ความคิดเห็นที่ 1 วันเวลาผ่านไปราคาเริ่มค่อยขยับขึ้น เป็น 3 บาทกว่าๆ แล้วก็ถูกเทขายจนมาเหลือประมาณ 1.8 บาท เขาคนนั้นก็ยังคงถือหุ้น ตัวนี้ไว้ใน Port อย่างเหนียวแน่น ไม่ได้  Take Profit และไม่คิด Cut Loss แต่อย่างไร จนมาวันหนึ่ง ผมเห็นราดาหุ้นตัวนี้ ทะยานขึ้น ไปที่ 10 บาท ผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง รีบโทรบอกเขาว่า น่าจะเป็นจังหวะดีที่จะขาย เขาบอกว่า "ยัง... ยังก่อน ยังหลายเด้ง " และแล้วหุ้นตัวนี้ก็ถูกถล่มลงมา อยู่ที่ระดับราคา 4 บาทกว่า ๆ พร้อมกับ Volumn ที่เงียบเหงา เบาบางเหมือนเดิม และเขาคนนั้นก็ยังคงมีหุ้นตัวนี้อยู่เท่าเติมเช่นกัน จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 21:08:22

ความคิดเห็นที่ 2 และแล้ว...วันที่เขาคนนั้น รอคอยก็มาถึง Volumn ที่เคยเงียบเหงาและเบาบางซื้อขายกันวันล่ะ ไม่กี่สิบล้านเพิ่มเป็น วันละ 800-1,000 ล้าน บางวัน มากกว่า 2,000 ล้านบาทก็มี พลอยฉุดให้ราคาพุ่งติดจรวดไปที่ 30 กว่าบาทอีกเช่นเคยผมรีบโทรบอกเขาว่า ราคาทะยานขนาดนี้น่าจะเป็นจังหวะดีที่จะขาย คำตอบเดิมๆของเขาที่ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง พอๆกับราคาที่ทะยานขี้นจนผมไม่อยากเชื่อตาตัวเอง เขาบอกว่า "ยัง... ยังก่อน ยังหลายเด้ง" ผมล่ะเชื่อใจของเขาจริงๆเลย จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 21:10:04

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ อยากรู้ไหม สุดท้ายเขาคนนั้น จะเป็นเช่นไร ... จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 21:15:04

ความคิดเห็นที่ 4 เค้าเรียกกันว่า3sc เคยซื้อตอน20กว่าบาท ตอนนี้ขายหมอแล้วจำได้ว่าไม่ขาดทุนนะ เฉลยด้วยค๊า คนอะไรใจแข็งจัง รอคำตอบอยู่นะ จากคุณ : กินลม เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 21:45:21

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อตอนจบครับ... หลังจากนั้น ไม่นาน เขาก็โทรมาหาผมบอกว่า ขายไปหมดแล้วน่ะ ที่ราคา 45 บาท ได้กำไร 10 กว่าล้าน กับระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ถือหุ้นตัวนี้ไว้ และหลังจากเขาปล่อยไปแล้วหุ้นตัวนี้ราคาก็ยังคงทะยานขึ้นไปถึง 60 กว่าบาท ผมบอกเขาว่าผมน่ะ นับถือใจเขาจริงๆ ที่นิ่งไม่หวั่นไหว กับ ระดับ ราคา และ สถานการณ์ต่างๆรอบตัว เป็นผมน่ะรึ คงปล่อยไปที่ 10 บาทไปแล้ว และเป็นเพราะผมอ่านมาก จึง Safe ตัวเองและกลัวที่จะเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ดั้งแต่เริ่มแรก ประสบการณ์ของเขาครั้งนี้สอนให้ผมรู้ว่า บางครั้ง การปิดหู ปิดตา ไม่รู้บ้างยังดีเสียกว่า เพราะ "ยิ่งรู้มาก ยิ่งกลัว" ไม่กล้าแม้แต่จะก้าว...ก้าวแรก  เขาที่ผมรู้จักคนนี้ ไม่รู้เทคนิค ไม่เคยดูกราฟ ไม่เคยอ่านผลประกอบการ ไม่สนบทวิเคราะห์ เขาซื้อขายหุ้น ด้วยใจ และรอจังหวะด้วยความเชื่อมั่นเท่านั้น เขาได้ทำให้ผมเห็นว่า " ปลายทาง อยู่ที่ใจ " จริงๆ ใครใจถีง ก็ไปได้ไกล ใครใจเสาะกลัวความหนาว ก็ขอลงไปก่อน สำหรับผมแล้ว  สิ่งที่ยังก้องอยู่ในหัว และผมจำจนขึ้นใจ                       " ยัง... ยังก่อน ยังหลายเด้ง " จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 22:03:05

