ความคิดเห็นที่ 1 3. ผมจะให้ความสนใจกับหุ้นที่มีค่า p/e ต่ำ (น้อยกว่า 10) และมีค่า Mkt cap ที่สูง (มากกว่า 1500) 4. เมื่อได้หุ้นที่น่ามีความสนใจแล้ว ผมก็จะเข้าเวป set แล้วพิมพ์ชื่อหุ้นนั้นเพื่อดูผลประกอบการขั้นพื้นฐานของหุ้นตัวนั้น (ตามรูป) จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 18:27:37

ความคิดเห็นที่ 2 โดยสิ่งที่ผมจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ 4.1 กำไรสุทธิต้องมีค่าเพิ่มมากขึ้น หรือไม่ลดลงมากเกินไป 4.2 %ROE ควรจะมีค่ามากพอ ( 12 ขึ้นไปกำลังดี ) 4.3 อัตรากำไรสุทธิ ควรจะต้องมีค่าเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ 4.4 และถ้าหากราคาล่าสุดมีค่าต่ำกว่า มูลค่าหุ้นตามบัญชี ผมก็จะให้ความสนใจเป็นพิเศษ 4.4 ปันผลสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งรับไว้พิจารณา 5. หลังจากผมกรองข้อมูลเบื้องต้นแล้วเห็นว่าเป็นหุ้นที่สมควรลงทุน ผมก็จะไปโหลดงบการเงินมาวิเคราะห์ดูต่อไปครับ ไม่ทราบว่าหลักการข้างต้นของผม ถือว่าเป็นวิธีการเลือกหุ้นที่พอจะใช้ได้ไหมครับ ? ในส่วนของตัวธุรกิจ หากไม่รู้ว่าบริษัทนั้นประกอบกิจการอะไร ผมก็จะเข้าไปที่บอร์ด "ร้อยคนร้อยหุ้น" เพื่ออ่านความเห็นของเพื่อนๆ thaivi ที่ post เอาน่ะครับ -------------------------------------------------------------------------- มีหนึ่งคำถามที่ค้างคาใจ หลายๆคนบอกผมว่าไม่ควรเชื่อค่า p/e ที่ทางเวปส่วนใหญ่เขาบอกมา เพราะค่ามักจะบิดเบือนความจริง มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ แล้วอย่างนี้ผมจะหาค่าที่แท้จริงได้อย่างไร รบกวนชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 18:29:24

ความคิดเห็นที่ 3 ละเอียดจังเลยครับท่าน....แบบนี้อนาคตไกลแน่ / อาจจะได้ขึ้นชั้นเป็นนักวิเคราะห์หุ้นชื่อดัง....ออกทีวี / ออกรายการวิทยุ...ในอนาคต.... ของผมอาศัยคนอื่นกรองให้มาแล้ว / แล้วก็ซื้อเลย....ซื้อแล้วขึ้น มีกำไร...ก็ขาย....ซื้อแล้วตก...ก็ซื้อถั่วไปเรื่อยๆ...รอจนมีกำไร ก็ขาย...แค่นั้น ว่าแต่คุณกรองได้ตัวไหน....มาโพสบอกนะครับ.... จะรอซื้อตามครับ.... จากคุณ : เล้ง// (แก้วบางจาก) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:03:29

ความคิดเห็นที่ 4 คนจนที่อยากรวย อนาคตน่าจะรวยจริงแระ จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:15:35

ความคิดเห็นที่ 5 วิธีการของผมจะคล้ายกับ จขกท. มีเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย 1. วงรอบธุรกิจ ช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมไหนกำลังจะมา เพื่อการจัดสรรทุน 2. ผู้ถือหุ้นใหญ่ กรรมการบริหาร ผมจะหลึกเลี่ยงบริษัทธุรกิจครอบครัวให้มากที่สุด 3. ลักษณะของธุรกิจ-ผลิตภัณฑ์ ดูได้จากเว็บไซต์ของบริษัทที่แท็บ "บริษัท/หลักทรัพย์" เพื่อดูโอกาสการเติบโตในตลาด แต่หลายครั้งกว่าผมจะเลือกเสร็จ หุ้นก็วิ่งกู่ไม่กลับแล้ว จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:21:28

