ความคิดเห็นที่ 1 ใช้หนี้ตอบคำถามก่อนแล้วกัน ความคิดเห็นที่ 36     กระทู้นี่เยี่ยมมากครับขอบคุณทุกคนที่ให้ความรู้คับ ถามหน่อยคับถ้าผมจะเรียนโทต่อยอดความรู้ด้านการเงินที่มีการสอนใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ เรียน MBA Fin หรือ Econ Fin ตรงกว่ากันคับ ขอบคุณคับ (ขอโทดที่นอกเรื่องคับ) ---------------------------------------------------------- น่าจะต้องเป็น Ms finance จึงจะตรงกว่าครับ ที่มีเปิดก็มี จุฬา ธรรมศาสตร์ อัสสัมชัญ ส่วน NIDA เป็น Ms FIRM ผมไม่แน่ใจว่า เท่ากับ Ms Finance หรือเปล่าในเรื่อง financial product จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 20:26:23

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นที่ 39     คำถามที่ 8 ในความคิดเห็นที่ 31 คห.28 ใช่ครับ คือผมเห็นด้วยว่า แล้วแต่เราจะเลือก แต่้ถ้าใช้ asset ตัวเดียว มัน adjust ยากครับ เพราะ มันจะไม่ใช่ 0 จริง ๆ หรืออีกกรณีนึง พอเรา short put เมื่อมัน ITM มันก็จะเริ่มมีค่า delta สูงขึ้น หากแก้โดย short put ต่อ เพื่อ dilute มันจะเพิ่มต้นทุนไปเรื่อย ๆ และเยอะขึ้น ก็เสียวเหมือนกัน จากคุณ : krit587   การแก้โดยการ short put และเพิ่มต้นทุนไปเรื่อยๆ   สามารถแสดงมาเป็นตัวเลขได้ไหมครับ  ว่าดัชนีวิ่ง ไประยะทางประมาณ 100 จุด  แล้วเราจะต้องเพิ่มต้นทุนอย่างไร ที่ระยะทางเท่าไร ต้องการดูต้นทุนว่า เยอะแค่ไหนครับ และคำถามอื่น ๆ ที่ตามมา และคำอธิบายต่าง ๆ ------------------------------------------------------------- ผมคิดว่าประเด็นมันแตกเป็น 2 แนวทางนะครับ คือ original idea คือ delta hedging คือการใช้ Portfolio theory มาประยุกต์ใช้ใน derivative  โดยเรายอม ลด assumption บางอย่างเช่น - เราสามารถซื้อขาย option หรือ future ได้แบบไม่มี gap คือซื้อได้ที่ราคาตามทฤษฎีได้เลย - transaction cost อื่น ๆ ถือว่าน้อยมาก ถ้าเราลด assumption ดังกล่าว ก็จะได้แนวคิดแนวทางนึง ต่อมา เราใส่ สภาวะความเป็นจริงเข้าไป เช่น volatility (ทั้ง imply และ historical) แล้ววิเคราะห์ต่อไปว่า ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เราต้องเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติมไหม แล้วเราก็พัฒนาแนวทางที่ 2 ออกมา จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 20:33:15

ความคิดเห็นที่ 3 คือผมก็ไม่เคยทำ delta hedging จริง ๆ ทำให้ประสบการณ์แทบจะไม่มีเลย ก็เลยต้องใช้แนวคิด มาประยุกต์ ก็เลยคิดแบบแนวทางแรกเป็นหลักก่อน ส่วนแนวทางที่ 2 ขออนุญาต คิดตามแบบช้า ๆ นะครับ แล้วจะถามผู้รู้ทั้งหลายเพิ่มเติม จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 20:35:55