ความคิดเห็นที่ 6 เขียนเรื่องจริงให้ดูน่าอ่าน ติดตามอยู่นะครับ จากคุณ : ratchabut_2 เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 22:05:34

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ นะครับ น่าอ่าน เหมือนกันครับ ยิ่งรู้ยิ่งกลัว แต่พอยิ่งกลัว ก็ยิ่งอยากรู้ จากคุณ : พระสูตรแห่งใจ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 22:32:49

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณ สำหรับเรื่องเล่าดีๆ เป็นการปลุกและปลอบจายด้ายดีเจงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีกำลังใจขึ้นมากเลย จากคุณ : เสือสิงหาคม เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 00:06:24

ความคิดเห็นที่ 9 ฮา ๆๆๆ ขอบคุณ คุณserum (บัณฑิตสำอาง ) ที่นำเรื่องดี ๆๆ มาเล่าให้ฟัง จากคุณ : ahcmos เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 00:57:37

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านแล้วชอบครับ จากคุณ : พี่กวิน (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 01:06:31

ความคิดเห็นที่ 11 ยังจุกไม่หายเลยครับกับ sssc ช่วงต้นปีคิดเก็งกำไรจากผลประกอบการ ทยอยตุนเข้าพอร์ตไป ห้าหมื่นกว่าหุ้น พอประกาศปันผลเป็นหุ้นเท่านั้นละหงายหลังตึง ติดรุงรังหลายเดือนกว่าจะเคลียร์หมดพอร์ตขาดทุนไปเกือบสี่แสน แต่เป็นบทเรียนที่ดีเลยหุ้นตัวนี้ จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 08:36:58

ความคิดเห็นที่ 12 คนที่เล่นพื้นฐานจะสามารถหาราคาเป้าหมายให้ตัวเองได้ ซึ่งต่างกับนักเทคนิค ที่ไม่สามารถหาเป้าหมายได้เลย แต่ทั้งสองแนวทางก็มีข้อดีของเสียต่างกัน เพราะเวลาเกิดวิกฤติ นักเทคนิคจะสามารถมองเห็นสัญญาณ ก่อนหลายช่วงตัว จากคุณ : alien Flu เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 09:05:59

ความคิดเห็นที่ 13 นับถือครับ ผมเด้งแรกก็เผ่นแล้ว อิๆๆ ขอบคุณมากๆครับสำหรับ สิ่งดีเช้าวันอาทิตย์ จากคุณ : palm_ins (palm_ins) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 09:36:09

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับผม เรื่องนี้ สอนอะไรให้กับผมบ้าง? ตอบ - ไม่ได้สอนอะไรเลยครับ เพราะบทสรุปคือ นักลงทุนท่านนี้ โชคดี หรือไม่ก็ ได้รู้ inside อะไรมาดีมากๆ ถึงได้ไปลงทุนกับหุ้นที่ไม่น่าลงทุนแบบนั้น แล้วมันพลิกกลับมาดีได้ จึงมีกำไรมากมาย โชคดี และ inside เป็นสองข้อ ที่การวิเคราะห์ ไม่สามารถทำอะไรได้ ลองคิดในแง่กลับกันดูว่าถ้าเหตุการณ์ตอนจบมันพลิกไปอีกแบบล่ะ? ตัวอย่างในตลาดมีเยอะแยะครับ  หุ้นที่เคยดีๆ ลงมาเหลือบาทสองบาท เอา ยกตัวอย่าง TRU ละกัน สี่ห้าปีที่แล้วยังยี่สิบกว่าบาทอยู่เลย ขืนมามัวคิดว่า "ยัง ยังหลายเด้ง" ลงมาเหลือบาทกว่าๆ ตอนนี้ดีหน่อยไม่กี่วันมานี้วิ่งขึ้นมาสองบาทกว่าๆ เพื่อนของคุณอาจจะโชคดีได้ไปช้อนหุ้นตอนช่วงต่ำและกำลังจะขึ้น ตอนจบจึงสวยหรู แต่หากทำแบบเดียวกันนี้กับหุ้นที่กำลังจะพลิกเป็นขาลง ขืนมัวแต่ "ยัง ยังหลายเด้ง" แล้วไม่ยอม take action อะไรเลย ก็เจ๊งเละเทะหมดครับ หนึ่งตัวอย่างสวยๆที่นำมาให้ดูนี้ ผมสามารถ นำอีกล้านตัวอย่างของคนที่หมดตัวจากหุ้น ช่วง SET พันเจ็ดร้อยกว่าจุด ลงมาเหลือ สองร้อยกว่าจุด ในเวลาเพียงสี่ปีกว่าๆ มาให้ดูเป็นอุทธาหรณ์ได้เช่นกัน เพราะคนเหล่านั้น ไม่ยอมทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ไปหวังพึ่งพาโชคแล้วคิดเพียง "เดี๋ยวมันก็ขึ้น" ระหว่างวินัย ในการเล่นหุ้น กับ โชค ผมขอเลือกวินัยอยู่วันยังค่ำครับ --==NICK==-- แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 52 09:53:57 จากคุณ : NICK (||ic|<) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 09:51:25