ความคิดเห็นที่ 6 ดูเจ้าของกิจการด้วยว่า มีธรรมาภิบาล หรือไม่ อีกทั้งต้องดู วงจรธุรกิจ ว่าอยู่ขาขึ้น หรือลง + เศรฐกิจ + การเมือง และสังคม ประกอบการตัดสินใจ จากคุณ : serum เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:24:39

ความคิดเห็นที่ 7 "แต่หลายครั้งกว่าผมจะเลือกเสร็จ หุ้นก็วิ่งกู่ไม่กลับแล้ว"  <--- เห็นด้วยเลยครับ ปล. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมนะครับ โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจครอบครัว จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:26:06

ความคิดเห็นที่ 9 เตรียมปากกาไว้ลอกการบ้านท่านขุนพลคนรวย....555666777+ อย่าลืมดู %การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free float) ด้วยเด๊อครับ จากคุณ : tuxpower เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:40:00

ความคิดเห็นที่ 11 หวัดดีครับท่านแม่ทัพ   จะมาลอกการบ้านผมทำไม  เดี๋ยวสอบตก มาโทษผมไม่ได้นา อิอิ พึ่งเริ่มต้นศึกษาเองครับ  ยังต้องเรียนรู้(ค่าประสบการณ์)อีกมาก ... %Free float นี่บอกอะไรเราเหรอครับ (ไม่รู้) ค่ายิ่งมากยิ่งดีใช่ไหมครับ เพราะหมายความว่า ผู้ลงทุนรายย่อยนำเงินมาร่วมลงทุนเยอะ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 19:50:12

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณในความหวังดีอย่างแท้จริงครับ จากคุณ : เม่าน้อย (Narinph) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 20:30:59

ความคิดเห็นที่ 13 %Free Float ใช้บอกจำนวนนักลงทุนรายย่อยที่จะร่วมชะตากรรมเดียวกับเรา.....แง๊วววว อ่ะ...ย้อเย่นนนน บอกว่าจะมีสภาพคล่องในปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนมากน้อยแค่ไหน บอกว่าเสียงส่วนใหญ่จะมาจากมหาชนหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บอกว่าเงินปันผลส่วนใหญ่จะเข้ากระเป๋าใครมากกว่ากัน .....บอกได้เยอะนะ ...อย่าลืมดูสัดส่วนหนี้สินเทียบกับสินทรัพย์ด้วยนะครับ ไปดูละครดีกว่า ฉากนี้พลาดไม่ได้...อิอิ จากคุณ : tuxpower เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 20:56:09

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับท่านแม่ทัพ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็พอเข้าใจ concept %Free Float ถ้าไปดูที่งบดุล ก็คือ "รวมส่วนของผู้ถือหุ้น"  ใช่ไหมครับ ? ปล. ละครเรื่องไรหว่า   ไอ้แก้ว หรือ คุณหนูยิ้ม น้อ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:07:17

ความคิดเห็นที่ 15 เข้าตรงไหนอ่ะครับ ลองเข้าไปดูบ้าง หัดวิเคาระห์ link ไปไม่ถูกเลย จากคุณ : Daddy's-immm เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:08:23

ความคิดเห็นที่ 16 ดูแค่ตาราง pe กับ งบอย่างย่อ มันง่ายเกินไปครับ จริงๆ มันใช้กรองหุ้นได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะเจาะจริงๆ ต้องไปดูที่งบจริงเลยครับ ดูว่ารายได้มาจากไหน มีรายการพิเศษปนอยู่มากมั้ย รายได้โตต่อเนื่องหรือไม่ หุ้นที่ดีในสายตาผม มี 2 ประเภท คือ หุ้นที่กำไรโตต่อเนื่องทุกปี ปันผลสม่ำเสมอ  pe ต่ำๆ (ไม่เกิน 5-6 เท่าก็ยิ่งดี) หุ้นพวกนี้จัดเป็น growth stock  อีกประเภทคือหุ้นที่มูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง อันนี้ดูจาก p/bv ที่ต่ำๆ จะให้ดีงบแต่ละไตรมาสกำไรนิดๆ หรือขาดทุนหน่อยๆ ได้ แต่ห้ามเลือกที่ขาดทุนเยอะ สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงๆ ยิ่งเงินสดเยอะยิ่งดี ถ้าไม่งั้นก็เป็นที่ดินทำเลดีๆ  แล้วก็หนี้น้อยๆ  หุ้นประเภทนี้จะให้ดี p/bv อยู่ต่ำกว่า 0.5 เท่า ซื้อทิ้งๆไว้ครับ  ตัวอย่างของหุ้นประเภทนี้ที่ผมดูอยู่ก็คือ estar ครับ จากคุณ : Notelio เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:10:07

