Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Buffet’s new strategy  

สวัสดีครับทุกท่าน บทความในสัปดาห์นี้ ผมอยากจะนำเสนอมุมมองในการลงทุน
โดยเฉพาะในตลาดหุ้นจากผู้ที่เรียกว่าเป็น นักลงทุนระดับตำนานของโลกอย่าง Warrant Buffet ทั้งนี้ เนื่องจากเขาได้มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกลยุทธ์ใหม่ที่ผมคิดว่ามีนัยสำคัญ คือ “การซื้อหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐน้อยลง” ผมเชื่อว่าการศึกษากลยุทธ์ของ Buffet น่าจะเป็นประโยชน์กับท่านในการนำไปใช้ปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนของตนเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

หากพูดถึง Warrant Buffet คงไม่ต้องสงสัยว่าความสามารถและความเฉียบแหลมในการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นถือเป็นอันดับโลก ซึ่งส่งผลให้เขากลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดของโลกคนหนึ่ง โดยหากใครจำกันได้ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจใหม่ๆ Buffet เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่กระโดดเข้าไปซื้อหุ้นสถาบันการเงินในสหรัฐที่คนส่วนใหญ่ในขณะนั้นขายเพราะเกรงว่าอาจจะถึงขั้นล้มละลาย เช่น Goldman Sach, Wells Fargo & Co. และ General Electric Co. หลังจากนั้นยังเข้าไปซื้อหุ้นประกันในยุโรป ได้แก่ Swiss Reinsurance Co.อีก โดยในการซื้อหุ้นแต่ละบริษัทในขณะนั้น ต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงสูง แต่ Buffet ก็ได้รับเงื่อนไขในการเข้าซื้อที่ให้อัตราผลตอบแทนดีมากเช่นกัน เรียกได้ว่าเข้าตำรา High risk, high expected return

วานนี้ Berkshire Hathaway Inc ซึ่งเป็นบริษัทที่ Buffet เป็นผู้ถือหุ้น ได้รายงานว่าบริษัทกำลังซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Debt) และ ตราสารที่ออกโดยรัฐบาลนอกสหรัฐมากขึ้น หลังจากที่ในไตรมาส 2/2552 บริษัทมีมูลค่าการเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐลดลงในระดับต่ำสุดที่ในรอบ 5 ปี โดยมีมูลค่าลงทุนในหุ้นเพียง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ เปรียบเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นการลงทุนในหุ้นที่ลดลงจากไตรมาส 1/2552 ที่มีมูลค่า 624 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสิ้นไตรมาส 2/2552 บริษัทมีเงินลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ 11,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 9,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสก่อน

ในความเป็นของผมนั้น การปรับกลยุทธ์ของ Buffet น่าจะเป็นสัญญาณเตือนว่าระดับราคาหุ้นเริ่มไม่น่าสนใจ ดังนั้น จึงหันไปลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่ตราสารหนี้ภาคเอกชนในปัจจุบันยังคงมีอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลมาก (Yield Spread) หรือพูดง่าย คือ ราคาตราสารหนี้ภาคเอกชนอยู่ในระดับต่ำเกินไป ทั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับฐานะทางการเงินของบริษัทเอกชนแต่หากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ราคาของตราสารหนี้ภาคเอกชนก็จะปรับตัวขึ้นตาม ซึ่งก็จะส่งผลให้ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลลดลง

ผมขอยกตัวอย่างตลาดตราสารหนี้ของไทย ซึ่งก็เป็นภาพที่คล้ายๆ กัน คือ ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เอกชน อายุ 5 ปี ที่มี Credit Rating ในระดับ BBB ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ประมาณ 3% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดวิกฤตการณ์การเงินที่ 2% ดังนั้น หากการคาดการณ์ถูกต้องก็หมายความว่าการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนในระดับราคาปัจจุบันจะให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติถึง 1% ซึ่งทำให้มีโอกาสที่ราคาหุ้นกู้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหากภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ผมประเมินว่า สิ่งที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 3.5% เป็น 3.8% ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดพันธบัตรในไทยในทิศทางเดียวกัน ประเด็นสำคัญ คือ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นและรวดเร็ว จะกลายเป็นปัจจัยลบกับตลาดหุ้น เนื่องจาก 1) ความน่าสนใจของพันธบัตรจะเพิ่มขึ้น 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยล่าสุด Earnings yield gap ซึ่งตัวเลขที่บอกความน่าสนใจในการลงทุนระหว่างตลาดหุ้นกับตลาดพันธบัตร ส่งสัญญาณว่า ตลาดหุ้นเริ่มไม่น่าสนใจ หรือมี Upside จำกัด

ในขณะเดียวกัน สัปดาห์นี้ เฟดจะมีการประชุม โดยประเด็นในเรื่องการซื้อพันธบัตรเป็นประเด็นที่ตลาดหุ้นให้ความสำคัญ และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จึงทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า เฟดคงจะยังคงจำเป็นต้องซื้อพันธบัตรต่อไป เพื่อรักษาระดับอัตราพันธบัตรไม่ให้กระทบต่อผู้ที่กู้เงินซื้อบ้าน เนื่องจากใช้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 30 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง การที่เฟดส่งสัญญาณซื้อพันธบัตรย่อมส่งผลให้ตลาดพันธบัตรมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น m

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

http://www.posttoday.com/stockmarket.php?id=61310

จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา
เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 52 10:59:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com