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ NICK ครับ   มันขึ้นกับสถานะการณ์ และมุมมองที่เกิดจากจุด ที่เรายีนในแต่ละช่วงเวลา ซึ่ง ณ.จุดนี้ ผมเชี่อว่าราคาหุ้นหลายตัว ในอนาคต จะสามารถ ขึ้นได้อีก หลายเด้ง ในตัวอย่างผมได้แสดง ให้เห็นว่า มีหลายครั้งที่เขาสามารถ เทค Profit แต่เขาก็ไม่ทำ และบางครั้งการทนถือรอ ก็ทำให้เขาขาดทุน แต่เพราะการเชื่อมั่นว่า ในอนาคตราคาต้องสูงกว่านี้ เขาจึงต้องยอม  "อดเปรี้ยว ไว้กินหวาน "  มุมมองและความคิด สามารถต่างกันได้ ทุกความเห็นสำหรับผม ผมถือว่ามีประโยชน์หมด อย่างน้อยก็ พอจะมองออกว่าคนเขียนมีความคิด หรือเป็นคนลักษณะนิสัยเช่นไร  ครูที่ดี ก๊ต้องรู้จักถามคำ และเรียนรู้สิ่งใหม่ จากนักเรียนเช่นกัน ฉันใตก็ฉันนั้น การตั้งกระทู้มันจะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อมีคนอ่าน และช่วยกันแสดงความคิดเห็น จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 11:00:48

ความคิดเห็นที่ 16 เอาวะ ขออินเทรนด์ กะเค้าบ้าง พรุ่งนี้ ขายบ้าน ซื้อ Jas หมดหน้าตัก ถือไว้ 3 ปี ผมว่าได้เห็น 50 บาท แน่ๆ หนักแน่น หนักแน่น จากคุณ : กุ๊ยช่ายมั๊ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 11:10:03

