ความคิดเห็นที่ 1 หลักของผมคือ " ซื้อในราคาที่ถูกกว่ามูลค่าพื้นฐาน แล้วขายเมื่อถึงราคาที่เหมาะสมครับ " โดยส่วนตัวไม่ซื้อๆ ขายๆ ครับ  ซื้อเมื่อคิดว่าราคานี้สมควรซื้อ ก็วัดใจซื้อตู้มเดียวไปเลยครับ แล้วก็ทนถือยาว (แบบเสียวใจนิดๆ อิอิ) ส่วนที่เห็นผมมาป้วนเปี้ยนบ่อยๆ  ก็เพราะว่าผม "ขาดสินธร" ไม่ได้อะดิค๊าบบบ ประเด็นคือ   จะรู้ได้อย่างไรว่า ราคาไหน ถูก ราคาไหน แพงแล้ว ? คำตอบคือ ต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนเยอะๆ เพื่อเพิ่ม "ความรู้" ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 17:42:35 จากคุณ : ผมก็ซื้อหนังสือมาอ่านเองครับ (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 17:41:06

ความคิดเห็นที่ 2 คุณคนจนตอนนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อ login ได้แล้วนะ อิอิ จากคุณ : Empty Mind เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 17:43:23

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆแล้ว วิธีการเลือกหุ้นเน้นคุณค่า  ต่างมีรูปแบบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคน แนวทางของผมอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่เหมือนกับนักลงทุน VI ท่านอื่นก็ได้ครับ แต่ concept หลัก   ทุกคน "เหมือนกัน"   จากคุณ : VI จึงคุยภาษาเดียวกันได้ (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 17:44:24

ความคิดเห็นที่ 4 ซื้อในราคาที่ถูกกว่ามูลค่าพื้นฐาน แล้วขายเมื่อถึงราคาที่เหมาะสมครับ " ผมก็ใช้วิธีนี้แหล่ะครับ แต่หายากแล้ว โดน คุณคนจนที่อยากรวยซื้อไปหมดแล้ว 5555555555 จากคุณ : MASTERSMITH เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 17:53:11

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่มีไร แนะนำ ครับ มาแอบฟัง พี่คนรวย ผมเห็นด้วยกับ  พี่ Empty Mind   ว่าให้พี่คนรวย เอ๊ย พี่คนจน เปลี่ยนล็อกอินได้ แล้วครับ ถ้าไม่มีชื่อผมว่า เปลี่ยนเป็น พี่คนรวยแล้ว หรือไม่ก็ พี่คนไม่อยากจนอีกต่อไป ฮา ๆๆๆ อะไรประมาณ นี้ งะ จากคุณ : ahcmos เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 17:55:54

ความคิดเห็นที่ 6 หลักของมันก็คือ การซื้อๆขายๆ ขายเมื่อขึ้น ซื้อเมื่อลง นั้นคนที่ทำได้คือคนที่โกหกเท่านั้น ดังนั้น VI ก็คือการเน้นลงทุนในคุณภาพของกิจการ ในราคาที่เหมาะสม แล้วถือไว้ตราบเท่าที่กิจการนั้นยังดีอยู่ กำไรโตขึ้น ทิ้งห่างคู่แข่งไปเรือยๆ โดยยึดหลักความจริงที่ว่า ในระยะยาว ราคาหุ้น กับผลประกอบการจะดีไปในทางเดียวกัน อย่าพยายามซื้อๆขายๆ หรือเดาทิศทางตลาด เพราะนั่นคือการลงไปเล่นในเกมที่เราเสียเปรียบรายใหญ่เต็มประตู เล่นในเกมที่เราถนัด และแน่นอน นี่คือหลักของ VI จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:02:23

ความคิดเห็นที่ 7 อยากเปลี่ยนชื่อมั่ง เป็น "จนเงินแต่ไม่จนรัก.." อุว๊าววว เปงไงคับ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด (C.BUN) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:05:07