ความคิดเห็นที่ 4 คือตอนเริ่มต้น ถ้าดัชนี 500 สมมุติ put500 เท่ากับ 20 จุด ถ้า short put500 อย่างเดียว มันก็จะได้ว่า delta port อยู่ที่ 0.5 มันก็ไม่ใช่ delta neutral ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร แต่ ถ้าบอกว่า ต้องการ keep delta ให้อยู่ที่ 0.5 เสมอ เมื่อดัชนีลงไป 450 ให้ว่า put500 ที่เรา short อยู่ที่ 50 และ delta เป็น 1 ถ้าจะทำให้กลับมาเป็น 0.5 ก็ต้องใช้ putที่ต่ำกว่า 450 มา short ต่อ และใช้จำนวนมาก ทีนี้ปัญหาที่  2 คือ มูลค่า port รวมมันเป็นลบไปแล้วจาก put500 เป็น deep ITM ดังนั้นก็ต้อง short เพิ่ม เพื่อให้มูลค่ากลับมาเป็นบวก -------------------------------------------- ปัญหาจริง ๆของมันคือ การที่เริ่มต้นไม่ใช่ delta neutral ดังนั้นพอ ดัชนีขยับ ก็จะเกิด loss ได้ มาแก้ตอนหลังก็ยาก จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:08:20

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 44     มีrisk ซ่อนอยู่ครับ เมื่อ long future และ short call พร้อมกัน คือถ้าตลาดขึ้นก็ดีไป  แต่ถ้าตลาดลงถึงจุดหนึ่งpremiumที่ได้จะcover lossไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องshort call เพิ่มหรืออีกนัยหนึ่งก็คือการ adjust delta ยื่งลงหนักยิ่งต้อง short เพิ่ม ซึ่งถ้าโชคร้ายพอตลาดเกิดกลับตัวกระทันหัน call ที่ short ไว้จะสร้างการขาดทุนมหาศาล ธนาคารแบริ่งเจ๊งก็ด้วยกลยุทธ์คล้ายๆกันนี้เพียงแต่ผลเสียหายรุนแรงเพราะทำบนคนละ underlying asset และเขาพยายามแก้ไขด้วยการ short put ซึ่งก็ผิดทางอีกจนขาดทุนมหาศาล ------------------------------------------------------ ถ้า เราปรับ port ไปเรื่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ มันน่าจะไม่ทำให้เราเกิด loss ได้นะครับ เพราะ ณ ตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่งของดัชนี หากเราทำให้เกิด delta neutral ได้ หมายถึงว่าการเปลี่ยนแปลงของดัชนีจะไม่ส่งผลต่อ port ของเรา ปัญหามันน่าจะเกิดจากการที่เราไม่สามารถทำ rebalance ได้ถี่พอ พอเกิด reversal และไม่ได้ปิด short call ทันเวลา ก็เลยเกิด loss หนัก ถ้าหากเรา rebalance ได้ถี่ ๆ จริง เราจะ short call เป็นระยะ เมื่อดัชนีลง และ shortcall ก็จะได้กำไรทุกตัว และตัวที่ถูก short ตัวแรก ๆ ก็จะมี delta เป็นใกล้ 0 ดังนั้น แม้ว่าดัชนีกลับตัว มันก็ยังไม่มีผลกับ shortcall ตัวแรก ๆ มากนัก ส่วนปัญหาเรื่อง premium เราก็ควรจะตุน premium ไว้เยอะพอควร จากการ shortcall ไว้เยอะมาตลอด ผมว่าปัญหาที่สำคัญกว่า คือ เรื่องของ margin เพราะ มันเหมือนกับการเล่น rulette ที่แทงแดงอย่างเดียวตลอด และเพิ่ม bet เป็นเท่าตัว โดยหวังว่า เกมมันจะจบ (ออกแดง) แต่ถ้ามันออกดำไปเรื่อย ๆ เราจะหมดทุนไปก่อนครับ จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:17:20

ความคิดเห็นที่ 6 ผู้ถามใน คห 4 อย่าเพิ่งงงครับ การ short put ที่ ATM = long 0.5 delta(โดยประมาณ) แต่อย่าลืมนะครับว่า multiplier ของออปชั่นคือ 0.2 ของฟิวเจอร์ ดังนั้นการ short put ที่ ATM 1 contract = long delta = 0.5 x 0.2 = 0.1 ในเทอมของฟิวเจอร์ครับ ถ้าอยากจะ delta neutral ก็ไปขาย callซะด้วย (ขอย้ำอีกทีว่าต้องขายที่ implied volatility แพงๆ) หรือไม่งั้นก็ short put ATM 10 contracts แล้วก็ short futures 1 contracts เลือกเอาตามสะดวกครับ จากคุณ : Inori เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:22:03

