ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูลเบื้องต้นนะครับ จำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. 18,000,000 หุ้น กำไรสุทธิของ Q2/53 = 599.45 ลบ ดังนั้น eps จะมีค่าเท่ากับ (599.45/18) = 33.02 ต่อสองไตรมาส ปรับให้เป็น 1 ปี จะได้ eps เท่ากับ 33.02 x 2 = 66.60 ต่อปี (คูณ 2 ซึ่งเป็นการสมมติฐานว่ากำไรอีกสองไตรมาสที่เหลือจะใกล้เคียงกันน่ะครับ) ราคาล่าสุด เท่ากับ 592.00 บาท ดังนั้น p/e จะมีค่าเท่ากับ  (592/66.6) = 8.96 ค่าที่เราคำนวณได้มีค่า p/e = 8.96 ในขณะที่ตลาดตีค่าให้มีค่าเท่ากับ 10.88 หมายความว่า ณ ที่ราคานี้ แพงเกินไปแล้ว  ... ผมตีความอย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 16:39:13

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่านะครับ แต่จากหลักการนี้ หากเราสามารถ "คาดการณ์" กำไรในไตรมาสที่เหลือได้ หรือเราสามารถมองตลาดในอนาคตได้ เราจะสามารถ "สมมติฐาน" กำไรสุทธิของอนาคตได้ในระดับหนึ่ง หมายเหตุ  กรณีนี้จะขอคิดเฉพาะ กำไรสุทธิ เฉยๆ ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่ต้องพิจารณานั้นมีอีกมากในงบการเงิน เช่น ต้นทุน ยอดคงเหลือ ค่าใช้จ่าย etc แต่ที่ยกตัวอย่างแบบนี้ เพื่อขอ concept ในการคิดเท่านั้นครับ ----------------- กรณีสมมติเราคิดว่าในสองไตรมาสที่เหลือ บริษัท "น่าจะ" ทำกำไรได้มากกว่าสองไตรมาสแรก (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม) จากงบกำไรขาดทุน (สำหรับงวดหกเดือน) บริษัทมีกำไรสุทธิ 599.45 ลบ คิดล่วงหน้าอีกสองไตรมาสเพื่อปรับให้เป็น 1 ปี จะได้เป็น 599.45 x 2 = 1198.2 ล้านบาท กรณี สมมติว่าสองไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทน่าจะได้กำไรมากขึ้นกว่าเดิม ผมขอเพิ่มอีก 20% ดังนั้น กำไรสุทธิจะเป็น 1437.84 ล้านบาท ต่อปี eps = 1437.84/18 = 79.88 ฉะนั้น p/e จะมีค่าเป็น 592 / 79.88 = 7.41 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 16:54:51

ความคิดเห็นที่ 3 ตลาดคำนวณ PE จากกำไรย้อนหลัง 4 ไตรมาสครับ จากคุณ : -=spider=- เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 16:55:15

ความคิดเห็นที่ 4 เดี๋ยวก่อนครับ ... ผมกำลังงงตัวเองอยู่ตอนนี้ (ฮาาาาาาาาาาาาาา) จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:02:52

ความคิดเห็นที่ 5 ตาม คห.3 ครับ ถ้างบปีนี้ออกมาแค่ 2 ไตรมาส มันจะรวมงบไตรมาส2ไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนเข้าไปด้วย สรุปคือ คำนวณจาก 4 ไตรมาสย้อนหลัง --------------------------------------------- ส่วนคำนวณว่าหุ้นแพงหรือถูก ต้องดู Growth ด้วย หุ้นที่ไม่มี growth (หรือ growth ต่ำกว่า 5%-8%) fair P/E โดยมากจะอยู่ที่ประมาณ 6-8 เท่า แต่ถ้าหุ้น growth สูง P/Eย่อมสูงกว่านั้นครับ เพราะ"ความคาดหวัง"ตลาด จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:06:32

ความคิดเห็นที่ 6 ค่าที่เราคำนวณได้มีค่า p/e = 8.96 ในขณะที่ตลาดตีค่าให้มีค่าเท่ากับ 10.88 หมายความว่า ณ ที่ราคานี้ แพงเกินไปแล้ว  ... ผมตีความอย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับ ? กลับกันมั้งครับ..? ราคานี้ถูกเกินไปต่างหาก จากคุณ : Fr_Gump เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:10:52

