ความคิดเห็นที่ 1 มูลค่าหุ้น = EPS(8.5 + 2 x G)  โดยที่ EPS = กำไรต่อหุ้น G = อัตราการเติบโตของหุ้น เฉลี่ยไป 7-10 ปีในอนาคต ปล. สูตรนี้ไม่ได้สะท้อนถึงข้อมูลทางธุรกิจอีกหลายๆอย่างแต่ก็ใช้เป็นตัว screen ได้ดี จาก หนังสือ เทคนิคพิชิตหุ้น ของ ดร นิเวศน์ มี สูตร สั้นๆครับ ------------------------------------------- สูตรนี้ผมติดอยู่ตัวเดียว ซึ่งมันเป็นค่าที่ต้องใช้การจินตนาการ นั่นคือค่า G   ... ผมหาไม่เป็น T_T ใครพอมีความรู้ รบกวนช่วยอธิบายหน่อย จะขอบคุณมากเลยครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:20:24

ความคิดเห็นที่ 2 อีกสูตรนึง ง่ายหน่อย มูลค่าที่แท้จริง = กำไรต่อหุ้นx(8.5+(2xROE)) จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:21:11

ความคิดเห็นที่ 3 ยกตัวอย่างการคำนวณสูตรที่ 2 โดยใช้หุ้นตัวพ่อนะครับ (ความเห็นส่วนตัว จะขออ้างอิงกับค่า p/e ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่า PTT เป็นหุ้นที่ราคาแพงแล้วนะครับ) จากข้อมูลด้านล่าง จะได้ค่าที่ต้องใส่ ดังนี้ กำไรต่อหุ้น = 9.68 ROE = 5.68 แทนค่าจะได้  มูลค่าที่แท้จริง = 9.68 x (8.5 + (2 x 5.68))                                       = 9.68 x 19.68                                       = 192.24 มูลค่าที่แท้จริง = 192.24 ราคาปิดล่าสุด = 265 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 52 15:28:08 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:27:00

ความคิดเห็นที่ 4 ขอยกอีกสักตัวอย่าง เพื่อให้เห็นข้อเปรียบเทียบที่อาจจะ ชัดเจนมากขึ้นหน่อยนะครับ ขอเลือกหุ้นน้องไก่ cpf ละกันนะครับ (ผมถืออยู่ ตัวนี้) ปล. หุ้นตัวนี้ค่า p/e ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำนะครับ จากข้อมูลด้านล่าง จะได้ค่าที่ต้องใส่ ดังนี้ กำไรต่อหุ้น = 0.59 ROE = 12.22 แทนค่าจะได้  มูลค่าที่แท้จริง = 0.59 x (8.5 + (2 x 12.22))                                      = 0.59 x 32.94                                      = 19.43 มูลค่าที่แท้จริง = 19.43   (ทำไมมันเยอะจัง) ราคาปิดล่าสุด = 6.75 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 52 15:40:36 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:32:32

ความคิดเห็นที่ 5 วิธีที่ผมนำมาเสนอ อาจเป็นวิธีที่ไม่นิยม / ไม่ถูกต้อง(หากจะยึดตามหลักการ) เพราะผมเองก็สารภาพว่า ยังหามูลค่าหุ้นที่แท้จริงไม่ได้เลยครับ หากใครมีข้อมูล หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ รบกวนอธิบายผมและเพื่อนๆอีกหลายคน (ซึ่งผมคิดว่ามีอยู่เยอะ ที่อยากรู้) ผมจะรอฟังครับ ^o^// จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:35:07

ความคิดเห็นที่ 6 ผมใช้ 20 x เงินผันผลต่อปีที่คาดว่าจะได้รับ คือราคาเป้าหมายอะครับ ง่ายไปปล่าวแต่มันมีลูกเล่นที่ต้องคำนวนเพิ่มนิดหน่อยครับ อัตรา 20 มาจาก 5% ของราคาครับ (100/5) หากต่ำกว่า 5% เข้าธนาคารดีกว่าไหมครับ เช่น TOP เคยปันผลดีสุดที่ ปี06 5 บาท ราคาMAX ที่ให้ขาย 100 จริงๆ 90 ก็โดดหนีได้แล้ว และหากปีหน้าคาดไว้ซัก 3.5 บาท ก้คาดไว้ซัก 70 ขายครับ สูตรท่านปี 51 ลองดูงบ ปี 51 ของ PTT ดูสิครับผมคำนวนได้ 661.713 จากคุณ : Pongacku เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:53:37