ความคิดเห็นที่ 17 ด้วยความเคารพครับคุณ serum ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้วกันครับ จากที่อ่านตัวอย่างที่คุณเล่ามานั้น ผมยังมองไม่ออกเลยว่า เขาใช้วิธีไหนในการวิเคราะห์ ถึงได้ตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้ ณ เวลานั้นๆ ทางพื้นฐาน ก็ผิดหลัก ทางเทคนิค ตอนหุ้นลงแล้วไม่ตัดออก ก็ผิดหลักอยู่ดี ผมจึงนึกได้แค่ คนๆนี้ โชคดีมากๆ ที่รอดมาได้ และแถมยังได้กำไรในภายหลังอีก หรือไม่ก็ต้องมี inside ที่ชัวร์มากๆๆๆๆ ซึ่งด้วยข้อยกเว้นสองข้อนี้เท่านั้น ที่การวิเคราะห์ ไม่สามารถสู้ได้ เพราะ ลำพังเพียงแค่ความ "เชื่อมั่น ว่าหุ้นจะขึ้นในอนาคต" โดยปราศจากเหตุผลที่ดีที่มาจากการวิเคราะห์อย่างมีหลักการมารองรับ มันไม่เพียงพอครับ ที่จะตัดสินใจซื้อ และ ถือหุ้นตัวนี้ เพราะยังมีคนอีกนับล้าน ที่มีความเชื่อแบบเดียวกันนี้ ในช่วงหุ้นขาลง แต่ตอนจบ ไม่ได้ออกมาสวยหรูแบบนี้ เป็นอุทธาหรณ์ได้อย่างดีครับ ผมเชื่อเรื่องที่คุณเล่ามาทั้งหมดว่าเป็นจริงและรู้สึกยินดีที่ได้เห็นคนได้เงินกับตลาดหุ้นครับ แต่ประสปการณ์ที่คลุกคลีกับตลาดหุ้นมานาน เจอผู้คนที่ผ่านตลาดมาอย่างบอบช้ำมากมาย สอนให้ผมรู้ว่า โอกาสที่คนจะรวยเพราะเล่นหุ้นโดยไม่มีหลักการ มันน้อยพอๆกับถูกหวย โอกาสเจ๊ง มันสูงกว่าเยอะครับ ผมจึงสรุปว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฟังแล้วรู้สึกน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ มันมิได้ให้แง่คิดที่ดีแต่อย่างใดในความเห็นของผม หากคุณจะบอกว่า แง่คิดที่ดีที่คุณได้จากเรื่องนี้ คือ การรู้จักอดทน รอ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน มันก็ถูกแค่ครึ่งเดียวครับ เพราะการรอนั้น ก็ต้องมาจากความเชื่อมั่น ที่หุ้นตัวนี้จะขึ้นในอนาคตด้วย และ ความเชื่อมั่นนั้น ก็ต้องมาจากการวิเคราะห์อย่างถ้วนถี่ตามหลักการมาแล้ว แต่อย่างที่ผมบอก ผมมองไม่เห็นตรงไหนว่า เพื่อนของคุณ วิเคราะห์ยังไง ผมจึงสรุปว่ากรณีนี้ โชคดี หรือไม่ก็ inside ดี ถึงรวยได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วย แต่ ไม่ควรทำตาม เพราะ โอกาสที่เราจะโชคดีเช่นนี้ มันน้อยเหลือเกินครับ ผมขอทำตามหลักการ ในการเล่นหุ้นที่ดีเพื่อลดความเสี่ยงอยู่วันยังค่ำครับ เพราะผมไม่คิดว่า ผมจะโชคดีได้เหมือนในตัวอย่างนี้ ซื้อหวยยังไม่เคยถูกเลยครับ อิๆ ในเมื่อคุณได้แสดงความเห็นของคุณไปแล้ว ผมก็ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองของผมบ้าง เพื่อถ่วงให้มาอีกฝั่ง จะได้สมดุลย์กัน เหมือน หยิน กับ หยาง มีขาว ก็มีดำ เพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับนักลงทุนใหม่ๆที่กำลังสนุกกับตลาดขาขึ้นในช่วงนี้ ให้เห็นด้านสว่างแล้ว ก็ต้องเห็นด้านมืดด้วย ความเห็นอาจจะไม่ตรงกับคุณ serum แต่มิได้มีเจตนาจะมาขัดแย้งหรือแตกแยกแต่อย่างใดครับ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ --==NICK==-- จากคุณ : NICK (||ic|<) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 12:31:15

ความคิดเห็นที่ 18 เอาน่า คุณ nick คุณ serum ผมเป็นคนกลาง ผมว่า สองความคิด เป็นการทำให้เกิด ผลดี ทั้งสองด้าน ให้แนวคิดดี ทั่้งคู่ การถกเถียง ด้วยเหตุผล ย่อมเป็นประโยชน์เสมอ ครับ สองท่าน ผมชอบทั้งคู่ อยุ่ทีสุดท้ายในการเล่น ผมเป็นคนตัดสินใจ ครับ จากคุณ : ahcmos เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 12:47:15

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบ คุณ คุณ NICK และ คุณ ahcmos เหรียญมี สองด้านขึ้นกับว่า จะหยิบด้านไหนมาใช้ประโยชน์ หากสามารถใช้ร่วมกันได้ ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด ครับ จริงอยู่ เขาคนนั้นอาจจะโชคดี อย่างคุณ NICK ว่า แต่เขาอาจจะไม่โชคดีขนาดนั้น หากเขาไม่มี ใจที่หนักแน่น นิ่งและไม่หวั่นไหว  เปรียบเทียบกับอีกคน ถึงแม้จะมีหุ้น ที่มีพื้นฐานดีสนับสนุน อยู่ในมือ หากเป็นคนไม่หนักแน่น หวั่นไหวตามกระแส พอเห็นหุ้นตก ก็ปล่อยหุ้น หรือพอมีสัญญาน ทางเทคนิคให้ขาย ก็ขายตามสัญญาน ก็อาจขาดทุนได้เช่นกัน การพึ่งปัจจัยพื้นฐาน หรือ เครี่องมีอ ทางเทคนิค ไม่ได้บอกหรือ การันตีได้ว่า คุณจะประสบผลสำเร็จ ได้น่ะครับ คนที่เล่นกับมีด สักวันก็ต้องถูกมีดบาด เฉกเช่น คนเล่น เทคนิค ระวัง โดน เทคนิคเล่นน่ะครับ ในตัวอย่างที่เขียน ผมเชื่อว่า หลายคนอ่านแล้วจะรู้ ว่าสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อคีอการมี จิตใจที่หนักแน่น นิ่ง ไม่ออ่นไหว ต่อความโลภ และความกลัว คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ ตัวเองได้ มีสติ สงบ และนิ่ง จะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามจริงมากขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ซื้อ หรีอ ขาย  ความสงบ และนิ่ง จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้อง และแม่นยำ ซึ่งผมเชื่อว่า คนส่วนน้อยที่จะประสบผลสำเร็จในตลาดหุ้น ที่มีการผันแปรตามอารมณ์สูง  จะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานเช่นเขาคนนั้น ขอขอบคุณทุกความเห็นน่ะดรับ จขกท. จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 14:56:28