ความคิดเห็นที่ 7 หวัดดี clientuser นึกแล้วว่าต้องมา 55+ เดี๋ยวขอไปตั้งสติก่อน ตอนนี้กำลังงงๆ เพราะว่าตั้งกระทู้สด ไม่ได้เตรียมมาก่อนล่วงหน้า >< จาก คห5 ปกติ ตอนนี้ผลประกอบการณ์ออกถึงแค่ Q2/52 ทางตลาดเขาก็จะเอาผลเก่าย้อนหลังมาอีกสองไตรมาส เพื่อปรับให้เป็นหนึ่งปี แต่ถ้าผมคิดแบบมองไปข้างหน้า ถ้าตอนนี้เป็น Q2/52 แล้วผมใช้วิธี "คูณสอง" (อาจจะ +/- % นิดหน่อย เพื่อความสมจริง) อย่างนี้ทำได้ไหมเอ่ย ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:11:20

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับคุณ Fr_Gump จริงด้วย  หากค่า p/e ที่คำนวณออกมาเป็นแบบนี้ แสดงว่าราคา ณ ตอนนี้ "ถูกเกินไป" แต่ ... หากเป็นมือใหม่ที่ไม่รู้เรื่องการคิดคำนวณ p/e เองมาก่อน ส่วนมากก็จะยึดค่า p/e ที่ทางตลาดคิดออกมาให้ ซึ่งค่า p/e 10.88 บางคน(หลายคน) จะมองว่าแพง จนเป็นเหตุให้ "ไม่กล้าซื้อ" อย่างนี้ เป็นไปได้หรือเปล่าครับ ? แล้วอย่างนี้  กลไกการปรับขึ้นลงของค่า p/e มันจะปรับเข้าสู่ "จุดเหมาะสม" ได้อย่างไรครับ   ผมงง ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:15:34

ความคิดเห็นที่ 9 ลองดู pe ย้อนหลังเปรียบเทียบดูสิครับ เทรดกันที่ 12 เท่า ฉะนั้นคุณคนจนที่อยากรวย คำนวน pe ได้ 8.9 เท่าถือว่าต่ำกว่่ำามูลค่าที่แท้จริงอยู่ครับ แต่ต้องดูด้วยว่ากำไร 2 ไตรมาสที่เพิ่มขึ้นว่าเพิ่มเพราะอะไรด้วยนะครับ ทางตลาดจะคิด pe ย้อนหลังจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลังครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 17:26:02 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 17:25:31 จากคุณ : Fr_Gump เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:20:59

ความคิดเห็นที่ 10 การที่ p/e จะปรับตัวขึ้นได้นั้น หากดูจากสูตร p/e = ราคาล่าสุด / eps eps คือ กำไรสุทธิ(ต่อปี) / จำนวนหุ้น ในความเป็นจริง กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าหากดูจากสูตร p/e พบว่ามันเป็น "ตัวส่วน" ของสูตร  ซึ่งมันจะทำให้ค่า p/e มีค่าลดลง ดังนั้น การที่ค่า p/e จะเพิ่มขึ้นได้นั้น ก็ต้องมาจากการที่ "เศษ" มีค่าเพิ่มขึ้น นั่นก็คือ ราคาล่าสุด ต้องปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น --------------------------------- ต่อเนื่องจาก คห.6 ค่าที่เราคำนวณได้มีค่า p/e = 8.96 ในขณะที่ตลาดตีค่าให้มีค่าเท่ากับ 10.88 ตรงจุดนี้ ตามที่ผมเข้าใจ หากเรารู้ว่าจริงๆแล้วราคาหุ้น ณ ตอนนี้ "ถูกกว่าความเป็นจริง" เราก็ควรซื้อหุ้นเก็บเอาไว้ แล้วรอให้ตลาดมันฟ้องมูลค่าที่แท้จริง อย่างนี้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:27:42

ความคิดเห็นที่ 11 #7 ทำได้ครับ การคูณสองของEPS ผมก็ทำบ่อยๆ แต่ว่ากับหุ้นบางอุตสาหกรรมเราเอามาคูณสองไม่ได้นะครับ errorทันที โดยเฉพาะหุ้นวัฎจักร ---------------------------------------------------- โดยส่วนตัว ถ้าอยากรู้ว่าหุ้นถูกหรือแพง ผมเทียบ P/Eหุ้น กับ P/Eของsector ทั้งนี้ ต้องดู Growthประกอบด้วย ถ้าGrowthสูง ต้อง+premium แต่ถ้าgrowthไม่มี หรือgrowthต่ำ ผมเอาเทียบP/E sectorเลย จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:31:37

