 |
เฮ!! โภคภัณฑ์ขาขึ้น ฟังธง PTT-PTTEP - BANPU รอบนี้ยาวถึงปี 2013
|
|
เฮ!โภคภัณฑ์ขาขึ้น
*ฟังธงรอบนี้ยาวถึงปี 2013
สินค้าโภคภัณฑ์ ฉายแววรีเทิร์น หลังดอลลาร์อ่อนค่า กระตุ้นต่างชาติโยกเงินลงทุนลุยตลาดหุ้นเกิดใหม่ ด้านมอร์แกนสแตนเลย์ ระบุ รอบนี้ฟื้นตัวยาวถึงปี 2013 รับอานิสงส์เศรษฐกิจส่งซิกฟื้น ขณะที่โบรกฯ ให้เลือกลงทุนกระจายในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี โรงกลั่น ควบคู่กัน แนะซื้อ PTT-PTTEP - BANPU
ที่ผ่านมาดัชนีฯ ตลาดหุ้นไทย ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รับกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า หากมองว่า เกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะยังคงต้องให้ความสำคัญ กับอุปสงค์ และอุปทาน รวมถึง อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งเหล่าบรรดานักค้าเงินต่างเข้าใจดีว่า เป็นประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองมากเพียงใด เพราะนั่นหมายถึง อาจได้เห็นการโยกย้ายเงินไปพักยังตลาดหุ้นอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่ในแถบเอเชีย เราจึงได้เห็นการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่ม พลังงาน ธนาคาร อสังหาฯ และกลุ่มโภคภัณฑ์
สำหรับการซื้อขายวานนี้(22ก.ย.) ดัชนีฯ ปิดที่ 724.37 จุด เพิ่มขึ้น 11.21 จุด หรือ 1.57% มูลค่าการซื้อขาย 27,031.54 ล้านบาท ซึ่ง 3 หลักทรัพย์ที่ถือธงนำทัพผลักดันดัชนีฯ คือ PTT ปิดที่ระดับ 267.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อตลาด 1.0946 จุด และ SCC ปิดที่ระดับ 236.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท ราคา หุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อตลาด 0.7734 จุด และ SCB ซึ่งปิดที่ระดับ 82.50
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเซีย หรือ เอดีบีปรับลดประมาณการจีดีพีไทยปี 2009 จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 2% เป็นติดลบ 3.2% โดยนายฌอง-ปีแอร์ เวอร์บีสท์ผู้อำนวยการเอดีบีในไทย กล่าวว่า การปรับลดประมาณการดังกล่าว สะท้อนถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีต่อไทย และความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและกดดันการบริโภคในประเทศ
'แม้เศรษฐกิจมีสัญญาณพ้นจุดต่ำสุดแล้ว แต่ความวุ่นวายทางการเมืองได้กดดันให้เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวต่ำสุดในอาเซีย ซึ่งหากความวุ่นวานทางการเมืองใดๆ เกิดขึ้น โครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญจะได้รับผลกระทบ' นายเวอร์บีสท์กล่าว
***มอร์แกนสแตนเลย์คาดราคา commodity เป็นขาขึ้นยาวถึงปี 2013
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอม ระบุว่า นายหวาง ฉิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์มอร์แกนสแตนเลย์เอเซีย คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะกลางและระยะยาว เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์ มีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ และความต้องการลงทุนยังคงเพิ่มขึ้น โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นจนถึงปี 2013 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มพลังงานและโลหะ ซึ่งได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากที่สุด ซึ่งในปีนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นมาแล้ว 62% ขณะที่ราคาทองแดงเพิ่มขึ้นมากว่า 100%
'อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงยังอยู่อีกไกล เนื่องจากเศรษฐกิจยังต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว' นายหวางกล่าว
***บล.พัฒนสินระบุพลังงาน-ปิโตเคมี-โรงกลั่นรับผลดี
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน เปิดเผยว่า หลังจาก มอร์แกนสแตนเลย์เอเซียคาคการณ์ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะกลางและระยะยาวถึงปี 2013 เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ และความต้องการลงทุนยังคงเพิ่มขึ้น มีมุมมองว่าหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับขึ้นต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาสนับสนุนด้วย เช่น ดีมานด์ อุปสงค์ และภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น ไม่ได้อิงค่าเงินเพียงอย่างเดียว ส่วนหุ้นที่โดดเด่น และแนะนำให้ลงทุนประกอบด้วย กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และ โรงกลั่น เป็นต้น