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ VI บางคนก็ Technical เป็นเหมือนกันนะครับ :) จริงไหมครับพี่คนจนที่อยากรวย :) อิ อิ แซวเล่นนะครับ :) ด้วยความเคารพครับ :) จากคุณ : nuchnin เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:09:29

ความคิดเห็นที่ 9 มีครับ  บางคนใช้วิธีเลือกหุ้นด้วยหลัก VI แต่หา "จังหวะ" การเข้าซื้อด้วยหลัก Technical graph แต่ส่วนตัวมองว่า มันเหมือนเหยียบเรือสองแคม  มันก้ำๆกึ่งๆ รอแล้วรอเล่า คนอื่นอาจเหมาะสม แต่สำหรับผม "ไม่เหมาะ" ครับ   จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:15:05

ความคิดเห็นที่ 10 แต่เห็นพี่คนจนที่อยากรวยไปโชว์ฝีมือ Technical ในกระทู้ล่างๆ มานี่ครับ อิ อิ :) ด้วยความเคารพครับ :) ป.ล. ผมขำตอนที่พี่วิเคราะห์แล้วก็มาโวยวายว่า "นี่มันผิดหลัก VI นี่หว่า อ๊าาาาาาาาาาาาาา" ผมหัวเราะจนน้ำตาเล็ดเลยครับ ขนาดตอนนั้นเครียดๆ อยู่นะเนี่ย :) แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 18:27:08 จากคุณ : nuchnin เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:23:04

ความคิดเห็นที่ 11 จากคุณ : ก่อนหน้านั้นเคยศึกษามาบ้างครับ (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:28:43

ความคิดเห็นที่ 12 ขึ้นอยู่กับผมซื้อเพราะว่าอะไร ถ้าผมซื้อเพราะผมมองว่ามันเป็น super stock ก็ไม่มีเหตุผลที่จะขายครับ ยกเว้นว่า มีเรื่องใดๆมากระทบพื้นฐานกิจการของบริษัท ที่ทำให้ความได้เปรียบอย่างยั่งยืนของบริษัทสูญเสียไป ผมก็จะขาย ถ้าผมซื้อเพราะมันเป็นหุ้น turn around หรือ หุ้นวัฏจักร หากราคามันกลับไปพีค หรือกลับไปยืนที่เดิมของมัน ( พูดง่ายๆ จบรอบของธุรกิจ ) ผมก็จะขาย ถ้าผมซื้อเพราะมันถูกมาก ( ภาษา VI เค้าเรียกหุ้นก้นบุหรี่ ) โดยที่บริษัทอาจไม่ได้ดีเด่ อะไรมาก หากราคามันขึ้นมาสัก 50% ผมก็จะขาย กฎสำคัญสำหรับผมเอง ถ้าผมซื้อด้วยเหตุผลไหน ผมก็จะขายด้วยเหตุผลนั้นครับ ปล. ดีใจแทนคุณคนรวยจริงๆ ที่เป็น idol ปลุกกระแส VI ในห้องสินธรไปแล้ว ชื่นชมๆๆ จากคุณ : Idiopathic เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:34:25

ความคิดเห็นที่ 13 โดยส่วนตัวมองว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตลาด "เอื้ออำนวย" ให้การทำกำไรนั้น "ง่าย" กว่าภาวะปกติ หากผมลงทุนเร็วสักนิด แล้วทันช่วงภาวะวิกฤต  .............  ทุกท่าน อาจจะไม่ได้เห็นผม มาป้วนเปี้ยนแบบนี้ ก็เป็นได้นะครับ สำหรับผม นี่เป็นการ "เริ่มต้น" การลงทุนเน้นคุณค่า ต้อง "ใช้เวลา"  และก็ต้อง "รอเวลา" ในการพิสูจน์การกระทำครับ   จากคุณ : ขี้โม้อีกแล้ว (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:39:15

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับ CPF นั้น ลึกๆในใจ ผมอยากให้มันเป็นหุ้น (โคต ร) Super stock เทียบเท่า มาม่า แต่จะทำได้หรือเปล่า ... ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ จากคุณ : คนเราต้องมีความหวัง (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:41:29

