Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บริหารพอร์ตแบบนินจา โบรกเกอร์เมืองไทย  

กฎเหล็ก4ข้อ โบรกเกอร์ฟันกำไรหุ้น หนึ่ง..จำกัดความเสี่ยงไม่ถือหุ้นข้ามวัน สอง..เข้าออกก่อนเงินฝรั่ง สาม..ไม่ดูพื้นฐาน เน้นหุ้นสภาพคล่องสูง สี่..ราคาร่วงเกิน3ช่วงราคาต้องCut Lossทันที

เจาะเทคนิคทำกำไรหุ้นสูตร "โบรกเกอร์เมืองไทย" เข้าเร็ว-ออกเร็ว ทำกำไรหุ้นแบบนินจาไม่สนถือลงระยะยาว แต่จะเน้นถือสถานะเงินสดในพอร์ตไว้ตลอดเวลา จนถูกมองว่าโบรกเกอร์นี่แหละเป็น "นักปั่นหุ้น" ตัวยงและสร้าง "วอลุ่มเทียม" จนมีเสียงเรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์แยกพอร์ตการลงทุนของโบรกเกอร์ออกจากพอร์ตนักลงทุนสถาบันในประเทศ  

พฤติกรรมเทรดกันสนั่นเมือง!! กรุงเทพธุรกิจ BizWeek มีโอกาส "จับเข่าคุย" กับผู้บริหารพอร์ตลงทุนของโบรกเกอร์ "สามสำนัก" ที่แต่ละแห่งมีมูลค่าพอร์ตหลัก "พันล้านบาท" เพื่อเจาะลึกเทคนิคฟันกำไรมาเล่าสู่นักลงทุนทั่วไป โดยทั้ง 3 รายของสงวนชื่อและสงวนต้นสังกัด เพราะนโยบายการลงทุนต้องเป็น "ความลับสุดยอด” ขององค์กร

เราจะเรียกพวกเขาว่า "นินจาหมายเลขหนึ่ง" "นินจาหมายเลขสอง" และ "นินจาหมายเลขสาม" เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

นินจาหมายเลขหนึ่ง ขอทำความเข้าใจแก้ข้อกล่าวหาก่อนว่า พอร์ตโบรกเกอร์ไม่ได้เป็นตัว "ป่วน" ตลาดหุ้นอย่างที่ใครๆ เข้าใจผิด เพราะรูปแบบการลงทุนจะเน้นเฉพาะ "หุ้นตัวใหญ่" (บิ๊กแคป) ที่อยู่ในกลุ่ม SET 50 หรือบางที่เน้นเฉพาะ SET 25 ด้วยซ้ำ และวงเงินที่เข้าแต่ละครั้งจะเป็นหลัก “สิบล้านบาท” ขึ้นไป ซึ่งรายย่อยคงซื้อหุ้นไม่ถึง

นอกจากหุ้นบิ๊กแคปจะมีสภาพคล่องสูงเข้าออกได้โดยไม่มีข้อจำกัดแล้ว เขาให้เหตุผลสั้นๆ ว่า ถ้าเล่นหุ้นตัวเล็ก "กลัวติดหุ้น" (เข้าแล้วออกไม่ได้) เพราะธรรมชาติของหุ้นที่สภาพคล่องไม่สูงเวลาหุ้นตกมันจะ "ลงเร็ว" ขณะที่หุ้นบิ๊กแคปมีช่วงราคาที่กว้างกว่า โดยส่วนมากแล้วพอร์ตลงทุนของโบรกเกอร์จะไม่นิยม "ถือหุ้นข้ามวัน" เพราะต้องรับความเสี่ยงสูงถ้าเป็นไปได้ก็จะซื้อและขายให้ "จบ" ภายในวันเดียว แต่บางครั้งอาจจะถือหุ้นข้ามวันได้แต่ต้อง "ไม่เกิน 20% ของพอร์ต"

"(ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน) พอร์ตโบรกเกอร์จะดักตีหัวฝรั่งกับ บลจ.ไทยมากกว่าไปเล่นหุ้นตัวเล็กสู้กับพวกรายย่อย พูดได้เลยว่าเราจะซื้อหุ้นแค่ "สิบกว่าตัว" ที่ติดอันดับ Most Active บ่อยๆ เท่านั้น"  นินจาหมายเลขหนึ่ง ไขปริศนา