ความคิดเห็นที่ 7 ระวังการนำกำไรบรรทัดสุดท้ายมาใส่ในสมการ เพราะบางบริษัทมีกำไรที่"ไม่ได้"มาจากการประกอบธุรกิจหลักรวมเข้าไปด้วย อาจจะทำให้ค่าเพี้ยน ดังนั้นควรดูด้วยว่ากำไรนั้นมาจากการประกอบธุรกิจหลักหรือมาจากส่วนใด แล้วทำการคำนวณใหม่(โดยหักรายได้ หรือกำไรที่ไมได้มาจากการประกอบธุรกิจหลัก) ออกก่อน จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:56:45

ความคิดเห็นที่ 8 เออ(ว่ะ)  สงสัยต้องรอกันไปถึงชาติหน้าแน่เลย สำหรับคนที่ถือเฮียปอ   เพราะว่ามูลค่าที่แท้จริงมันสูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก - -" แสดงว่าสูตรของผม ... failed ไป  ใช่ไหมครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 15:58:32

ความคิดเห็นที่ 9 สูตรไม่น่า failed นะครับ แต่รู้สึกคุณใช้ EPSของปีนี้ ซึ่งผลประกอบการออกมาแค่6เดือนเอง ปกติEPS(คิดว่า)ควรใช้เต็มปีบัญชี (หรือถ้าไม่เต็ม ต้องพยายามประมาณให้ใกล้เคียง) จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 16:03:08

ความคิดเห็นที่ 10 ถึงคุณ clientuser  ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ ถ้าอย่างนั้น หากคิดตาม คห. 6 สำหรับหุ้น PTT โดยใช้งบปี 51 เป็น base คำนวณแล้วจะได้มูลค่าที่แท้จริงเท่ากับ 661.713  .... ผมว่ามันไม่ค่อยจะสมเหตุ สมผลเท่าไหร่เลยอะครับ - -" ไม่ทราบว่ามีความเห็นกันอย่างไรเอ่ย ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 16:13:59

ความคิดเห็นที่ 11 มีอีกสูตร พึ่งค้นหาเจอมาครับ ... ------------------------------------- สูตรการหา 'มูลค่าที่แท้จริง' สไตล์ 'เบนจามิน เกรแฮม' ถ้ามูลค่าที่แท้จริงขึ้นอยู่กับมูลค่าในอนาคตของบริษัท และมูลค่าในอนาคตของบริษัทก็ขึ้นอยู่กับผลกำไรในอนาคต คำถามสำคัญ 2 ประการ คือ 1. ท่านควรจะจ่ายเท่าไร สำหรับผลกำไรของบริษัท ? 2. มีวิธีการที่น่าเชื่อถือใดบ้าง ที่สามารถนำมาใช้คาดการณ์ ผลกำไรในอนาคตของบริษัทได้? เกรแฮม ได้คิดค้นสูตรในการคำนวณหามูลค่าที่แท้จริง โดยใช้ผลกำไร เปรียบเทียบกับตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ระดับ AAA ขึ้นมา ปัจจุบันน้อยคนนักที่จะใช้สูตรนี้ มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) = E (2G + 8.5)*4.4 / Y E = EPS = ผลกำไรต่อหุ้น G = คาดการณ์ อัตราการเติบโต (Growth) ของผลกำไร Y = ผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ในระดับ AAA ตัวเลข 8.5 = เป็นตัวเลขที่ เกรแฮม เชื่อว่า เป็นอัตราส่วน ราคาต่อกำไรต่อหุ้น ---------------------------------------------------- ปล. สูตรนี้มีเพิ่มตัวแปรเข้ามาอีกตัว คือค่า Y ... ซึ่งผมก็หาเองไม่เป็นเหมือนกัน  (เศร้า) จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 16:20:07