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาตอกบัตร  VI  คร้าบบบบ จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:02:04

ความคิดเห็นที่ 16 ในความคิดผม หากพวกเรา เล่นแบบ vi เป็นที่ตั้ง เล่นเอามัน เป็นรอง ผมว่า ช่วยทำให้ ตลาด ดี กว่า ที่เป็นอยู่ได้ จริง ๆ นะ จากคุณ : ahcmos เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:04:32

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่ใช่ VI นะครับ แต่เคยได้ยิน VI ท่านหนึ่งเคยพูดเอาไว้ ท่านบอกว่า หุ้นแต่ละตัวที่ท่านจะพิจารณาซื้อเนี่ย ต้องเป็นหุ้นที่สามารถถือลืมได้เลย โดยคิดเสมือนว่า เงินที่จะไปลงทุนซื้อนั้นเป็น 0 ไปเลย คือไม่ขายเป็น 10 ปีก็ไม่เดือดร้อน สามารถกินปันผลจากหุ้นตัวนั้นยาว ๆ ไปเรื่อย ๆ ได้ แต่หลักการหรือวิธีการจะคัดให้เจอหุ้นแบบนั้น (ในราคาที่เหมาะสมด้วยนะครับ) ผมก็ไม่ชำนาญพอจะแนะนำได้ ส่วนการพิจารณาจะขายหรือไม่นั้น ท่านว่าไม่ได้สนใจที่ราคาครับ ถ้าตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐาน หรือผลประกอบการยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปอย่างมีสาระสำคัญ หรือมีเหตุการณ์อะไรที่มากระทบกับตัวบริษัทอย่างรุนแรงอย่างมีนัย จนอาจกระทบต่องบการเงินในระยะยาว ก็ยังคงถือต่อไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของ VI จึงทำแค่ติดตามข้อมูลของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นงบการเงินหรือธรรมาภิบาลอะไรก็แล้วแต่ครับ ถ้ามันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีอย่างชัดเจน ก็พิจารณาขายครับ โดยไม่ต้องไปสนใจราคาแล้ว แต่ส่วนใหญ่กว่าจะถึงตอนนั้นก็มักจะเป็นการขายแบบมีกำไรซะมากกว่า แล้วก็เป็นเนื้อเป็นหนังซะด้วย จากคุณ : FRISKIE เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:12:27

ความคิดเห็นที่ 18 vi มารายตัวด้วยคน  ไม่ขายมีแต่ซื้อ จากคุณ : พลทหารหน้าใหม่ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:16:11

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้ผมกำลังอ่านเล่มนี้อยู่ครับ  เขียนได้ดีมาก อ่านแล้วยิ่งทำให้ผม "มั่นใจ" ต่อการลงทุนแนว VI มากขึ้นเยอะเลยครับ   จากคุณ : ลองซื้อมาอ่านดูนะครับ แนะนำ (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:21:40

ความคิดเห็นที่ 20 CPF นี่ผมว่าดีครับ ถ้าไม่ดูเรื่ิองราคาหุ้น มองไปทางไหนก็เห็นแต่ไก่เต็มเมืองไปหมด เข้าเซเว่นก็มี แต่ CP เข้าโลตัสก็มี CP (คุณภาพดีกว่าของโลตัสมากมาย) หน้าหอผมนี่มีตระกูลพวกห้าดาวรวมกันได้จะซัก 30 ดาวละ ไว้ซักวันหนึ่ง..จะเข้าไปร่วมเป็นเ้จ้าของด้วยคนนะครับ ส่วนเรื่องขาย เท่าที่เคยอ่านมา(เพราะียีงไม่มีโอกาสขายจริง) แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนอีก เช่น ขายเมื่อคิดว่า บ.เหล่านั้นไม่น่าพึ่งพาแล้ว(พิจาณากิจการ / ผู้บริหาร)    ขายเมื่อคิดว่าราคาเหล่านั้นขึ้นมาสูงมากไปแล้ว(แต่ถ้ามันไม่ยอมลงอีกก็ vi ขายหมูล่ะ)   ขายเพื่อไปซื้อหุ้นคิดว่าดีกว่าตัวที่ขาย อ่านหนังสือครับ รับรอง...ดี จากคุณ : รอเงิน... (มิ่งกลิ้ง) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:47:33

