PANTIP.COM : I8229662 SPF ปันผลคิดจากราคานี้ ประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ แตทำไม [หุ้น]

ความคิดเห็นที่ 8

ผมเชื่อว่าเพราะ

1. CPNRF มันมีตั้งสามตึก ถ้ามีไฟไหม้คงไม่ไหม้พร้อมกันสามที่ แต่อย่างสนามบินสมุยมันมีที่เดียวครับ มันไม่มีตัว spare

..CPNRF เพิ่มสาขาปิ่นเกล้าเข้ามาด้วยครับเมื่อเดือนที่แล้ว...

2. CPNRF เข้ากับวิถีชีวิตคนไทยได้โดยตรงคือว่างไปเดินห้าง นัดเพื่อนเจอกันที่ห้าง มันเป็นแหล่งรายได้ที่เข้าถึงจิตใจผู้คนมากกว่าครับ

ค่าเสื่อมของ CPNRF ก็ 0.33 บาท เหมือนกันครับ ตัวผมเองตอนเห็นทีแรกผมเลือก CPNRF มากกว่า SPF ครับ

อาจจะเห็นต่างกับพี่ superman2007 นะครับ.....

1.ปัจจุบัน cpnrf มีแค่สาขาพระราม 2 และ พระราม 3 เท่านั้นครับยังไม่ได้เพิ่มทุน และ หากเพิ่มแล้วจะมีรวมอีก 3 เป็น 5 คือจะเพิ่มมาเป็น สาขาปิ่นเกล่า และ ออฟฟิศบิวดิ้งอีก 2 ตึกคับ
2. ราคาตอนนี้ ดูยังไงถ้าถือรับปันผล จะคิดด้วย dcf ddm หรือวิธีใดก็ตาม spf ถูกกว่ามากมากครับ(คุ้มกว่าทุกกรณี)
3. cpnrf มีการเติบโตของปันผลได้กรณีเดียวคือ ขึ้นค่าเช่าจากลูกค้าที่หมดสัญญาในแต่ละปี ราวราว 3-5 % แต่กรณีของ spf มีปัจจัยที่จะไดรฟ์ปันผลมากกว่าดังนี้ครับ
เท่าที่มาลองสรุปดู โอกาสที่จะ drive ปันผลมี อยู่ดังนี้ครับ
3.1. การเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน และ ค่าสนามบินซึ่งจัดเก็บจากผู้โดยสารขาออก (ปัจจุบันหัวละ 300 บาท ) แต่ในรายการส่วนเพิ่มนี้ทางกองทุนและบางกอกแอร์เวย์จะได้รับส่วนแบ่งจากอัตราที่เพิ่มขึ้นในอัตรา 20:80 (เข้าใจว่ากองทุนได้ 20 % และ บางกอกแอร์เวรย์ได้ 80 % จากอัตราที่เพิ่มขึ้น )
3.2. การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเกาะสมุย และ เที่ยวบินที่เดินทางมายังสมุย ตัวเลขจากททท. ปี 2543 มีนักท่องเที่ยว 823000 คน และ ปี 2548 มีนักท่องเที่ยว 1125000 คน และ ปี 2551 มีนักท่องเที่ยว 1350000 คน (อันนี้รวมหมดนะครับทั้งเดินทางมาทางเครื่องบินและเดินทางมาโดยนั่งเรือเฟอรรี่มา) โดยอาคารโดยสารใหม่ที่บางกอกแอร์เวย์ปรับปรุงใหม่นั้นสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2.9 ล้านคน แต่หากไม่มีการเพิ่มเที่ยวบินปัจจุบันจะสามารถรองรับผู้โดยสารขาออกได้ 1.5 ล้านคนต่อปี
โดยปัจจุบัน น่าจะมีผู้เดินทางออกจากสนามบิน ราวราว 700000 คนต่อปี (ตรงนี้เก็บจากผู้โดยสารขาออกหัวละ 300 บาท )
3.3 แนวโน้มในการปรับเปลี่ยนเครื่องบินที่ลงจอด จากแต่เดิมของทางบางกอกแอร์เวย์จะเป็นเครือ่งรุ่น ATR72 (เข้าใจว่าเป็นรุ่นที่ชนเร็วเร็วนี้ โดยจะบรรทุกผู้โดยสารได้ 68 คน ) ปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์ค่อยค่อยทำการลดเครือ่งรุ่นดังกล่าวลงและเปลี่ยนเป็นเครื่องรุ่น โบอิ้ง 717-200 จากเดิมในอดีตสัดส่วนเครือ่ง ATR และ โบอิ้งจาก 85%ต่อ 15 % เป็น 44% ต่อ 56 % ( รุ่น ATR จะเสียค่าลงจอด 50000 ต่อลำต่อครั้ง และ เครือ่งรุ่น โบอิ้ง 717-200 จะเสียค่าลงจอด 80000 บาทต่อลำต่อครั้ง )
และจะมีเที่ยวบิน boeing 737-400 จากการบินไทยมาลงอีกวันละ 2 เที่ยว
( ตรงนี้เข้าใจว่าเสียค่าลงจอดมากกว่า รุ่น โบอิ้ง 717-200 เพราะบรรทุกผู้โดยสารมากกว่า แต่ไม่มีข้อมูลว่าเสียค่าลงจอดเท่าใด )
ปีนี้คาดว่าจะมีเที่ยวบินจาก ATR ลงจอดเป็นจำนวน 4419 เที่ยว และ มีเครื่อง รุ่น boeing และ airbus ลงจอดเป็นจำนวน 5188 เที่ยว และ มีเครือ่งรุ่น boeing 737-400 ลงจอดเป็นจำนวนเที่ยว 730 เที่ยว
ประมาณนี้ครับ พื้นฐานก็เรื่องหนึ่ง ราคาในตลาดก็เรื่องหนึ่งครับ แต่ระยะยาว มันก็สะท้อนอยู่ดีถ้าเราคิดถูกครับ

จากคุณ : luckydog2

เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 21:01:06