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 45     ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ 1. ในการ long future + short call หรือ short futures + short put นั่นคือการที่คุณ short gamma ดังนั้นยิ่งคุณทำ delta neutral บ่อยเท่าไหร่คุณก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องทำนะครับ แต่ให้พึงระลึกไว้ว่าทุกครั้งที่ทำจะขาดทุน 2. ในทางกลับกัน หาก short futures + long call หรือ long futures + long put คือการที่คุณ long gamma ดังนั้นยิ่งคุณ hedge มากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้น ทั้งสองกรณีนี้คือต้องพิจารณา transaction cost อย่างรอบคอบด้วยนะครับ ที่จะสื่อจริงๆก็คือในกรณีที่ 1. ที่ผมบอกมาข้างต้นนั้นเป็น strategy ที่ใช้เมื่อคุณคิดว่าตลาดจะมีความผันผวนน้อยลง(volatility ลดลง) คุณจึงขายออปชั่นออกไปแล้ว hedge ซะ ถ้าตลาดผันผวนน้อยลงจริงๆ คุณก็ไม่ต้อง hedge บ่อย ก็คือได้กำไรจาก premium มาก ส่วนในกรณีที่ 2. ก็กลับกันกับกรณีแรก จะเห็นได้ว่าการใช้กลยุทธ์แบบนี้มีตัวแปรหลักคือ  volatility หรือความผันผวนของตลาด ดังนั้นก่อนจะซื้อหรือขาย ต้องคำณวน implied volatility ของออปชั่นตัวนั้นๆด้วยว่าสูงพอ คุณจึงขาย หรือต่ำพอคุณจึงซื้อ ซึ่งการเทรดแบบนี้จะไม่ได้สนใจว่าตลาดจะไปทางใด ขอแค่คุณทายถูกว่าตลาดจะผันผวนมากขึ้นหรือน้อยลงคุณก็จะได้กำไร ---------------------------------------------------------- คราวนี้เราใส่ volatility และ transaction cost เข้าไปในสมการด้วย ก็เหมือนกับเราเริ่ม bet ว่า จะไปทางไหน (มากหรือน้อย) เพียงแต่ผมไม่แน่ใจว่า การเริ่มที่ติดลบ (การใช้ long option มาอยู่ใน port) มันจะดี เพราะหมายความว่า เราต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นเพื่อสร้าง port ให้เป็นบวกในที่สุด ในขณะที่กรณีแรก เราเริ่มที่บวก และรักษามันจนจบเกมให้ได้ จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:22:32

ความคิดเห็นที่ 8 #6 ใช่ครับ คือถ้าบอกว่าเริ่มที่ short put อย่างเดียว ผมก็มองว่า มันไม่ delta neutral เนื่องจากมันไม่มี future อยู่ด้วย ก็คิดใน term ของมันเองเท่านั้น ไม่ได้เทียบกับ future แล้วยิ่งให้แก้โดย short put อย่างเดียวก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ถ้ามี ส่วนผสมอื่นคือ short call หรือ short future ก็ทำให้มันเป็น 0 ตามที่เราต้องการได้ และผมเห็นด้วยว่า เราเลือกได้ ว่าอยากใช้ call หรือ future ขึ้นกับว่าอันไหน favor เรามากกว่า แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 21:29:02 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 21:27:48 จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:26:28