ความคิดเห็นที่ 21 ปล. The intelligent investor ฉบับภาษาไทย ยังมีขายที่ไหนไหมครับ ใครรู้รบกวนบอกน้อง(คนนี้)ที จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 20:03:30

ความคิดเห็นที่ 22 ต้องลองศึกษาดูครับ เพราะผมว่า แนวการลงทุนแบบ วีไอ อาจไม่เหมาะกับทุกคนนะครับ (อย่างน้อยรอบข้างผมก็ไม่มีซักคน ) แต่ปีนี้อาจจะเป็นปีทองของ วีไอ เท่านั้นเองครับคนจึงสนใจแนวทางการลงทุนแบบนี้มากขึ้น (อย่างปีที่แล้วผม -48 % อ่ะคิดดูจิว่ามันเศร้าขนาดไหน แต่ปีนี้ +336 % แล้ว ) จากคุณ : luckydog2 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 20:33:24

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาตอบแต่ผมไม่ได้เป็น vi นะครับ ผมว่ามันอยู่ที่เราว่าเห็นการลงทุนในหุ้นที่เรากำลังทำอยู่นี้ว่ามันคืออะไรนะครับ บางคนเล่นหุ้นเพราะว่าอยากได้เงินมาซื้อนู่นซื้อนี่ ซื้อโน๊ตบุ้ค ซื้อนาฬิกา เอาเงินไปเที่ยว ให้รางวัลชีวิตการทำงาน หากใครต้องการแบบนี้รูปแบบการลงทุนก็จะชักจูงให้เค้าอยากจะขายหุ้นเมื่อถูกจูงใจด้านราคานะครับผมว่า ส่วนใครที่กันเงินจำนวนที่เอามาเล่นหุ้นเหล่านี้ว่าจะไม่เอาออกมาใช้เลย เค้าน่าจะมีเป้าหมายการถือครองหุ้นได้ยาวนานกว่า หรืออาจจะมีพอร์ตหุ้นถือยาวกับพอร์ตระยะสั้นทำงานคนละหน้าที่ อาจจะไม่เป็นไปตามที่ผมคิดก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าเป้าหมายที่ต่างกันมันก็สร้างรูปแบบที่ต่างกันน่ะครับ ส่วนหลักถ้าตามแนวแบบบัฟเฟตต์ตอบตามที่ผมเข้าใจก็คือ บัฟเฟตต์เค้าเป็นคนที่ซื้อหุ้นเฉพาะที่เค้าคิดว่ามันดีมากๆจริงๆ ดังนั้นเมื่อเค้าตั้งหลักแบบนี้มันจึงเป็นคำตอบกลายๆอยู่แล้วว่าเค้าคงจะไม่ขายมัน เพราะว่าเค้าซื้อหุ้นที่เค้าคิดว่าดีที่สุด ถ้าเค้าขายมันออกไปนั่นแปลว่าเค้าจะต้องไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่เค้าคิดว่าเป็นหุ้นเบอร์ 2 3 4 ไม่ใช่เบอร์หนึ่ง  ด้วยสามัญสำนึกง่ายๆแบบนี้เค้าคงไม่ขายหุ้นที่ดีที่สุดเพื่อไปซื้อหุ้นที่ด้อยลงกว่าตัวเดิมหรอกครับ นอกจากรับรู้ใหม่ว่าแต่เดิมนั้นเค้าประเมินอะไรผิดไป อีกอย่างนึงก็คือว่าที่อเมริกานั้นคนที่ขายหุ้นแล้วได้กำไรต้องเสียภาษีด้วย การซื้อๆขายๆกับการถือยาวไปเลยในหุ้นชั้นดีนั้นคิดแล้วการถือยาวจะดีกว่าครับ จากคุณ : อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 20:42:30

