Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บ้าน VI  

By nives
บ้านคือวิมานของเรา…  นั่นคือเริ่มต้นของเนื้อร้องของเพลงเกี่ยวกับบ้านที่คนรุ่นเก่ามักจะจำและร้องได้  มันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของคนต่อบ้านที่พักอาศัยว่า  บ้านนั้นเป็น  “ความฝัน”  ที่ทุกคนอยากมี  และไม่ใช่แค่อยากมี   แต่อยากมีบ้านที่ใหญ่และสวยที่สุดที่เขามีปัญญาจะซื้อได้   ดังนั้น  บ้านจึงมักเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่คนต้องทุ่มเทเงินออมรวมทั้งรายได้จำนวนมากลงไปเพื่อที่จะได้มี  “บ้านในฝัน”  ที่ต้องการ   สำหรับคนจำนวนมาก   การผ่อนบ้านเป็นรายจ่ายประจำเดือนที่สูงมากจนทำให้ไม่เหลือเงินเก็บเพื่อการลงทุนอย่างอื่นเลย   แต่เขาก็มักจะไม่กังวลอะไรนัก   เพราะสำหรับเขา   การซื้อบ้านก็คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง   และถ้าจะว่าไป  บ้านนั้น  ราคาแทบจะไม่เคยตกลงเลย   ดังนั้น  การซื้อบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ก่อนที่จะเป็น Value Investor  ผมเองก็คิดอย่างนั้น   ว่าที่จริงผมเคยซื้อบ้านหรูใหญ่โตอยู่นอกเมืองและต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่มากเมื่อเทียบกับความมั่งคั่งส่วนตนในขณะนั้นเพื่อที่จะเป็นเงินดาวน์   และต้องผ่อนค่างวดให้กับสถาบันการเงินคิดเป็นรายจ่ายต่อเดือนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนของตนเอง   ผมซื้อทั้งๆ  ที่มีบ้านหลังเล็กๆ ของแม่ยายที่ผมอาศัยอยู่แล้วกลางใจเมืองโดยที่ไม่ต้องซื้อหรือเช่า   บ้านหรูหลังนั้นผมไม่เคยได้เข้าอยู่อาศัยเลยเพราะมัน  “ไม่มีความสะดวก”  เลย  เนื่องจากมัน  “ไกล”  และ “ใหญ่”  เกินไป   ผมปล่อยบ้านให้เช่าในราคาที่  “ไม่คุ้มค่า”  อยู่หลายปี

หลังจากที่เป็น VI แล้ว  ผมก็เห็นว่าบ้านหลังนั้นคงจะไม่ใช่  “วิมาน”  อีกต่อไป   และโอกาสที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในระยะเวลาอันใกล้ก็คงมีน้อย    ในที่สุดผมก็ขายมันไปและนำเงินมาลงทุนในหุ้น   ราคาขายบ้านที่ลงทุนมานับสิบปีแทบจะไม่มีกำไร   แต่เงินที่ได้รับและนำมาลงทุนในหุ้นนั้น   หลังจากผ่านไป 6-7 ปีเติบโตขึ้นมาก   และถ้าผมขายหุ้นและนำกลับไปซื้อบ้านในเวลานี้  ผมอาจจะซื้อบ้านแบบเดียวกันได้ 2 หลัง   แต่ผมก็คงไม่ทำ  ผมมีบทเรียนแล้ว   ถ้าผมจะซื้อบ้านใหม่  ผมจะคิดอีกแบบหนึ่ง   และต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับ  VI  โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่กำลังคิดจะซื้อบ้าน

ข้อแรกก็คือ  ถ้ายังมีบ้านอยู่   เช่นอาศัยอยู่กับพ่อแม่และไม่ได้มีปัญหาเดือดร้อนหรือหนักอกหนักใจหรืออึดอัดใจอะไร   ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบหาซื้อบ้าน   อย่ากลัวว่าถ้าไม่ซื้อในวันนี้แล้วราคาบ้านจะขึ้นไปสูงจนไม่มีปัญญาที่จะซื้อได้ในอนาคต   เพราะราคาบ้านที่อยู่อาศัยนั้น   โดยทั่วไปราคาจะปรับตัวขึ้นไปช้า   โดยเฉลี่ยไม่น่าจะสูงกว่าเงินเฟ้อมากนักและไม่น่าจะเกินปีละ 3 - 4%  ต่อปีโดยเฉลี่ย    ในทางตรงกันข้าม   การมีบ้านนั้น   ทำให้รายจ่ายตามมา   บ้านยิ่งใหญ่ก็ยิ่งมีรายจ่ายมาก   และการมีรายจ่ายมากนั้นทำให้ความมั่งคั่งลดลง   และโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าก็จะหายไป   ดังนั้น  ข้อแนะนำของผมก็คือ   “พยายามอยู่บ้านฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายน้อยให้ยาวนานที่สุด”

