเพื่อการเกษียณเพิ่มขึ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
0เร่งลดหนี้บัตรเครดิต
คำเตือนของสมิธข้อนี้ เพื่อช่วยให้คนไทยรู้จักออมเงินได้มากขึ้น การมีหนี้บัตรเครดิตที่ไม่เคยชำระให้มูลหนี้ลดลง ไม่ว่าบัตรใบนั้นคิดดอกเบี้ยสูงหรือไม่ก็ตาม เพราะหมายถึงเจ้าของบัตรกำลังใช้เงินมากกว่ารายได้ที่หามาได้
การกู้ยืมเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งต่างๆ ที่เกินกำลังการเงินของตัวเอง มักนำบุคคลนั้นๆ จมอยู่กับปัญหาการเงินในระยะยาว เพราะดอกเบี้ยสินเชื่อที่ต้องชำระทุกเดือน กลายเป็นอุปสรรค เหนี่ยวรั้งคุณไม่ให้เดินไปข้างหน้าตามแผนการออมเพื่อการเกษียณ
ดังนั้น การออมอย่างชาญฉลาด ต้องมาจากการคิดใช้จ่ายที่ชาญฉลาดเช่นกัน ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้วินัยเข้มงวดหยุดการใช้จ่ายเข้าช่วย
สมิธมองว่าการตัดลดหนี้บัตรเครดิตนั้น ไม่ต้องใช้เคล็ดลับอะไรเลย เพียงแต่อาศัยกฎข้อห้ามเป็นกยุทธ์ช่วยขจัดหนี้บัตรเครดิตให้หมดไปโดยเร็ว
สมิธแนะว่า แม้คุณมีเงินเหลือเก็บช่วยให้ขยับเขยื้อนได้มากขึ้น และไม่อึดอัดจากพันธนาการแห่งหนี้บัตรเครดิต ขอให้พกพานิสัยชิงชังอยากขจัดหนี้ไว้กับตัวเองตลอดเวลา ให้มองข้ามหรือเลิกคิดที่จะพึ่งพาหนี้บัตรเครดิต ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นเคล็ดลับเพิ่มเงินออมอย่างแท้จริง ที่ไม่ต้องอาศัยยาวิเศษใดช่วยทำลายโรคร้าย อันเกิดจากการมีหนี้ท่วมหัวจนแทบเอาตัวไม่รอดได้
ส่วนไอเดียที่เคยมีผู้เสนอแนะให้เอาหนี้บัตรเครดิตหลายๆ ใบมารวมกัน และกองไว้กับบัตรเครดิตที่คิดดอกเบี้ยต่ำสุดนั้น สมิธไม่เห็นด้วยและเชื่อว่าหนี้ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็เป็นหนี้ทั้งนั้น เพราะการโยกย้ายถ่ายเทหนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงปัญหาตรงนี้ให้คุณได้มากนัก
ไม่ว่าบัตรเครดิตใบใด จะให้ข้อเสนอพิเศษอย่างคิดดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์ สมิธเตือนว่าอย่าได้หลงไปกับข้อเสนอ ที่เหมือนกลลวงเพราะช่วงยกเว้นดอกเบี้ยมีจำกัด ก่อนที่ดอกเบี้ยสูงกลับมาเป็นภาระให้คุณในอนาคต อีกทั้งการโยกหนี้มักมาพร้อมกับต้นทุนต้องจ่าย
0มีทุนฉุกเฉินใช้เป็นเงินออม
ยิ่งปลดเปลื้องหนี้คิดดอกเบี้ยแพงให้หมดได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถเดินหน้าตามแผนการออมได้เร็วเท่านั้น เพราะหนี้ที่เคยนำไปใช้ชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายแพง กลับกลายเป็นเงินออมที่อยู่ในรูปเงินสำรองเผื่อดึงมาใช้ได้ทันทีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
โดยเงินทุนเผื่อเหตุฉุกเฉิน ถือเป็นเงินก้อนสำคัญและจำเป็น สำหรับผู้รอบคอบฉลาดบริหารเงิน เพราะประเทศยังต้องมีเงินคงคลังสำรองไว้ เผื่อการขาดดุลหรือมีแต่การนำเข้าไม่มีการส่งออกที่ช่วยทำรายได้ ในระยะเวลานานนับปี เช่นเดียวกันกับทุกครัวเรือน ต้องมีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เผื่อสมาชิกทุกคนไม่มีรายได้ จะได้มีกินมีใช้ไม่เดือดร้อนได้นานกว่า 90 วัน
แต่ในสถานการณ์ที่ทั่วโลก เผชิญกับตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงขาลง และแม้โลกพยายามฟื้นตัว แต่ก็เป็นการฟื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงและเปราะบาง ทำให้นักวางแผนการเงินหลายคนต้องออกมาเตือน ให้ทุกครอบครัวเผื่อเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใช้จ่าย สามารถมีกินมีใช้ได้ไม่น้อยกว่า 3-6 เดือน และในสถานการณ์ไม่ปกติควรเผื่อเงินฉุกเฉินให้นานเป็นปีได้จะยิ่งดี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละครอบครัวด้วย
จากคุณ |
:
ขอบฟ้าบูรพา
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ส.ค. 52 20:24:20
|
|
|
|