ความคิดเห็นที่ 8 |
ต้นตำรับคำพูด "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" รอให้รัฐบาลเข้ามาอุ้ม รอให้เจ้าหนี้เข้ามาเอาใจพร้อมข้อเสนอ hair cut
หนึ่งในบรรดาต้นแบบของกลุ่มนักธุรกิจพวกหยุดดูเฉยๆปล่อยให้รัฐบาลแก้วิกฤตไป เอาเวลาไปตีกอล์ฟและซื้อรถหรูๆ พอถึงคราวที่พวก SMEs และพวกหน้าโง่อื่นๆที่ซื่อสัตย์ต่อจรรยาบรรณคนค้าขายเขาช่วยกันประคับประคองจนรอดพ้นวิกฤตแล้ว จึงค่อยออกมาแสดงบทบาทฟื้นตัวตามน้ำอย่างสบายๆ
ระหว่างวิกฤตช่วงปี 2540 ผมมีเพื่อนๆพ่อค้าด้วยกันหลายคนที่อ้างวิธีการของคุณสวัสดิ์เป็นเหตุผลในการทำแบบนั้น ชอบใช้คำพูดว่า "คนฉลาดต้องรู้จักเอาเงินคนอื่นมาลงทุน" แต่พอสถานการณ์ทรุดและบานปลายก็ปิดร้านปิดโรงงานปลดคนงาน งดจ่ายคืนค่าวัตถุดิบแล้วไปตีกอล์ฟ บอกว่าสถานการณ์แบบนี้ใครสู้ก็โง่ รอเวลาให้ฟื้นก่อนแล้วค่อยกลับมาทำใหม่
ส่วนพวกที่ใจสู้ซื่อสัตย์ก็ก้มหน้าทนไป ยอมทนถูกสถาบันการเงินบีบสารพัด ทั้งประเมินราคาหลักประกันใหม่ ทั้งปรับอัตราดอกเบี้ยแทบจะรายเดือน แถมยังต้องเจอกับกับการลดวงเงินกู้หรือเรียกเงินคืนโดยไม่ได้ตั้งตัวอีก ด้านวัตถุดิบก็ถูกลดวงเครดิตบ้าง บังคับซื้อเงินสดบ้าง กัดฟันทนจนพ้นวิกฤตมาได้
หวังว่าความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาจะสร้างความเชื่อถือให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน แต่พอทุกอย่างเริ่มคลี่คลายจริงๆ พวกเขี้ยวลากดินทั้งหลายกลับได้รับผลประโยชน์เรื่อง hair cut กันเกือบจะถ้วนหน้า และสถานะลูกหนี้ระดับเดิมๆเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 52 08:35:12
จากคุณ |
:
สัมมาชน
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 52 08:18:11
|
|
|
|