ความคิดเห็นที่ 12 ถึงคุณ Fr_Gump   ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ การที่ตลาดเขาใช้ข้อมูลย้อนหลัง เหตุผลส่วนหนึ่งอาจมาจาก เป็นการป้องกันความผิดพลาดจากการ "คาดการณ์" กำไรในอนาคต เลยตัดปัญหาด้วยการใช้กำไรย้อนหลังแทน ในทุกๆบริษัท ----------------------------- จากกรณีนี้ ตามที่ clientuser บอก หากเป็นหุ้นที่ไม่มี growth  ... หลักการคิดกำไรแบบย้อนหลังก็ยังพอใช้ได้ เพราะว่ากำไรจะไม่ผันผวนมาก แต่ถ้าเป็นหุ้น growth แล้วล่ะก็  หากเราใช้ค่าของตลาด เราจะ "เสียโอกาส" ทันที ในกรณีที่เราสามารถประเมินกำไรของบริษัทในไตรมาสข้างหน้าได้ ผมเข้าใจแบบนี้ถูกหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:33:30

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับผม ถูกต้องครับ จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:35:04

ความคิดเห็นที่ 14 หมดแล้วเด้อ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:35:24

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมาก เข้าใจขึ้นมากเลย งั้นถามต่อเลยละกัน ในทางกลับกัน หากสองไตรมาสให้หลังผลประกอบการณ์ที่ออกมา "แย่" กว่าที่คิด เช่น Q2/52  มีกำไร 599.45 ปรับให้เป็นหนึ่งปี  599.45 x 2 = 1198.9 กรณีขาดทุน ผมขอลดกำไรลง 30%  ดังนั้น กำไรสุทธิในหนึ่งปีจะเหลือเพียง 839.23 ดังนั้น eps = 46.62 ฉะนั้น p/e จะมีค่าเท่ากับ 592/46.62 = 12.69   นั่นหมายความว่าราคานี้แพงเกินไปแล้ว  ...  ใช่ไหมครับ ? (แพงเกินไปแล้ว  จะเทียบกับอะไรดีครับ  เทียบกับค่า p/e ของตลาดหรือเปล่า  หรือยังไง ?) ปกติ ค่า p/e ของตลาดหลักทรัพย์จะปรับทุกๆสามเดือนหลังงบออก หรือเปล่าครับ ? หมายเหตุ 1. เวลาเราคำนวณคาดการณ์ p/e ในอนาคตนั้น ในส่วนของ "ราคาล่าสุด" เราจะใช้ราคาล่าสุดของตลาดจริงๆมาคำนวณ ... ใช่ไหมครับ ? 2. วิธีทำข้างบนนั้น สมมติฐานตั้งอยู่ในกรณีตลาดไม่ได้รับรู้ "ข่าว" มาก่อนล่วงหน้า ทำให้ราคาไม่ได้ปรับตัวก่อนล่วงหน้า ซึ่งในความเป็นจริงคงเป็นไปได้ยาก เราต้องเผื่อตรงจุดนี้ไว้ด้วยหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:54:19

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ  Winkung   ขยันมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เห็นแล้วละอายเลย     เจอกันใน thaivi บ่อยมากกกก จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 17:56:34

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ เจอกันบ่อยเหรอ  ทำไมผมไม่คุ้นชื่อเลยหว่า ต้องขยันหน่อยครับ  หากยังลงทุนแบบสมองกลวง อนาคตมืนมนแน่นอนครับ ปล. ผมเจอบล็อกของพี่ yoyo เลยนั่งอ่านบล็อกแกอยู่ entry แรกที่อ่านคือ "สัญญาณจากงบการเงิน"  อ่านจบก็เลยเกิดคำถามทันทีเลยครับ ผมมือใหม่ ต้องรีบหาความรู้ เดี๋ยวอ่านกระทู้แล้วตามพี่ๆเขาไม่ทันเอาน่ะครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 18:06:42

