 |
ความคิดเห็นที่ 26 |
คงคำแนะนำ ซื้อ
เราปรับประมาณการกำไรของ CPF ในปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้น 26% และ 16% ตามลำดับภายใต้สมมติฐานว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและการขยายตัวของธุรกิจอาหาร (Food) ซึ่งมีอัตรากำไรค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับธุรกิจเลี้ยงสัตว์ (Farm) ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ก็ยังมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ หลังปรับประมาณการทำให้ราคาที่เหมาะสมของ CPF ถูกปรับขึ้นเป็น 8.90 บาทจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PER ปี 2553 ที่ 11 เท่า เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ
ทยอยเพิ่มสัดส่วนธุรกิจอาหารซึ่งมีอัตรากำไรดี
CPF มีการทยอยปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของกำไรด้วยการลดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Farm (จากการขายเนื้อสัตว์) ลงจากปัจจุบันที่ 47% ให้เหลือประมาณ 33% ภายใน 5 ปีเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเนื้อสัตว์และราคาวัตถุดิบ โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Food (เนื้อสัตว์แปรรูป,ปรุงสุก,อาหารพร้อมรับประทาน) ให้มากขึ้นจาก 19% เป็น 33% ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความผันผวนของกำไรแลัวยังมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูงด้วย (เฉลี่ยมากกว่า 20% เทียบกับธุรกิจ Farm ที่มีอัตรากำไรเฉลี่ย 10-12%) นอกจากนั้นสินค้าอาหารภายใต้แบรนด์ของ CPF (เช่น ไก่ย่างห้าดาว ไส้กรอก เกี้ยวกุ้ง) ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 6% ของยอดขายบริษัทก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายช่องทางการจำหน่ายด้วยการเปิดสาขาร้าน CP Fresh Mart เพิ่มขึ้นปีละ 100 สาขาจากปัจจุบันที่มีประมาณ 500 สาขา การเพิ่มยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์บริษัทจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรด้วยเนื่องจากสินค้าดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 30%
ธุรกิจอาหารสัตว์เติบโตอย่างมั่นคง
ธุรกิจอาหารสัตว์ซึ่งมีสัดส่วน 34% ของยอดขายของ CPF มีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงจากการเป็นผู้นำในตลาดและการขยายการลงทุนไปในหลายประเทศเช่น อินเดีย มาเลเซีย เวียดนาม และรัสเซีย CPF ยังได้รับผลบวกจากการที่ต้นทุนราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง โดยบริษัทได้สต็อควัตถุดิบที่ราคาต่ำไว้จนถึงต้นปีหน้าแล้ว
คาดผลประกอบการไตรมาส 3/52 ดียิ่งกว่าไตรมาส 2/52
ผลประกอบการไตรมาส 3/52 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและแข็งแกร่งยิ่งกว่าไตรมาส 2/52 ซึ่งกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ยังต่ำโดยเฉพาะข้าวโพดซึ่งอยู่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทำให้ราคาปรับตัวลงมาที่ประมาณ 6.30 บาท/กิโลกรัม (จากไตรมาส 3/51 ที่สูงถึง 10 บาท/กิโลกรัม) ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศยังยืนในระดับค่อนข้างสูงทั้ง หมู ไก่ และไข่ ซึ่งมีราคาเฉลี่ยที่ 56 บาท/กิโลกรัม 41 บาท/กิโลกรัม และ 2.6 บาท/ฟอง ตามลำดับ นอกจากนั้นการส่งออกและธุรกิจในต่างประเทศยังมีการเติบโตต่อเนื่องด้วย
จากคุณ |
:
stocksmith
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ก.ย. 52 23:45:58
|
|
|
|
 |