" จะวัดจากค่าเงินดอลลาร์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ อุปสงค์ ดีมานด์ ไม่ได้อิงค่าเงินอย่างเดียว ส่วนการบริโภคจะดีก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจดี สำหรับหุ้นที่ได้รับผลดีก็คงต้องเป็นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และโรงกลั่น ยังคงแนะนำลงทุน ส่วนตัวเด่นๆ ก็จะเป็น PTT " นายชัย กล่าว
***บล.คันทรี่ แนะซื้อ PTTEP-BANPU-PTT
ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ามีความคิดเห็นสอดคล้องกับ มอร์แกนสแตนเลย์เอเซีย แต่ระยะเวลาในการปรับขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์นั้น คงไม่ยาวนานถึงปี 2013 เพราะการปรับขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ต้องมีตัวแปลอื่นที่น่าจะมีอิทธิพลเข้ามาสนับสนุนด้วย
" ผมมีความคิดเห็นสอดคล้องกับ มอร์แกน ในเรื่องของราคาที่มีแนวโน้มปรับขึ้น แต่ระยะเวลาอาจจะสั้นไม่ได้ยาวมากจนถึงปี 2013 แนวโน้มไม่น่าจะไกลขนาดนั้น ส่วนราคาน้ำมันในช่วง 2 เดือนข้างหน้าผมมองว่ามีโอกาสขึ้นไปถึง 75 ดอลลาร์/บาเรล ส่วนหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนต้องเป็นตัวแม่ในกลุ่มพลังงาน ประกอบด้วย PTT ราคาเป้าหมายกำลังปรับเพิ่มอยู่ PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 168 บาท และ BANPU ให้ราคาเป้าหมาย 489 บาท แนะนำซื้อทั้ง 3 ตัว " นายมงคล กล่าว
***บล.ทรีนีตี้ เชื่อดอลลาร์อ่อน ดึงเม็ดเงินนอกลงทุนกลุ่มโภคภัณฑ์
นางสาววชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ผลักดันให้ดัชนีฯวานนี้(22ก.ย.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงบ่ายเกือบ 10 จุด น่าจะเป็นผลมาจากทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลง ส่งผลให้นักลงทุนโยกกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเชื่อว่ายังคงมีเม็ดเงินของต่างชาติไหลเข้าเก็บหุ้นในช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลง
ทั้งนี้ แนะนำซื้อ PTTCH และ SCC เพราะได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3/52 ส่งผลให้คาดการณ์ว่ากำไรในไตรมาสดังกล่าวจะโดดเด่น รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในประเทศ อาทิ กลุ่มสื่อสาร รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มบ้านและที่ดิน อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบดัชนีฯ ในช่วงสัปดาห์นี้ไว้ที่แนวต้าน 722 - 730 จุด ส่วนแนวรับ 702 - 707 จุด
***ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อศก.ฟื้น หนุนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สดใส
ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินภาพในระยะยาวของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ว่า อาจกลับมาได้รับแรงหนุนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า พื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับการก่อตัวขึ้นของแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังกล่าวอาจจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในสัญญาล่วงหน้าของสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมักจะให้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ แต่เนื่องจากแนวโน้มของเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะยังคงขยายตัวในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพ (แม้จะพลิกกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้)
อย่างไรก็ตาม ลักษณะของการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงเวลาดังกล่าว อาจไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-ต้นมิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม 2 ปัจจัยหลักที่อาจต้องจับตาก็คือ ช่วงจังหวะเวลาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักของโลก นำโดย สหรัฐฯ ที่ถูกประเมินว่า อาจเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2552 ซึ่งน่าที่จะทำให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจจะสดใสขึ้นในปี 2553 ตลอดจนการกลับมาเริ่มสะสมสต็อกสินค้าโภคภัณฑ์ของจีน (โดยเฉพาะสินแร่เหล็ก ทองแดง และถ่านหิน)
--------------------------------------------------------------------------------
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 09:50:52
จากคุณ |
:
X-Hidden
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 52 07:47:25
|
|
|
|  |