ความคิดเห็นที่ 24 หวัดดีครับพี่  luckydog2   รางวัลสำหรับผู้มีความอดทน และมีความแน่วแน่ในหลักการลงทุน ผมเอง ... ยังตอบได้ไม่เต็มปากเต็มคำเลยครับ ว่าถ้าผมอยู่ ณ ช่วงนั้น เหมือนกันกับพี่ จะรอดมาถึงตอนนี้หรือเปล่า สุดยอดครับผม จากคุณ : จะพยายามครับ (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 20:56:27

ความคิดเห็นที่ 25 ผมชอบแนวคิดของพี่โจ๊ก(สุมาอี้)นะครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8466534/I8466534.html เรามักหา philosophy ที่คนอื่นลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ พอทำแล้ว บางทีก็ดี บางทีก็ไม่ใช่ สุดท้าย เราลืมถามตัวเราเอง ว่าเราเหมาะกับการลงทุนแบบไหนครับ มีความสุขกับการลงทุนนะครับผม ^^ จากคุณ : noooon010 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 21:18:15

ความคิดเห็นที่ 26 ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของหุ้นครับ    อย่าง IRP ถือไว้ตั้งแต่ 4.40, TSTH 1.03 ตอนนี้ก็ยังถืออยู่    แต่สำหรับ BANPU ตั้งแต่ 195, TOP 20 ขายเล่นรอบมาสามสี่รอบแล้ว ได้กำไรทุกรอบเพราะประเมินไม่ยาก      นอกนั้นส่วนมากจะใช้วิธีซื้อดักรอเป็นตัวๆไปเรื่อย ดีตรงที่ว่าไม่ต้องเสี่ยงติดดอยเหมือนพวกไล่ตามราคา  เพียงแต่ประเมินให้ถูกว่าเงินมันจะโยกไปกลุ่มไหนต่อไป    ผมอ่านมาแล้วทุกทฤษฏี แต่จะเลือกเอามาใช้ตามสถานการณ์ จากคุณ : นักเลงหุ้น เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 22:00:47

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณคนรวยที่เคยจนที่แนะนำหนังสือแต่ผมอ่านสองเล่มนี้ครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:05:15

ความคิดเห็นที่ 28 อีกเล่มครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:06:05

ความคิดเห็นที่ 29 หวัดดีครับคุณ จิ้งจกเขียว สำหรับ แก่นแท้ของบัฟเฟตต์ นั้น  เป็นหนังสือเล่มแรกของลุงที่ผมซื้อมาอ่านเลยครับ แต่ ............... มันอ่านยากอะ  ไม่ค่อยเข้าใจ   5555555555555555555555555555 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:17:41

ความคิดเห็นที่ 30 Capitalization Rate ก็มาจากหนังสือเล่มนี้ล่ะ ผมลอกและปรับนิดหน่อย ชอบลอกการบ้านตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือแล้ว เลยติดนิสัย จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:25:03

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับ # 1 จากคุณ : Wed11Nov07 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:49:37

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเข้ามานั่งฟังท่านผู้รู้คุยกันครับ จากคุณ : netaddict เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:58:34

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีดีครับ มานั่งอ่านจนดึกเลย กำลังศึกษาการเล่นหุ้นจากผู้รู้ทั้งหลายอยู่ครับ ขอบคุณจากใจ จากคุณ : jarunkung เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 02:16:41

ความคิดเห็นที่ 34 The intelligent investor สั่งซื้อทางอินเตอร์เน้ตได้ค่ะ (se-ed) สั่งมาแล้วเช่นกันแต่ยังอ่านไม่จบเลย แต่ไม่รู้ว่าตามร้านจะมีหรือป่าวนะคะ จากคุณ : JeSSy (warakarnt) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 06:49:27