ความคิดเห็นที่ 9 ปัญหางของ delta neutral คือ 1. volatility ที่คุณ plug in เข้าไปเพื่อคำนวณค่า delta เนื่องจาก assumption หนึ่งของ BS model คือ volatility คงที่ ดังนั้นค่า delta จาก BS model ที่คุณคำนวณจึงอยู่ภายใต้ assumption นี้ แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้น volatility ไม่คงที่จึงเกิดปัญหาในการ hedge ขึ้น(ถ้า volatility คงที่ คนที่เทรดแบบ volatility trading จะเท่าทุนเมื่อไม่มี cost of fund และ transaction cost) ดังนั้นการคำนวณ delta ควรจะใช้ volatility @ maturity ที่คุณคาด หรือไม่ก็ใช้ volatility set50 เฉลี่ยๆในช่วงนั้นไปเลย(แบบคร่าวๆนะครับ จริงๆจะมีเรื่องยุ่งยากกว่านั้น) 2. gamma เนื่องจาก time value ของออปชั่นลดลงทุกวันๆ ในขณะที่ gamma จะสูงขึ้นเรื่อยๆ (gamma จะมีค่ามากสุดที่ ATM เมื่อออปชั่นใกล้จะหมดอายุ ) ดังนั้นการปรับพอร์ตโดย short gamma (ขายออปชั่น = short gamma)ในช่วงท้ายๆ(ราคาออปชั่นจะถูก) จะมีความอันตรายจาก gamma ครับ เพราะเราขายออปชั่นออกไปราคาถูก แต่ออปชั่นนั้นอ่อนไหวต่อ underlying มากซึ่งอาจทำให้เกิดการได้ไม่คุ้มเสีย จากคุณ : Inori เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:31:59

ความคิดเห็นที่ 10 #9 ขอบคุณมากครับ กระจ่างทีเดียวเลย สำหรับทั้ง 2 ประเด็น ขอถามอีกหน่อยนะครับ คราวนี้เราออกจากเรื่อง delta neutral แล้ว คือในข้อ 2 หนังสือหลายเล่ม จะบอกว่า option ที่ใกล้หมดอายุจะมี speed ของ การลดลงของ time decay value ที่เร็ว กว่า options อายุเยอะ ซึ่งเหมาะกับการ short selling แต่คำอธิบายที่ 2 น่าจะบอกว่า เราไม่ควรทำ short selling option ที่ใกล้หมดอายุ ไม่ทราบว่าตรงนี้จะใช้หลักคิดอย่างไรครับ จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:38:05

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบคุณ krit587 ผมเคยเทรดมาแล้วทั้งสองแบบ ยืนยันได้เลยครับว่า volatility คือคำตอบสุดท้าย ถ้าคุณติดตามดูช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งมี volatility สูงขึ้นจากช่วงต้นปีมาก ถ้าคุณ short gamma ที่ในขณะที่ volatility ตลาดยังต่ำ รับรองเจ๊งแน่นอนครับเพราะ hedge ไม่ทันทุกครั้งที่ hedge นั้น pay-off diagram จะถูกฉุดลงมาเยอะมากจนนอนไม่หลับเลยทีเดียวว่าจะเหลือรอดก่อนครบ 3 เดือนมั้ย เพิ่มเติมครับ สำหรับผมคิดว่าการ long gamma จะสบายใจกว่า(แต่ทั้งนี้กลยุทธ์ไหนเหมาะกับตลาดก็ต้องเลือกกลยุทธ์นั้นนะครับ) เพราะเราจะเห็นว่า loss มากที่สุดคือเท่าไหร่ซึ่งเรารู้ตั้งแต่ก่อนซื้อออปชั่นแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 21:47:56 จากคุณ : Inori เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:39:04

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบคุณ krit587 ใน คห 10 ใน textbook ที่สอนเทรดออปชั่นบอกไว้ว่าการขายออปชั่นในวันใกล้หมดอายุถ้าสภาพตลาดไม่ผันผวนมากก็น่าจะทำให้ได้กำไร เหมือนกับได้เงินมาใช้ฟรีๆ แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือการเทรดเกินตัวเพราะในโลกของการเงินปัจจุบันนี้ทั้ง fund flow ข่าวสารรวดเร็วมาก ซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเรา short ไว้มากเกินไปแล้วไม่เป็นอย่างที่คิด เราจะขาดทุนได้มากๆ ผมเลยสรุปว่ามันก็เหมือนกับการเทรดหุ้น หรือฟิวเจอร์แบบเพียวๆ คือเราต้องคิดก่อนเลยครับว่า ถ้าเหตุการณ์แย่ที่สุดเกิดขึ้นแล้วเราจะรอดมั้ย ซึ่งมันจะบอกเราได้ครับว่าถ้าเราอยากจะ short อย่างที่คุณ krit587 บอกก็เป็นสิ่งที่ทำได้เพียงแต่จะ short เท่าไหร่ดีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแล้วเรายังรอดอยู่ จากคุณ : Inori เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:46:11