ความคิดเห็นที่ 12 ขออภัยคุณ คนจนที่อยากรวย ผมว่าคุณผิดตั้งแต่เลือก PTT แล้ว โดยสูตรผมว่าน่าจะใช้กับบริษัทที่รายได้ค่อนข้างมั่นคง เติบโตไม่หวือหวา เช่น ค้าปลีก โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ แต่PTTรายได้หวือหวา เพราะบางส่วนอิงกับราคาน้ำมัน หุ้นตัวนี้โดยส่วนตัวผมคือเป็น หุ้นวัฎจักร นะครับ โดยส่วนตัวคิดว่า หุ้นวัฎจักร ที่อ้างอิงราคาขายหรือราคาผลิตภัณฑ์จากตลาดโลก เช่น น้ำมัน ค่าระวางเดินเรือ แร่ธรรมชาติ หรือสารเคมีต่างๆ อาจจะดูจากงบผิวเผิน(แค่ให้พอรู้ว่าบริษัทมั่นคง มีเงินสดสำรองมากพอยามเกิดวิกฤต) แล้วที่เหลือเล่นตามกราฟเอา ปล. ความเห็นส่วนตัว กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพิ่มเติม: ที่บอกว่าอย่านำบรรทัดสุดท้ายของงบการเงินมาใส่(กำไรสุทธิต่อหุ้น) เพราะว่าบางปีอาจมีรายได้พิเศษ เช่น รายได้จากการขายหุ้น รายได้จากการขายเครื่องจักร/ตึก/ที่ดิน รายได้จากค่าประกันภัย ฯลฯ ซึ่งมันไม่ใช่รายได้ที่เกิดขึ้นทุกๆปี หากแต่เป็นเพียงรายได้ที่เกิดขึ้นแค่ครั้งคราวเท่านั้น ควรนำรายได้ที่เกิดจากธุรกิจหลักเป็นตัวตั้งแล้วลบรายจ่ายออก จะได้รู้ว่ากำไรแท้จริงเป็นเท่าไหร่กันแน่ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 52 16:36:18 จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 16:32:34

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากเลยที่อุตส่าห์อธิบายละเอียดมากขนาดนี้  เข้าใจแล้วครับ สูตรนี้ ถ้าจะให้ดี ควรใช้กับบริษัทที่ดำเนินกิจการในระดับเล็ก ถึงปานกลาง มีรายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการประกอบการของบริษัทเป็นหลัก (ไม่เน้นปัจจัยภายนอกมากจนเกินไป) ยกตัวอย่างเช่นหุ้นตัวเล็กๆ จำพวกบริษัทที่ผลิตอาหาร , บริษัทส่งออกอาหารแช่แข็ง , บริษัทผลิตน้ำมันพืช , ผลไม้กระป๋อง เป็นต้น ... จะดีกว่านำสูตรนี้ไปคำนวณบริษัทจำพวก PTT , TTA , PTTAR , PTTCH etc  ... ใช่ไหมครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 16:42:26

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนแรกผมนึกว่ากำไรต่อหุ้นที่เว็บของตลาดเป็นการย้อนหลัง 4 ไตรมาส ที่แท้ก็เป็นของปีปัจจุบันเท่าที่มี เกือบหลงทางแล้วมั้ยล่ะ ดีที่ไม่ค่อยได้เข้าไปดูข้อมูลพวกนั้น ส่วนเรื่องสูตรการหามูลค่าที่แท้จริง อันนั้นเป็นสูตรเก่า ปัจจุบันไม่ค่อยใช้กันแล้ว ถ้าสนใจลองไปเริ่มต้นดูที่นี่ หัวข้อ Equity http://en.wikipedia.org/wiki/Intrinsic_value_(finance) แล้วก็คลิกไปดูตามลิงก์ต่างๆ ถ้าหาหนังสือมาอ่านเป็นเล่มๆจะดีกว่านะครับ อ่านบนเน็ต อาจสับสนได้ จากคุณ : <เซ็นเซอร์> เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 17:35:40