ความคิดเห็นที่ 17 ท่านคนรวย ขอตอบคำถามที่ท่านถามก่อนนะครับ p/e สามารถปรับแต่งได้ครับ เป็นเทคนิคด้านบัญชี ------------------------------------------------------------- ทีนี้เรื่องเลือกหุ้น... ที่คุณทำทั้งหมดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าคุณจะเล่นแบบ VI แต่เหนือสิ่งอื่นใดก่อนที่จะเล่น แบบ VI คุณต้องเลือกอุตสาหกรรมที่สนใจก่อน ค่อยสนใจ PE นะ เพราะถึงจะมี PE ต่ำแต่เป็นอุตสหกรรมที่กำลังจะอิ่มต้วก็ลงได้ไม่นาน ก็จำเป็นต้องขาย อีกส่วนเผื่อใช้ประกอบการตัดสินใจก็คือ ถามตัวเองให้มั่นใจก่อนว่าจะสามารถทนความผันผวนของราคาหุ้นได้มากน้อยเพียงใด ถ้าคิดจะเล่นแบบ VI ถ้าคิดว่าเห็นสีแดงที่มันลงมาเรื่อยๆ แล้วทนได้ก็เล่นได้ครับ ขอให้ร่ำรวยสมชื่อนะครับ จากคุณ : sampunth เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:17:25

ความคิดเห็นที่ 18 มาเห็นท่านเขาเลือกหุ้นกันแล้ว... ขำ..ตัวเองเป็นบ้าเลย... แบบไม่พิถีพิถันขนาดนี้... เอาแบบหุ้นพอมีปันผล คนเล่นกันเยอะๆ ซื้อง่ายขายคล่อง..แล้วเรารู้จักธุรกิจอย่างนั้น..เป็นพอ... จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:19:27

ความคิดเห็นที่ 19 ถึงคุณ Notelio ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ แต่จากตัวอย่างหุ้นที่คุณดูอยู่ (estar) ... หากเป็นผม ผมก็คงได้แค่ดูล่ะนะครับ   ภาพรวมผลประกอบการเบื้องต้น  มันไม่อยากให้ผมอยากจะโหลดงบการเงินมาดูเลย  เหอะๆ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:20:07

ความคิดเห็นที่ 20 มาเห็นท่านเขาเลือกหุ้นกันแล้ว... ขำ..ตัวเองเป็นบ้าเลย... แบบไม่พิถีพิถันขนาดนี้... เอาแบบหุ้นพอมีปันผล คนเล่นกันเยอะๆ ซื้อง่ายขายคล่อง..แล้วเรารู้จักธุรกิจอย่างนั้น..เป็นพอ... จากคุณ : ข้างบูรพา   --------------------------------------------------------------- วิธีของผมอาจจะไม่ทันใจวัยโจ๋สักเท่าไหร่ (เพราะเคยเป็นขาโจ๋มาก่อน  เลยอ่วมมาถึงตอนนี้ 55+) วิธีแบบคุณข้างบูรพา ไม่ต้องพิถีพิถันมาก แต่หากเล่นแล้วได้กำไร ก็ดีแล้วนี่ครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:25:53

ความคิดเห็นที่ 21 วิธีการของ จขกท ก็โอเค ครับ แต่วิธีใครก็แล้วแต่ถนัดน่ะครับ ผมเน้นดูกราฟ กับข่าว และอนาคตของหุ้นตัวนั้น มากกว่ามานั่งดูอดีตของมัน เพราะ ราคาหุ้น จะตอบสนองอนาคตของตัวมันมากกว่าผลงานในอดีตครับ . . . จากคุณ : Two Fishes เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 21:46:09

ความคิดเห็นที่ 22 ผมถนัดเล่นระยะไม่เกิน 2 สัปดาห์หรือเดือน ผมจึงให้ความสำคัญเรื่องเทรนเวลานั้น ข่าว และกราฟ มากกว่างบ และ ค่า PE แต่ไม่ใช่ไม่ดูนะครับ ดูด้วยแต่ไม่ได้ลึกมาก จากคุณ : hippotony เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 22:24:35