ข้อสอง  ถ้าจะซื้อบ้าน   หลักเกณฑ์การเลือกนั้นต้องเน้นว่า  บ้านนั้นต้อง  “อย่าไกล”  หรือห่างจากที่ทำงานหรือสถานที่ที่คนในครอบครัวต้องเดินทางไปทุกวันมาก    เพราะการเสียเวลาเดินทางทุกวันนั้น   เป็นต้นทุนที่สูงมากทั้งในด้านของเงินค่าเดินทาง   การเสียโอกาสในการทำงานหารายได้   และเรื่องของสุขภาพกายใจ   ดังนั้น   ทำเลของบ้านจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการเลือกบ้าน    และในกรณีที่เราเลือกคอนโดแทนที่จะเป็นบ้านเดี่ยว  เราควรเลือกคอนโดที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินหรือบนดิน   โดยที่คำว่าใกล้นั้น   ควรจะไม่เกิน 500 เมตร  อย่าเลือกที่ระยะทาง  “แค่หนึ่งกิโลเมตรจากสถานี”  เพราะถ้าเราต้องเดินทุกวัน   ค่าเสียเวลาต่อเดือนหรือต่อปีจะสูงมาก

ข้อสาม  ซื้อบ้านขนาดที่  “พอดีใช้”  นั่นคือมีจำนวนห้องที่เหมาะสมกับสมาชิกในปัจจุบันและอนาคต    เช่น  ถ้ามีสามี  ภรรยา  และลูกอีกสองคน   ก็เอาแค่  3  ห้องนอนและอาจจะมีห้องทำงานเล็กๆ  อีกหนึ่งห้องก็พอแล้ว   การมีบ้านที่ใหญ่เกินความจำเป็นนั้น   จะทำให้เราต้องลงเงินไปมากในช่วงที่ซื้อและหลังจากนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่จะตามมาตลอดโดยที่เราอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย   การมีบ้านใหญ่เกินความจำเป็นยังมักจะทำให้เราต้องจ่ายเงินซื้อของเข้าบ้านมากขึ้นโดยไม่จำเป็นด้วย   นี่คือความจริงที่หลายคนอาจจะไม่ได้ตระหนัก   แต่ประสบการณ์การมีบ้านเล็กนั้นทำให้ผมพบว่า   เราไม่สามารถซื้อเครื่องใช้หรืออุปกรณ์หลายๆ  อย่างได้ด้วยเหตุผลประการเดียวก็คือ   “มันไม่มีที่จะวาง”   ดังนั้น  การมีบ้านขนาดพอดีใช้จะทำให้เราประหยัดเงินในระยะยาวอีกมาก

ข้อคิดสุดท้ายสำหรับการซื้อบ้านของผมก็คือ  อย่าพยายามสร้าง   “สาธารณูปโภค”   เช่น  สระว่ายน้ำหรือสวน  ขึ้นใช้เองในบ้าน   เพราะมันแพงมากและการดูแลรักษาก็ทำได้ยากและต้นทุนสูง   ควรเลือกบ้านที่อยู่ใกล้สาธารณูปโภคที่เราต้องการใช้ซึ่งเป็นของรัฐหรือของคนอื่นที่เราสามารถหาซื้อได้เมื่อเราต้องการใช้จริง    ด้วยเหตุนี้   บ้านที่อยู่ใกล้สวนสาธารณะที่เราสามารถพักผ่อนออกกำลังกายได้ทุกวันโดยไม่เสียเวลาเดินทางและไม่เสียเงินจึงเป็นบ้านที่มีคุณค่าสูงและเราอาจจะต้องยอมจ่ายแพงขึ้นได้  และนี่ก็เป็นการเลือกบ้านแบบ VI อีกข้อหนึ่ง

ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงข้อพิจารณาบางประการที่ VI ที่กำลังคิดที่จะซื้อบ้านจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ   การซื้อบ้านนั้น  เป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งและความสุขในระยะยาว  ดังนั้น เราต้องให้เวลาในการเสาะแสวงหาและจะต้องไม่รีบร้อนถ้าเราต้องบ้านที่เป็น  “วิมาน” จริงๆ

http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=7329&user=nives

จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา
เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 11:16:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com