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบคุณ คนจนที่อยากรวย...ถูกต้องครับ การvaluationหุ้นวัฎจักรเป็นอะไรที่ยาก เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจุดpeakอยู่ไหน แล้วbottomรอบต่อไปเมื่อไหร่....เพราะหุ้นประเภทนี้ ราคาวิ่งตาม expectation(ความคาดหวังตลาด) ไม่ใช่ valuationครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง วิธีการvaluationของผม(แบบง่ายๆที่ไม่ปวดหัว) ผมมีหุ้น รพ. อยู่บริษัทหนึ่ง ราคา x บาท แต่ผมคาดหวังว่าราคามันจะเป็น xx บาท ทำไมหนะเหรอ....ก็เพราะว่า 1. ปัจจุบันการใช้capacityของเตียงยังไม่เต็มตามที่ได้ขอจดทะเบียนไว้ เพราะรพ.จดไว้ 350เตียง แต่ปัจจุบันมีใช้แค่ 245เตียง ฉะนั้นยังเหลือให้ใช้อีกเพียบ 2. ทำเลที่ตั้งของรพ. ชุมชนบริเวณนั้นมีโอกาสเติบโตได้อีก เพราะยังมีที่ดินเปล่าบริเวณนั้นอีกพอสมควร (ใช้Google Earthให้เป็นประโยชน์ แต่ข้อมูลในGoogle Earthไม่ค่อยอัพเดตเท่าไหร่นะ ต้องเช็คอีกรอบ) 3. ธุรกิจประเภทนี้ customerร้อยละ90 ต้องเข้ารพ.เดิม ถ้าเข้ารพ.ใหม่ก็จะเสียเวลาทำrecord และทำให้การรักษาโรคอาจจะไม่ตรงตามอาการจริง (ที่บอกร้อยละ90เพราะว่าอีก10%อาจจะเห็นว่ารักษาที่นี่ไม่หาย เลยไปเสี่ยงดวงที่อื่นดีกว่า) 4. โรงพยาบาลมีหนี้สินต่ำ ฉะนั้นในภาวะวิกฤตแบบนี้ โอกาสรอดมีมากกว่าโรงพยาบาลอื่น และในกรณีโรงพยาบาลอื่นปิดกิจการ คุณต้องไม่ลืมว่า ผู้ป่วยเท่าเดิม แต่โรงพยาบาลน้อยลงไป...แน่นอน รพ.ที่ยังอยู่รอดย่อมได้ผู้ป่วยเพิ่มไม่มากก็น้อย ฉะนั้น การvaluationของคนแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน อยู่ที่มุมมองของเรา แต่อยากบอกเน้นแค่ "ถ้าคุณซื้อด้วยเหตุผลใด คุณต้องขายด้วยเหตุผลนั้น" มันเป็นกฎที่ห้ามละเมิด ผมเคยซื้อด้วยเหตุผลทางเทคนิคอล...สุดท้ายติดดอย ผมก็หลอกตัวเองว่าเอาหน่า ปัจจัยพื้นฐานยังดี สุดท้ายขาดทุนมหาศาล หลังจากนั้น ตัวไหนซื้อเพราะ fundamental ผมก็จะขายเพราะfundamental ถ้าตัวไหนซื้อเพราะ technical ก้อขายเพราะ technical จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 18:02:36

ความคิดเห็นที่ 16 ก่อนอื่น ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำตอบที่แสนมีค่ากับเด็กใหม่อย่างผมมากเลยนะครับ "ถ้าคุณซื้อด้วยเหตุผลใด คุณต้องขายด้วยเหตุผลนั้น" จากข้อความข้างต้น ถ้าเหตุผลหลักที่ผมเลือกซื้อหุ้นตัวนั้น เพราะว่า ณ ตอนที่ซื้อ " p/e ยังมีค่าต่ำ " ดังนั้นเหตุผลที่ผมควรจะขายมัน ก็ต่อเมื่อ หุ้นนั้น ... มี p/e ที่สูงเกินไปแล้ว อย่างกรณีนี้ กฎการซื้อ และ ขาย ของผม ถือว่าสอดคล้องกัน ... ใช่ไหมครับ ? แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 52 20:20:36 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 20:14:12