ความคิดเห็นที่ 18 #15 ค่าP/E ถ้าตามความจริงคือ "จะปรับทุกครั้งที่ราคาเปลี่ยน" สมการของราคาหุ้น เกิดจาก Price  =    P/E  x   EPS ฉะนั้น ถ้าราคาหุ้นเปลี่ยน จะทำให้ P/E เปลี่ยนไปด้วย ในขณะที่ EPS จะปรับทุกๆ3เดือน (หรือ1ไตรมาส) แต่ในทางกลับกัน เราใช้สมการนี้หาช่องว่างของราคาจาก expected growth ได้ โดยการคำนวณ EPS แล้วคูณด้วย expected growth เช่น EPS ปีนี้ได้ 3บาท แต่ปีหน้าน่าจะมีการโตขึ้นอีก 10% เราก็คำนวณเผื่อไว้ที่ 3.30บาท แล้วนำไปคูณ P/E ที่คุณคิดว่าเป็น fair P/E ของหุ้นตัวนั้น ราคาก็ โป๊ะเชะ ออกมาทันที ปล. ผมก็ใช้วิธีคำนวณแบบวิสเปอร์ (ย้อนกลับ) นี่แหละ 5555+ ปล. อย่าลืมที่เตือน "ห้าม"ใช้กับหุ้นวัฎจักร เพิ่มเติม : หุ้นปั่นก็ไม่นับนะครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 18:21:04 จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 18:15:11

ความคิดเห็นที่ 19 สมการของราคาหุ้น เกิดจาก Price  =    P/E  x   EPS ฉะนั้น ถ้าราคาหุ้นเปลี่ยน จะทำให้ P/E เปลี่ยนไปด้วย ในขณะที่ EPS จะปรับทุกๆ3เดือน (หรือ1ไตรมาส) ตอบ  โอเค อันนี้เข้าใจครับ --------------------------------------- expect growth นั้นจะเอาไปปรับเพิ่มใน eps โดยการบวก % เพิ่มตามความคาดการณ์ของแต่ละคน ...  โอเค  เข้าใจครับ แต่ผมว่าสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ น่าจะเป็น "ราคาล่าสุด" นะครับ เพราะราคามันปรับตัวขึ้น ลง ในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับตลาดน่ะครับ ในส่วนของ p/e   ถ้าผมจะคิดมันจากการคำนวณ (ไม่นั่งเทียน) โดยการใช้ราคาล่าสุดของวันที่คำนวณนั้น   ส่วนค่า eps นั้น ผมก็จะบวกเผื่อค่า expect growth ลงไปเรียบร้อย ผมก็จะได้ค่า p/e ที่ถูกคำนวณออกมา  แล้วผมถึงเอาไปเปรียบเทียบกับ p/e ของตลาด ทำอย่างนี้ ... ได้ไหมครับคุณ clientuser ?   -------------------------------------------------- ทำไมถึงคำนวณแบบย้อนกลับล่ะ  ไม่ท้าทายเลยนาาาา  อิอิ ปล. โอเคครับ  ไม่ใช้กับหุ้นวัฏจักร  อันนี้เข้าใจครับ ขอบคุณมากๆเลย ปล. หุ้นปั่นไม่เคยคิดจะเล่น  เคยแต่เล่น ปั่นแปะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 18:27:05 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 18:25:20

ความคิดเห็นที่ 20 ใช่ครับ ราคาล่าสุดขึ้นอยู่กับอารมณ์ Mr.Market สิ่งที่เราทำได้แค่ ประเมินEPSที่"น่าจะได้" แล้วคูณกับ P/Eตลาด น่าจะเป็น "ราคาที่สมเหตุสมผลในการซื้อ" มากกว่าอื่นใด ปล. มันเป็นวิธีการคำนวณหยาบๆนะครับ ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้สักหน่อย จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 18:45:50

ความคิดเห็นที่ 21 เยี่ยมเลย  ขอบใจมากเลย   มีหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจ ซื้อ-ขาย หุ้นเพิ่มมาอีกหนึ่งข้อแล้ว จากคุณ : ดีใจ (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 18:48:29

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อกี๊ลองแอบไปคำนวณหุ้นใน stock อยู่ตัวนึง หูยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  p/e ที่คิดได้ต่ำกว่าตลาดตั้ง 2.21   มิน่า เขาถึงมีการตั้ง "ราคาที่เหมาะสม" ขึ้นมา เพราะพวกโปรกเขามองออกว่าราคามันต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งสิ่งเดียวที่จะทำให้ p/e เข้าสู่จุดที่เหมาะสม คือราคาขายต้องปรับตัวสูงขึ้นนั่นเอง   จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 18:52:39