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่ให้กำลังใจครับ จากคุณ : Jeranimo เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 15:34:29

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยกะคุณ nick นะครับ หากหุ้นไม่มีพื้นฐานที่ดี ผลประกอบการย่ำแย่ และหาโอกาสในการพลิกฟื้นยาก แต่ยังคงกล้าถือยาวและมั่นใจว่าราคาจะขึ้นสวนทางกะพื้นฐาน  ย้ำ..สวนทางกับพื้นฐานนะครับ ผมยังคงเชื่อว่า อินไซด์เท่านั้นเป็นคำตอบสุดท้าย มันไม่มีตรรกกะอื่นใดอีกแล้วครับที่จะมาอธิบายนอกจากนี้ การที่เขานิ่งและไม่หวั่นไหว นั่นก็เพราะเค้าเชื่อมั่นในอินไซด์ที่เค้าได้รับ หาได้เชื่อมั่นในพื้นฐานของตัวหุ้นไม่ จากคุณ : ข้าวหมกแพะ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 15:41:04

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ในความมุ่งหมายที่ตั้งใจสื่อถึง และขอบคุณแง่คิดความเห็นแย้งที่ดีๆ จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 18:01:34

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับที่ว่า น่าจะรู้ Inside มากกว่า อยู่ดีๆไปมองแล้วบอกว่าถูกโฉลก แล้วซื้อเก็บไว้  ถ้าเป็นคนมีเงินเป็นกว่า 10 ล้าน ก็คงไม่แปลกที่จะซื้อเก็บ ไว้ 3 แสนหุ้น โดยไม่รู้อะไรเลย แล้วบอกกับใครๆว่า อีกหลายๆเด้ง  แค่ คำพูดเค้าก็บอกได้ถึงความเชื่อมั่นลึกๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่รู้อินไซด์  ก็ต้องรู้ ว่า "ตรูมีเงินโว้ยยยยย"  อะไรทำนองนั้น ใครๆอ่านเรื่องนี้ก็พลอยจะอิจฉากันไปตามๆ  แต่ต้องนึกให้ดีๆ อย่าให้ความ รู้สึกหรืออารมณ์เข้าครอบงำได้  เท่านั้นแหละ ที่จะบอก จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:01:12

ความคิดเห็นที่ 24 ได้ โทรถามเจ้าตัวแล้วครับ เขาบอกไม่มี Inside อะไรหรอกครับ ถือ ตั้ง 3 ปี เห็นว่ามันตกลงมาเยอะ  และได้ยินข่าวว่า จะมีญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานกันเยอะ เลยสอย SSSC ดักมาไว้ก่อน เพราะทำเกี่ยวกับ หลังคาโรงงาน ไม่มีอะไรจริง ก็ต้องนับว่าเขาเฮงจริงๆ ครับ และเขาเห็นว่าราคาก่อนตกมัน ร้อยกว่า และคิดว่า อย่างน้อยเมื่อเศรฐกิจฟื้น มันก็ควรกลับไปได้ ใกล้ที่เดิม แต่เขาก็ตั้งเป้า ว่าถ้าวิ่งไปได้ครึ่ง ของราคาเดิม สักประมาณ 50 บาทเขาก็ปล่อยแล้ว ปรากฎว่า มันก็ไปจริงๆ พอถืงช่วง 40 กว่าๆ ไป 50 บาท เขาทยอย ปล่อยหมดเลยครับ สรปว่า โชคดี + อึด ครับ จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 20:26:12

ความคิดเห็นที่ 25 ได้เปิดสมองในหลายๆแง่มุมคะ ขอบคุณ คุณ serum และหลายๆความคิดเห็นคะ จากคุณ : babeoil_ja เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 23:16:20