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบคุณ คนจนที่อยากรวย #16 ถูกต้องครับ ถ้าคุณซื้อเพราะ P/E คุณก็ต้องขายเพราะ P/E การ valuation เป็นเหมือนการตั้ง milestone การขายโดยอาศัยมูลค่าบริษัทเท่านั้น เพราะการvaluation ทำ10คน มันก็ออกมา10ค่า ไม่เคยตรงกัน อยู่ที่แต่ละคนใส่เงื่อนไขอะไรลงไปบ้างเท่านั้น ----------------------------------------------------------------- ผมเคยเห็นคุณตั้งกระทู้แว๊บๆ คุณคงไม่ใหม่เท่าไหร่หรอก อิอิ...เอาเป็นว่าหลังจากคุณศึกษาเรื่องพวกนี้เรียบร้อย ผมอยากแนะนำให้คุณหาหนังสือปรัชญา/ธรรมะมาอ่านบ้าง มันช่วยได้มากนะครับ(แต่ผมไม่อ่านหนังสือธรรมะนะ 555+ อ่านแต่ปรัชญา) ทำใจให้สงบ แล้วคุณจะคิดวิเคราะห์อะไรได้เยอะมาก ได้กำไรแล้วทำบุญบ้างนะครับ(ไม่จำกัดว่าเป็นเงินทองหรือความรู้นะครับ) เวลาเทรดก็ระลึกไว้เสมอว่า... "ในเกมของตลาดทุน...คุณไม่จำเป็นต้องชนะคนทั้งโลก แค่ชนะใจตัวเองก็พอ" ----------------------------------------------------------------- จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 20:56:00

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณอีกครั้งครับคุณ clientuser ถึงแม้กระทู้นี้ ผมจะยังไม่ได้วิธีการหา มูลค่าหุ้นที่แท้จริง แต่อย่างน้อย ผมก็ได้กฎมาหนึ่งข้อว่า ผมจะขายหุ้นของผมก็ต่อเมื่อค่า p/e มันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น (ถึงค่าๆหนึ่ง) ... ผมมือใหม่จริงๆครับ พึ่งเริ่มเล่นได้ไม่ถึงเดือนเลย - -" หนังสือธรรมมะ หรือหนังสือปรัชญา ผมคงยังไม่อ่านตอนนี้ เพราะเมื่อสักครู่ผมพึ่งไปซื้อหนังสือ "หุ้นห่านทองคำ" มา ตอนนี้ขอตัวไปหาห่านทองคำ ก่อนนะค๊าบบบบ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 21:10:30

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา และขอบคุณคุณPongacku , คุณclientuser, คุณ<เซ็นเซอร์> ที่ร่วมแจมกระทู้นี้ ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องท่านอื่นๆได้รู้ด้วย อย่างน้อยก็เราคนนึง มีประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : time zone เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 21:36:19

ความคิดเห็นที่ 20 แบ่งปันความรู้กัน   เผื่อครั้งหน้ามีคนสงสัย  ผมอาจจะพอช่วยเขาได้บ้างไง จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 22:13:55

ความคิดเห็นที่ 21 ด้วยความยินดีครับที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ โอกาสหน้าหวังว่าคงได้พูดคุยกันใหม่ จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 22:26:11

ความคิดเห็นที่ 22 ได้เลยครับท่าน จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 23:52:59

ความคิดเห็นที่ 23 ค่อยๆศึกษาไปงับ ผมก็  ขี้เกียจตอบครับ ....   ถ้าจะเล่าหละยาวเลยนะ   เคยไปทักคุณ  winkung ที่ thaivi แล้วนะครับ ไปคลุกคลีบ่อยๆ จะจับเคล็ดได้เองงับ จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 00:31:14

ความคิดเห็นที่ 24 หวัดดีครับ คุณชาเย็น ตอนนี้ก็ป้วนเปี้ยนสองบ้านนี่ล่ะครับ แต่พักหลัง ผมจะไปสิงห์สถิตย์ที่ thaivi มากกว่า เพราะหลังจากผมชัดเจนในแนวการลงทุนแล้ว สารภาพเลยว่ากระทู้ sinthorn ประมาณ 70% หากผมเข้าไปอ่าน มันจะทำให้ผมเกิด bias ซึ่งส่งผลไม่ดีต่อแนวของผมแน่นอน ... ปล. ตอนนี้ลงทุนในหุ้น ผมไม่ดูกราฟแล้ว (แต่ก่อนดู แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่) จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 00:45:40

ความคิดเห็นที่ 25 สูตรมั่วนิ่มของผมเองครับ (EPSเฉลี่ย5ปีย้อนหลัง x10) + book value แล้วหาร 2 จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 09:48:13

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาแอบฟังด้วยคนค่า นึกว่า "พี่คนจนที่อยากรวย" เล่นหุ้นมานานแล้วนะเนี่ยะ เพราะนู๋เห็นชื่อพี่ในห้องสินธรบ่อยๆๆ นึกว่าเป็น "เซียนหุ้น" ซะอีก..... จากคุณ : น้องนู๋ GaZib เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 12:05:44