ความคิดเห็นที่ 23 คห.19 หุ้นอย่าง estar เป็นประเภท 2 ครับ หุ้นพวกนี้ต้องใจเย็นกว่าประเภทแรกเยอะ สำหรับผมถ้าเจอประเภทนี้ ก็จะแบ่งเงินซื้อเก็บไว้เล่นๆ ไม่ได้ลงน้ำหนักมาก อย่าง estar ผมเก็บมาตั้งแต่ตอน .35 บาท ถือไว้เดือนนึง ขึ้นมาก็แบ่งขายเป็น lot ๆ ถ้าลงมาก็ซื้อกลับ  จริงๆ มีอีกตัวคือตัว bland แต่ตัวนี้ผมเจอข้อมูลช้าไป เลยต้องตามซื้อที่ .50 บาท ข้อมูลก็มาจากคนที่เอามาแปะที่ห้องนี้อาทิตย์ก่อนแหละครับ  จริงๆ ข้อมูลในตลาดมันมีเยอะมาก จริงบ้างไม่จริงบ้าง มาเร็วบ้างช้าบ้าง คนที่จะรวยได้ก็คือคนที่ใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นรู้ว่าจะใช้ข้อมูลไหน ในตอนไหนบ้าง บางข้อมูลเป็นข้อมูลที่ดีแต่มาช้าเกินไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว บางข้อมูลก็เป็นข้อมูลหลอกอ่านแล้วต้องไปดูงบอีกทีก็มี  ตรงส่วนนี้อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคนแล้วครับ จากคุณ : Notelio เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 22:38:17

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ ขอเก็บไว้แนวทางครับ แต่ผมยอมรับว่าไม่ใช่นักลงทุน เป็นพวกชอบเก็งกำไร อ่านพวกงบทั้งหลายแล้วจะปวดหัวตึ้บๆ(ปวดจริงๆไม่ใช่สำนวน) ทุกวันนี้อาศัย กราฟ เป็นหลัก มีเครื่องมืออยู่ 4 อย่างที่ใช้คัดหุ้นเป็นประจำ slow sto, macd ,ema 5 กับ 25 สุดท้ายคือ vol. ก็พอหากินได้แค่นั้นแหละครับ อิอิอิ จากคุณ : กะโหลกกับกะลา เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 00:27:45

ความคิดเห็นที่ 25 ผมดูคล้ายๆคุณจขกท.ครับ แต่ไม่ละเอียดขนาดนั้น แต่อย่างแรกผมดูเฉพาะ SET50 ครับ และก็ดูราคา เทียบกับกราฟปี เป็นองค์ประกอบด้วย แนวผมคือซื้อแล้วกะถือสักปีหรือสองปี จากคุณ : vacuum_car เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 09:52:15

ความคิดเห็นที่ 26 พี่คนรวยค๊าบบ .. แอบนิยมอยู่ในใจพี่คนรวยพิถีพิถันอย่างนี้ แต่ก่อนก็เคยแบบพี่ แต่ไปๆมาๆ มันไม่ทันใจขาโจ๋จริงๆ เคยใช้เวลาเลือกเป็นเดือนสุดท้ายกำไรจิ๊บจ้อย .. ถ้าเลือกแบบนี้พี่คนรวยต้องถือยาวๆ เป็นปีๆ แต่ความมั่นคงสูง ประมาณเหมือนเล่นกองทุนตราสารหนี้ยังไงยังงั้น อีกอย่างนึงที่เราเคยสังเกตุคือ ค่า p/e, p/bv, roe แต่ละโบรคก็ไม่เหมือนกัน ... เลยใช้ค่าของ set.or.th เป็นหลักแทน ยิ่งดูจากตัวที่พี่เลือก โหย.. ไม่อยู่ใน set 100 ฉะนั้น stock flow มันค่อนข้างต่ำ ยิ่งการันตีให้ถือยาวๆ ไปเลย คงต้องดู %float ตามที่ท่านแม่ทัพว่าไว้ จากคุณ : Archimandrite เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 13:38:02

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณทุกๆความเห็นครับ   ผมพยายามจะบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าจุดประสงค์ของผมคือ "การลงทุนในหุ้น"   ไม่ใช่              "การเล่นหุ้น"  ครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 14:14:49