Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระทู้ รวม ลิงค์ DOW...!!!  

DOW...!!!


แกะประวัตินักลงทุนอัจฉริยะ “ วอเรนท์ บัฟเฟต์ “ ขอขอบคุณอาจารย์ dsc มากค่ะที่ได้นำข้อมูลมาลงให้ได้อ่านกันอีกครั้งนึงค่ะ


แต่ทว่าจริงๆ แล้ว จุดเริ่มต้นแห่งความเป็นนักลงทุน
แบบเน้นคุณค่าที่เขาใช้ในการลงทุนตลอดชีวิต เกิดขึ้นหลัง
จากเขาเรียนจบปริญญาโท พร้อมด้วยการสะสมไมล์ ระหว่าง
การเป็นอาจารย์ภาคค่ำที่สอนเรื่องการลงทุน
ส่วนความเป็นผู้จัดการกองทุนนั้นเกิดขึ้นเมื่อ ‘วอร์เรน
บัฟเฟตต์’ ลงขันกับเพื่อน โดยสามารถสร้างผลตอบแทนเงิน
ลงทุนได้ในอัตรา 30 % ในช่วงปี 1956-1969 ในขณะ ที่คนอื่น
โดยทั่วไปทำได้เพียง 7-11 % เท่านั้น จนกระทั่งถึงปี 1964 จึง
เลิกกองทุนส่วนตัวนี้ไปเพราะว่าราคาหุ้นได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า
มูลค่าจริงของกิจการ
และเมื่อเลิกกองทุนไป ก็ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท
สิ่งทอชื่อว่าบริษัท Berkshire Hathaway ซึ่งต่อมาบริษัทนี้ได้
กลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ อันมีชื่อเสียงที่เข้าถือหุ้นใน หลายๆ
บริษัทนั่นเอง
‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ มีปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่น่า
สนใจเป็นคนที่เรียบง่าย เป็นคนที่สมถะในการใช้จ่าย และเป็น
คนที่แต่งตัวแบบเรียบง่าย ไม่สนใจใส่เสื้อผ้าที่เป็นแบรนด์เนม
ราคาแพง จนเคยถูกนักข่าวคนหนึ่งเหน็บแนมเขา เรื่องที่เขา
ชอบใส่สูทราคาถูกๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องดังกล่าว


ในตลอดชีวิตการลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์ แม้ว่า
จะมีคนอื่นๆ ที่ใช้หลักการเดียวกันกับเขา วอร์เรนก็เป็นคน
เดียวที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
เก่งกว่าแม้กระทั่งอาจารย์ของเขาเอง แนวทางการลงทุนของ
บัฟเฟตต์ จะมองว่าการซื้อหุ้นเป็นเหมือนการเข้าร่วมเป็น
เจ้าของบริษัทด้วย ดังนั้นเขาจะใช้มุมมองของผู้ที่จะเข้าเป็น
เจ้าของธุรกิจ มากกว่าการที่มองเห็นหุ้นเป็นเพียงสินค้า (คือ
ซื้อมา แล้วก็ขายไป) จะต้องรู้แน่ชัดว่ากิจการนั้นทำอะไร มี
อะไรเป็นผลิตภัณฑ์ ใครเป็นลูกค้า โครงสร้างรายจ่ายและราย
ได้เป็นเช่นไร อัตรากำไรเป็นเท่าไร มีคู่แข่งมากหรือไม่ แข่งกัน
ด้วยอะไร เป็นต้น ดังนั้น บัฟเฟตต์ จะไม่ค่อยลงทุนในกิจการ
ที่ซับซ้อนจนตัวเขาเองไม่สามารถเข้าใจได้
พร้อมกันนี้มีกฏ 4 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามให้ได้ (ถ้าเป็น
ไปได้) ไม่ว่าเราจะเป็นนักลงทุนมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพก็
ตามได้แก่
1. อย่าขาดทุน

2. อ่านกฏข้อที่ 1 ให้ขึ้นใจ และพยายามทำให้ได้

3. การลงทุนแบบที่คิดว่าเราทำธุรกิจ เป็นการลงทุน
อย่างฉลาดที่สุด

4. ธุรกิจที่ดี อาจจะไม่ได้หมายถึงการลงทุนที่ดี ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับราคาที่เราได้ลงทุนไป

หลังจากทราบหลักการเลือกลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไป
ครบ 6 ข้อแล้ว หากใครสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง โอกาสที่จะแก่ตัวไป
แล้วยิ่งใหญ่ได้ตามรอย หรือเทียบเท่าท่านผู้เป็นตำนานเดินได้ผู้นี้ก็ย่อม
ไม่ยาก แม้ว่าเราจะอยู่และมีชีวิตการลงทุนส่วนใหญ่ในกระดานของ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีมีมาร์เก็ตแคปเล็กกว่ามากๆ ก็ตาม
ทว่าการลงทุน (ในที่นี้คือหุ้น) เมื่อมีซื้อต่อให้ถือนานแค่ไหน เมื่อ
ถึงเวลาหนึ่งก็ต้องขาย (ทั้งจุดประสงค์เพื่อทำกำไรและหนีการขาดทุน
หนักๆ) ซึ่งหากไปมองในมุมของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขาคนนี้ก็ยังมีแนวคิด
ที่น่าสนใจสำหรับการเลือกซื้อหุ้นไว้อีกคือ ต้องคิดไว้ว่าการลงทุนหรือซื้อ
ของ จะต้องมีส่วนต่างเพื่อความปลอดภัยเอาไว้ด้วย เพราะหากได้เผื่อ
ค่านี้เอาไว้มากแล้ว ครั้นคราวจะขาดทุน ก็จะไม่มากนัก โดย
มูลค่าที่แท้จริงของกิจการ บัฟเฟตต์ มักจะใช้เครื่องมือ
คำนวณทางการเงินที่เรียกว่า “วิธีส่วนลดกระแสเงินสด”
(Discount Cash Flow) ในการหามูลค่าของกิจการ ซึ่งจะ
เทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง
เช่นพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งหากว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
อยู่มากๆ บัฟเฟตต์ ก็จะพิจารณาเข้าซื้อหุ้นนั้นหรือแม้กระทั่ง
ทั้งบริษัทได้
และแล้วก็ต้องมาถึงตอนที่จะต้องขายหุ้น วอร์เรน
บัฟเฟตต์ ก็ยังอาจจะขายหุ้นได้ถ้า


-ด้านการใช้เงิน ใครๆ ก็รู้ว่า ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’
มัธยัสถ์เป็นที่สุด ทว่าเขาเคยยอมเสียผลประโยชน์ก้อนใหญ่
ด้วยความเต็มใจไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
ประมาณกลางปี 2006 เขาประกาศยกหุ้น 10 ล้าน
หุ้นในกลุ่มธุรกิจเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ บริจาค ให้มูลนิธิบิล
แอนด์ เมลินดา เกตส์ สร้างสถิติการบริจาคสูงสุดใน
ประวัติศาสตร์ เขายังประกาศ แผนบริจาคหุ้นเพิ่มเติม มูลค่า
6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้ามูลนิธิการกุศลที่ก่อตั้ง ขึ้นใน
นาม ของภรรยาและลูกๆ
โดยการทำการกุศลเป็นจำนวนมากก็เพราะเขามี
ทัศนะคติให้ลูกๆ เขารู้จักทำให้เงินงอกเงยด้วยฝีมือตัวเอง ไม่
ใช่เพียงแค่เกิดมาเสวยสุขบนกองเงินกองทองของตระกูลซึ่ง
นั่นย่อมไม่ใช่ความยั่งยืน
ทุกวันนี้ ในฐานะของเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 2 ของ
โลกด้วยความมั่งคั่งประมาณ 4- 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เขาก็ยัง
คงอาศัยอยู่ในบ้านขนาด 3 ห้องนอนหลังเดิมที่ซื้อไว้หลังจาก
แต่งงานเมื่อ 50 ปี ก่อน บ้านหลังนี้ไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม แต่
เขาบอกว่ามันมีทุกอย่างที่เขาต้องการ....และแน่นอนว่าทุก
การลงทุนจะไม่มีความหมายเลยหากผลตอบแทนที่สำคัญ
ที่สุดได้ได้สะท้อนกับมาหาจิตวิญญาณของเรา ซึ่งนั้นก็คือสิ่งที่
เรียกว่า ความสุขใจ อิ่มใจนั่นเอง
...........จบ...........

แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 52 08:05:40

จากคุณ : sandee.kung
เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 06:52:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com