ความคิดเห็นที่ 14 ยินดีครับผม (เป็นกระทู้ที่คุยกันสองคนยังกะ msn เลยจริงๆ) จากคุณ : Inori เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:51:05

ความคิดเห็นที่ 17 นั่นสิ งงเลย แต่ผมอ่านทั้ง คห 13, 15 และ 16 แล้วนะครับ ตอบ pm ไปแล้วอย่าลืมตอบกลับด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 22:10:08 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 22:09:47 จากคุณ : Inori เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 22:09:24

ความคิดเห็นที่ 18 โห มาล่ะ ครับ ไล่อ่านไม่ทันเลย อะ เอางัย ดี ดึกล่ะด้วยย โหลๆๆ ..ยังไม่ใครอยู่ม่ะ.. ไป ไกล กันแล้ว ตามไม่ทัน... เรื่อง delta neutral กับ ค่า implied เนี่ย ผม เห็นด้วยนะ ครับ กับ การ ที่ เรา คุณ Inori มอง ว่า ถ้า long future + short call ใน ปริมาณที่ เหมาะสม และ premium ที่ ได้คุณภาพ มันจะกลายเป็น staddle ทัน ที แต่ ในความเป็น จิงที่ ลองๆ ทำ ให้ เกม simulation อะครับ.. ผม ว่า.. มัน ก็ เป็น กลยุทธ์ท่ี่ ดีเหมือนกัน นะครับ .. เด๋วพรุ่งนี้มา แชร์ ต่อ ครับ พี่พี่ คือ หลักๆๆ ที่ ลอง คิด กันมา เป็น trading strategy เอา ครับ ยังไม่ได้ลง ลึกไป ในส่วน ของ ตัว เนืื้อ ของ option เท่าไหร่ คือ ยังไม่ได้ คำนวน อะไรเลย concept หลักๆ เหมือน การ ที่เป็น money management เอามา ประยุกย์ คือ จะ action ตรงกัน ข้าม โดย ใช้ short position ของ option ใน การ take action ใน แต่ ละ 5 และ 10 จุด ของ set ที่วิ่ง ขึ้น ไป ทุกๆ 5 ของ 10 จุด จะมี  short option อยู่ ตลอด ทาง และ มี long future ด้วยเช่น กัน .. แต่เรื่อง ปริมาณ ของ option ว่าจะ short เท่าไหร่ ยังไม่ได้ คำนวน และ ในทุกๆ ระยะ ก็ จะมี .. long future ด้วยเช่นกัน ใน ทุกๆ 5 และ  10 จุด ผม ก็ยัง ต่อยอดกัน กับ sai ครับ ว่า .. เอา ยังงัยกับ การ take profit ของ แต่ล่ะ period ก็ยังไม่ได้ข้อ สรุป ต้องขอโทดด้วย ครับที่ทำให้ รอ ยินดีได้รู้จัก พี่ Inori ครับ แล้ว เรื่อง ที่ เป็น หลักการคำควน จิงๆ ขอเวลา อีกสักระยะ นะครับ ช่วงนี้เรียนไป ด้วย ทำงานไปด้วยเลย เหนื่อยนิด นึงครับ ยินดี แขร์ ทุกเรื่องๆ ครับ เกี่ยกวับ option จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 00:17:26

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนตัว ที่เป็น กราฟ กับ roadmap ขอเป็น พรุ่งนี้ นะครับ และจะยินดีมาก อยากได้ อีเมลล์ เอาไว้คุยกัน อะครับ ใน msn หรือ email ก็ได้นะครับ ถ้าไม่รบ กวน พี่พี่สองคนเกินไป ..   หรือท่านได อยาก คุยมา ก็ได้ครับ .. สงสัยต้องกลับไป อ่านหนังสือ ใหม่ก่อนที่ มาคุย กับ พี่ Inori  ล่ะ ไม่งั้น ไม่แน่น ผม จะ หลงทางเอาเอง.. ฮาๆๆ ไปนอน ล่ะครับ ยินดี ครับ เด๋วมาดูอีก.. ปล. พรุ่งนี้ เอา ตัวอย่างที่ คิดๆ มาให้ ดู ครับ แล้ว ให้ พี่ลองๆ แชร์ กัน ดู แล้ว มี เรื่อง ค่าต่างๆ มาร่วม ด้วย highlight ไว้แล้วบ้าง ครับ... จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 00:23:52