เขาบอกอีกว่าในช่วงที่ตลาด "ขาขึ้น" จะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าช่วงที่ตลาดซบเพราะหุ้นจะ "ขึ้นเร็ว" แต่ถึงอย่างไรจะต้องมีการควบคุมความเสี่ยงโดยจะตัดขาดทุน (Cut Loss) ทันทีเมื่อหุ้นตกจากราคาที่ตั้งไว้

“ถ้าหุ้นที่ซื้อไว้ราคาลดลงเกินกว่า "สามช่วงราคา" จะต้อง Cut Loss ทันที แล้วหาทางทำกำไรคืนจากหุ้นตัวเดิมหรือเปลี่ยนตัวเล่น ถ้ากำไรเกิน 5% บางทีก็ขายแล้วรอเล่นรอบใหม่บางวันเล่นได้ถึง 2-3 รอบก็มี”

สำหรับหุ้น “ยอดฮิต” ในหมู่นักบริหารพอร์ตโบรกเกอร์ หลักๆ ก็หนีไม่พ้น PTT, TTA และ BANPU โดยเฉพาะตัว TTA กลายเป็น “ของโปรด” ของฝรั่งไปแล้ว บางวันหุ้นตัวนี้เทรดได้ 2-3 รอบ หรือบางวันก็เล่นหุ้นกลุ่มแบงก์จะเลือก SCB เป็นตัวเอก

นินจาหมายเลขหนึ่ง สรุปปิดท้ายว่า เร็วๆ นี้น่าจะได้เห็นการ "กระหน่ำขาย" หุ้นในพอร์ตของบรรดากองทุนหุ้น (บลจ.) ในประเทศเพื่อทำกำไรชดเชยผลขาดทุนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นจะเป็นการ "วัดฝีมือ" ระหว่างผู้จัดการกองทุนกับผู้ดูแลพอร์ตโบรกเกอร์ว่า ใครจะตีหัวใคร

นินจาหมายเลขสอง ซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่ผู้ดูแลพอร์ตให้กับโบรกเกอร์อีกแห่งหนึ่งเล่าให้ฟังว่า หลักการคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนจะไม่อิงกับ “ปัจจัยพื้นฐาน” เป็นตัวตั้งของโจทย์ เพราะระยะเวลาลงทุนสั้นเพียง "วันเดียว" ดูไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่จะ "คัดหุ้น" ด้วยหลากหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ก็คือ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์คำนวณหาหุ้นที่มีค่าความผันผวน(ค่าเบต้า) เกินกว่า 1 เท่า ซึ่งมักจะมีค่าพี/อี เรโชสูงกว่าตลาด รวมถึงหาค่าสถิติย้อนหลังมาพิจารณา

นอกจากนี้ ก็จะดู “เงินฝรั่ง” (ฟันด์โฟลว์) เป็นหลัก บางครั้งปัจจัยทางเทคนิคยังไม่จำเป็นต้องใช้ด้วยซ้ำ ส่วนมากเวลาเข้าซื้อหุ้นแต่ละวันจะไม่เกิน "สอง-สามตัว" มากกว่านี้จะดูแลไม่ทันเพราะต้องเร็ว

“ตลาดหุ้นไทยมีสมมติฐานคือหุ้นบิ๊กแคปจะขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีเงินฝรั่งเข้า พวกเราจะต้องจับทิศทางฟันด์โฟลว์ระยะสั้นให้แม่นยำว่าฝรั่งจะเข้าหรือออกเมื่อไร (โบรกเกอร์จะรู้ก่อนรายย่อย)"

สำหรับเทคนิคเบื้องต้นที่นินจาหมายเลขสองเล่าให้ฟัง ดูได้จาก "สัญญาฟิวเจอร์ SET 50" ถ้าเห็นคำสั่งปิดสถานะขาย (Short Position) มากเป็นพิเศษแนวโน้มตลาดจะ “ลง” มีสูง ต่อไปก็จะดูทิศทางตลาดหุ้น "ดาวโจนส์" เพราะเป็นตัวชี้วัดทิศทางการไหลเข้าออกของเงินทุนได้ "ดีที่สุด" รวมถึงทิศทางราคา "น้ำมันไนเม็กซ์" ถ้าปรับขึ้นแรงก็เตรียมตั้งคำสั่งซื้อหุ้นพลังงานอย่าง PTT และ BANPU ไว้ล่วงหน้าได้เลย ส่วน "ค่าเงินบาท" ถ้าแข็งค่าขึ้นเมื่อไรก็แปลว่าจะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นค่อนข้างแน่ นอกจากนี้ก็จะดูค่าระวางเรือ (TTA) ค่าการกลั่น (TOP, PTTAR) ฯลฯ