ความคิดเห็นที่ 27 เข้าใจผิดแล้วครับน้องนู๋ GaZib - -" ผมพึ่งเริ่มลงทุนในหุ้นอย่างจริงจังได้ไม่ถึงสองเดือนเอง ก่อนหน้านั้นลงทุนอยู่แต่ในกองทุนรวมครับ ไม่ใช่เซียนครับ  ... จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 12:10:54

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาแชร์ความรู้ครับ จริงๆ แล้วการที่เราจะประเมินมูลค่าที่แท้จริงของห้นซึ่งมีอยู่หลายวิธีมาก เช่น การประเมินมูลค่าหุ้นจากเงินปันผลจะใช้สูตรดังนี้ มูลค่าหุ้น = ราคาห้น / (%เงินปันผลต่อห้น - %อัตราเติบโต) การประเมินมูลค่าห้นด้วยวิธี Discount Cash Flow มูลค่าหุ้น = (กระแสเงินสดอิสระของกิจการที่จะสามารถสร้างได้ในอนาคตโดยคำนวนเป็นเงินปัจจุบัน - มูลค่าหนี้สินของกิจการทั้งหมด) / จำนวนหุ้น ซึ่งในที่นี้ถ้าผมแสดงสูตรให้ดูเข้าใจว่าคงจะงงมาก เพราะต้องคำนวนหลายขั้นตอนอยู่ แนะนำว่าถ้าสนใจจะมีหนังสือ การวัดมูลค่าห้น ของคุณสุมาอี้อยู่ครับ หรือลอง Seach Google ดูครับ การประเมินมูลค่าห้นจากค่า P/E ซึ่งการประเมินจากค่า P/E เราจะต้องรู้ด้วยครับว่าโดยเฉลี่ยแล้วค่า P/E ของหุ้นที่เราซื้อควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ ส่วนมากก็จะใช้การเปรียบเทียบกับหุ้นต่างประเทศ , ค่าเฉลี่ยกลุ่มอุตสาหกรรม การประเมินมูลค่าหุ้นจากค่า P/B การประเมินจะคล้ายๆ กับ P/E แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม การประเมินมูลค่าห้นตามวิธีของ ปีเตอร์ลินซ์ เรียกว่าค่า PEG โดยการคำนวนจะเหมือนการหาค่า P/E แต่ตอนเปรียบเทียบความถูกหรือแพงจะนำค่า P/E นั้นไปเปรีบเทียบกันอัตราการเติบโตของห้นนั้น เช่นถ้าหุ้นมีค่า P/E 15 เท่า ก็หมายความว่า หุ้นนั้นจะต้องมีการเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จึงจะควรซื้อ ซึ่งการที่เราจะใช้ Model การวัดมูลค่าห้นแบบไหนอย่างแรกที่จะต้องรุ้คือ ห้นที่เราจะหามูลค่าเป็นห้นประเภทไหน เติบโต หรือ ห้นจ่ายปันผล ซึ่งเราจะต้องใช้ Model ให้เหมาะสม  เช่น ถ้าเป็นห้นเติบโต ปกติหุ้นพวกนี้จะไม่ค่อยจ่ายปันผล ถ้าเราเอา Model วัดห้นปันผลไปใช้ก็จะทำให้ประเมินผิด แต่วิธีที่เป็นมาตรฐานและคนนิยมใช้มากสุดจะเป็นวิธี DCF กับการใช้ค่า PE ครับ หวังว่าข้อมูลคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ ผมก็เป็นสมาชิกหนึ่งของ THAIVI ครับ จึงอยากมาแชร์กับเพื่อน บ้านใกล้เรือนเคียงครับ ถึงแม้ว่าแนวทางการลงทุนของ 2 บ้านนี้อาจจะไม่ค่อยเหมือนกัน แต่เราก็สามารถแชร์ความรู้กันได้ เพราะผมก็เข้ามาอ่านเรื่องราวต่างๆ ในนี้เป็นประจำ ทำให้ได้ความรู้ในศาตร์อื่นเพิ่มครับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนครับ จากคุณ : นิรันดร์ VI0722 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:40:42