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาจองโต๊ะเรียน  ...... ขาดไปชั่วโมงเดียว  เริ่มตามไม่ทัน ... จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 03:33:51

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณทุกคนที่ร่วมถามตอบครับ ได้ความรู้มากจิงๆ ขำคุณ Inori ที่บอกว่ายังกะคุยใน msn อย่าไปคุยกันใน msn เลยนะครับ คุยกันในนี้แหละ ผมว่ามีคนแอบอ่านอีกเยอะเหมือนผม แต่ไม่รู้จะถามไรเพราะมือยังไม่ถึงอะครับ อิอิ ไปคุยกันใน msn แล้วผมเสียดายแทนตัวเองอะครับ จากคุณ : kagi เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 08:33:47

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณพี่ๆ ที่ร่วมแชร์ครับ   มายกมือว่าแอบอ่านอีกคนครับ   ได้รู้ในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน  สนุกมากเลยครับ   จากคุณ : Golden-Bullet เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 09:42:48

ความคิดเห็นที่ 23 ยินดีครับ ถือว่ามาแลกเปลี่ยนกัน ถ้าผมมีตรงไหนเข้าใจผิดก็บอกด้วยนะครับ จากคุณ : Inori เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 09:57:22

ความคิดเห็นที่ 24 . จากคุณ : Nabokov1 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 17:05:02

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นพี่ๆคุยกันที เล่นเอาผมงงมากมายเลย ต้องเซพไว้อ่านอีกหลายๆรอบเลยครับ จากคุณ : T-Fake เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 18:33:41

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านอยู่เหมือนกัน จากคุณ : Mr option5656 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 10:08:20

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ได้เข้า 2 วัน โอโห เป็นกระทู้แนะนำทั้ง 2 กระทู้เลย (เป็นสมาชิกพันทิพมา 10 ปี เพิ่งมีกระทู้แนะนำกับเขาก็คราวนี้แหละครับ) ขอบคุณคุณ Big jump นะครับ ที่อุตส่าห์ตั้งคำถามให้ได้คิด และมาคุยกันเป็นประเด็นได้ (แถมทวงการบ้านเก่งมากด้วย) เวลาเขียนตอบมันก็เลยได้ทบทวนหลักการอะไรไปในตัว ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ช่วยตอบเพิ่มเติมนะครับ ทำให้ผมได้รู้อะไรเพิ่มอีกตั้งเยอะ สำหรับคนที่อ่านแล้วยังงง ๆ ลองเริ่มต้นที่ถามสิครับ ไม่ต้องกลัวใครจะว่าเราโง่ เพราะถ้ามัวแต่อาย เราก็ผ่านจุดที่เราไม่เข้าใจไปไม่ได้เสียที ที่นี่มีโปร ที่ใจดี เพียงแต่เขาอาจไม่รู้ว่าจะเริ่มที่อะไร แต่ถ้ามีคำถาม ก็มีคนตอบให้เสมอครับ จริง ๆ แล้ว ผมไม่ได้ชำนาญด้าน derivative เท่าไรนะครับ port ก็เล็กนิดเดียว กำไรบ้างขาดทุนบ้างไปตามลม ยิ่ง delta hedging นี่ไม่เคยทำเลยแต่หลังจากได้แลกเปลี่ยนแนวคิดแล้ว คิดว่าจะลองทำใน game ดูแล้วครับ เอาไว้ว่าง ๆ จะมีเขียนแชร์เรื่อง Fixed income นะครับ เพราะว่าทำจริง (แต่ก็ไม่ได้แปลว่ารู้จริงนะครับ) เผื่อจะได้ idea ดี  ๆ เอาไว้ใช้งานจริงบ้าง ขอบคุณครับ (ใครที่ยังต้องการถาม ก็ถามได้นะครับ มีเซียนช่วยตอบให้หลายรายทีเดียว) จากคุณ : krit587 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 18:00:30