“ผมจะเริ่มงาน (วิเคราะห์ฟันด์โฟลว์)ตั้งแต่เที่ยงคืน เพราะต้องจับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก บางวันตั้งราคาซื้อก่อนตลาดเปิดแล้วขายทันทีเมื่อมีกำไรแล้วจบงานเลยก็มี”

อย่างไรก็ตาม การคำนวณว่าฟันด์โฟลว์จะไหลเข้ามาในเอเชียหรือไม่อาจต้องรอดูตลาด "ฮั่งเส็ง" ที่ฮ่องกงเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดใหญ่ในภูมิภาคนี้ ถ้าฮั่งเส็งขึ้นโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นตามก็สูง (มาก) ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะไปอิงกับตลาดสหรัฐและยุโรปมากกว่า

อาชีพบริหารพอร์ตโบรกเกอร์มันช่างหอมหวน นินจาหมายเลขสาม ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลที่หันมาเอาดีในการเป็นผู้ดูแลพอร์ตโบรกเกอร์เล่าให้ฟังว่าผลตอบแทนที่ได้รับแบ่งประมาณ 20% จากกำไรที่ทำได้ต่อปี ถ้าวันไหนทำพอร์ต "ติดลบ" วันต่อไปจะต้องพยายามทำกำไรคืนเพื่อชดเชย เพื่อให้เวลาปิดงบปลายไตรมาสสถานะพอร์ตจะต้องเป็น "บวก" (มีกำไร) เสมอ

“ในวงการตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญ(ระดับเซียน)เพียงไม่กี่คนและถ้าสร้างผลงานดีทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง สามารถเรียกค่าตัวแพงๆ ได้สบายตอนย้ายสังกัด”

ทั่วไปแล้วผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลพอร์ตโบรกเกอร์จะไม่นิยมเปิดเผยตัวเองเพราะอาจจะถูกมองเป็น "ตัวการปั่นหุ้น" สาเหตุที่เกือบทุกโบรกฯจะต้องมี เพราะต้อง "หารายได้เสริม" ก่อนที่จะเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น อีกทั้งการมีมาร์เก็ตแชร์สูงๆ ก็มีส่วนทำให้ลูกค้ามั่นใจในตัวบริษัทมากขึ้น แม้จะเป็นวอลุ่ม(เทียม)ที่ไม่ได้ค่าคอมมิชชั่นก็ตาม

นินจาหมายเลขสาม ยังเล่าอีกว่า พอร์ตของโบรกเกอร์จะแตกต่างจากการลงทุนของกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล หรือแม้กระทั่งเฮดจ์ฟันด์ เพราะกองทุนเหล่านี้จะแบ่งพอร์ตออกเป็น "สามส่วน" คือ ลงทุนระยะยาวเป็นรายไตรมาส ระยะกลางภายในหนึ่งเดือน ถ้าเป็นระยะสั้นก็จะมีกรอบเวลาภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่การลงทุนของโบรกเกอร์จะเล่นหุ้นเป็น "รายชั่วโมง" เนื่องจากจะต้องจำกัดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด เพราะเรามีหลักความเชื่อว่า ยิ่งถือหุ้นนานความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้น

นินจาหมายเลขสาม กล่าวปิดท้ายว่าเทคนิคส่วนตัวจะดูบันทึกการซื้อขายหุ้นย้อนหลังเป็นรายสัปดาห์เพื่อวิเคราะห์แนวรับแนวต้านระยะสั้น และกำหนดราคาเป้าหมายที่จะซื้อและขายโดยทั่วไปขอมีกำไรแค่ 5% ต่อรอบก็พอ แต่ถ้าราคาตกเกิน 5% ก็จะรีบขายทันทีเช่นกัน การลงทุนแบบนี้ใช้ "สัญชาตญาณ" มากกว่าใช้หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/investment/20090824/70955/บริหารพอร์ตแบบนินจา-โบรกเกอร์เมืองไทย.html

จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา
เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 10:42:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com