ความคิดเห็นที่ 1 เป็นกำลังใจให้ครับ เพราะคนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกคนอื่นวิจารณ์อยู่แล้ว และไม่ว่าเราจะทำดีแค่ไหนมันก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจในสิ่งที่เราทำได้  ถ้าสิ่งที่เราทำ ทำอย่างตั้งใจ และไม่ได้เบียดเบียนใคร เท่านั้นก็น่าจะพอนะครับ.... จากคุณ : Equivocate เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 05:39:18

ความคิดเห็นที่ 2 เรารู้มานานเเล้วว่าคนที่ทำอะไรซักอย่างประสบความสำเร็จกว่าคนอื่น เช่นการเรียน  หรือการเเข่งขันอะไรซักอย่างหรือเเม้เเต่การลงทุน คนๆนั้นไม่จำเป็นต้องฉลาดที่สุด  ขยันที่สุด หรือรู้เเละชำนาญมากที่สุด มันมีปัจจัยมากกว่านั้น (ถ้าทำได้มันก็ดีเเต่ใครล่ะจะ perfect อย่างนั้นทั้งฉลาดรอบรู้ขยันขันเเข็ง) เเม้เเต่จะหัวปานกลางหรือขี้เกียจก็ยังประสบความสำเร็จกว่าคนอื่นได้ ขอเพียงรู้จุดดีจุดด้อยของตัวเอง และมีกลยุทธหรือวิธีการที่ได้ผลและเหมาะสมกับตัวเอง สำหรับการลงทุน เราวิเคราะห์ข้อด้อยของตัวเองได้หลายอย่าง เอาขั้นเเรกก่อนเรื่องการเตรียมความพร้อมในการลงทุน สำหรับเรา เรารู้ดีว่าเรามีข้อเสียตรงที่เรามีสมาธิสั้น ความจำสั้น เราอ่านหนังสือช้า เราทนอะไรที่ยุ่งยากหยุมหยิมไม่ได้ เเต่เราก็สนใจหาความรู้นะ เเต่ต้องเป็นเเบบสรุปรวบรัดไม่เยิ่นเย้อ ดังนั้นจะให้เราเป็น VI แท้ๆที่ต้องไปนั่งวิเคราะห์ทุกซอกทุกมุม เเกะบัญชีตัวเลขละเอียดยิบเราคงทำไม่ไหว หรือให้ศึกษาเทคนิคยุ่งยากซับซ้อนเเล้วเป็น Pure  technician เราก็รู้ว่าไม่ใช่เเนวถนัดของเรา หรือเเม้เเต่เป็นนักอ่านเกมส์อ่านหมากอย่างที่เซียนบางคนทำ เเละประสบความสำเร็จได้ผลดี เราก็ไม่เก่งขนาดเค้า เเต่เรามีข้อดีคือเราเป็นเป็ด^_^ เราเป็นมานานเเล้ว เเม้เเต่คณะที่เราเรียนก็ได้ชื่อว่าคณะที่รู้อะไรเเบบเป็ดๆ คือรู้มันทุกเรื่องเเต่รู้อย่างละนิดละหน่อย เเต่เอามาประกอบกันมันก็ใช้งานได้ ในเรื่องการลงทุนก็เหมือนกัน ข้อมูล----------------->ประมวลผล--------------->การตัดสินใจ ในขั้นตอนการประมวลผลนี่เเหละที่เราเรียกมันว่า sense ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีไปกว่านี้ เพราะมันเป็นกล่องดำที่ใช้หลายๆอย่างมาก เเล้วประมวลผลออกมาเป็นความน่าจะเป็น หลายๆอย่างเราเคยรู้ เเต่ลืมไปเเล้วด้วยซ้ำในจิตสำนึก เเต่มันยังเหลืออยู่ในจิตใต้สำนึก เท่าที่เราคิดว่าเราเคยรู้หรือรู้(ไอ้อันที่รู้ก็รู้เเบบงูๆปลาๆเเหละ-_-") ก็มีอย่างเช่น  เรื่องจิตวิทยา  อันนี้เราเน้นเยอะหน่อย เพราะเราเทรดอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เทรดหุ้นหรอกเเต่เทรดอารมณ์มวลชน ทั้งจิตวิทยาส่วนบุคคล  จิตวิทยามวลชน เเต่ความรู้เราก็ไม่มากหรอกนะ  ซัก  2% จากความรู้ทั้งหมดได้ เเต่เราก็พยายามขยายขอบข่ายความรู้อยู่ ทฤษฎีจิตวิทยาชื่อเเปลกๆอะไรเราก็พยายามไปศึกษานะ เเล้วก็จะศึกษาเพิ่มเรื่อยๆ (เเต่เรามีข้อเสียทางจิตวิทยาของตัวเอง คือเราไม่ค่อยอดทนถือหุ้นได้นานๆ เเล้วก็เป็นพวก  loss aversion เลยทำให้เรามักจะขายหมูเเละไม่ชอบคัตลอส ทำให้เเม้จะเลือกหุ้นได้ถูกตัวเเต่ก็ได้ผลตอบเเทนไม่มากเท่าที่ควร) เรื่องการอ่านเกมส์  อ่านหมาก  อ่านกลยุทธเราก็ไปศึกษามา เเต่ก็ยอมรับว่าเราก็รู้น้อยมากนะ ก็กำลังหัดอยู่ค่ะ เรื่องบัญชี จริงๆเราเรียนบัญชีมาสองรอบนะ ตอนมัธยมกับมหาลัย หน้าฉากคือไม่ต้องอ่านหนังสือเลย  เเต่ได้เอทั้งสองรอบ เเต่หลังฉากไม่ได้สวยหรูอย่างนั้นหรอก ครั้งเเรกมันง่ายเเค่เเยกเดบิต  เครดิตได้ก็ทำได้เเล้ว ครั้งที่สอง เพราะอาจารย์ปล่อยเกรด อาจารย์ไม่เห็นด้วยให้เด็กคณะเราเรียนบัญชี ปีนั้นเป็นปีสุดท้ายที่คณะเราจะต้องลงบัญชี เอของเราเลยน่าจะเป็นบีหรือซีมั้ง เรารู้ว่าเราไม่รู้จริงเรื่องบัญชี เราเลยไปอบรมอีกรอบที่ตลาดหลักทรัพย์อันนี้จ่ายตังค์ เค้าก็สอนการวิเคราะห์เเนวตั้งเเนวนอน   ดูป๊งดูปองค์อะไรนะ  เราก็เข้าใจนะเเต่เราลืมเเล้ว-_-" หนังสือเราก็หามาอ่านนะเเต่อ่านไม่ค่อยได้นานหรอก อีกรอบเราก็ไปอบรมsme เค้าก็สอนหลายๆอย่างนะ คล้ายๆเป็น mba อย่างย่อก็มีเรียนบัญชีนิดหน่อย เรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเราก็ศึกษานะ เเต่เราก็ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวหรอก fund  flow  อันนี้เราก็ไปศึกษานะก็เข้าใจนะเเต่ลืมเเล้วล่ะ-_-" เดี๋ยวจะไปอ่านเพิ่มเติม เรื่องเทคนิคจริงๆโดยพื้นฐาน เราใช้เทคนิคมานานเเล้วเเต่เราไม่รู้ตัว อย่างเช่นว่าเราดูโจทย์คณิตศาสตร์บ้างข้อ เเล้วไม่ต้องแก้สมการเเต่เรารู้ว่าอันไหนเป็นคำตอบที่ถูกต้อง (คิดก็ไม่เป็นหรอกเราจำสูตรไม่ได้เเล้วก็ขี้เกียจทำเเบบฝึกหัดด้วย) ผลการเรียนออกมาถือว่าดีมาก เราก็มาใช้ในการดูหุ้นนี่เเหละคือมองกราฟเเล้วดู prop  ว่ามันจะขึ้นหรือลง อีกอย่างเราวิเคราห์ข้อมูลดิบด้วยตามเเนวทางของเราเอง เเล้วเราก็รู้อินดิเคเตอร์เเบบง่ายๆนิดๆหน่อยๆ แต่เราก็รู้ว่าเราจะมั่วๆเเบบนี้ตอนหุ้นขาลงไม่ได้หรอก เราก็จะพยายามขยายขอบเขตความรู้ทางเทคนิคอย่างถูกวิธี ให้มากกว่านี้ เรื่องการสืบ(อย่าหัวเราะนะมันใช้ได้ผลจริงๆ) เราชำนาญเรื่องนี้เพราะชอบอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนมาเเต่เด็ก เเล้วก็มีพรสวรรค์ในการทายว่าใครเป็นฆาตกร ก็เป็นการ investigate   แต่ในทางการลงทุนเค้าเรียก สเเคทเทิลบัดใช่ไม๊ สะกดยังไงนะจำไม่ได้เเล้ว-_-" เดี๋ยวเราจะยกตัวอย่างให้ดูเเล้วกัน เรื่องการดูคนอันนี้ก็สำคัญนะ ต้องเเยกคนให้ออกว่าดีเลวยังไงเก่งไม่เก่งยังไง   เรื่องการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นเราก็ไปศึกษามานะ ไอ้เเบบซับซ้อนน่ะเเต่ก็ลืมเเล้วเหมือนกัน-_-" เอาเป็นว่าเข้าข้างตัวเอง ยึดหลัก simply the best แล้วกัน เรื่องตรรกะ อันนี้เราเคยไปวัดมาก็ถือว่าดีนะ เเต่เราก็เซ่อเค้าให้เวลา40นาทีเราเฟะฟะอ่านผิดเป็น  20นาที เลยรีบๆทำ ตอนทำก็มีคนเข้ามาคุยเรื่อยๆไม่มีสมาธิ ผลออกมาใช้ได้  สงสัยเพราะเดา   เเต่วันหลังลองทำใหม่ ใช้เวลา40นาที  ดันได้น้อยลงสี่จุด แต่เราโมเมยึดอันเเรกเเหละเค้าให้เอาอันเเรกนี่นา^_^ พวกเศรษฐศาสตร์  บริหาร การเงินอะไรเราก็รู้นิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี นอกนั้นก็เป็นอะไรนิดๆหน่อยๆที่เราพอจะรู้อยู่บ้างนึกไม่ออกเเฮะ ยกตัวอย่างง่ายๆนะ  มีหุ้นตัวนึงเราไปศึกษาข้อมูลพื้นฐานมาเเล้วก็ชอบมาก business  modelดี  งบดี  มวลชนต้องการ ใกล้เข้าหน้าhiแล้วด้วย  เพิ่งเปลี่ยนเจ้าของใหม่  มีstoryให้เล่นด้วย เเต่คนในพันทิปนี่จะกลัวเจ้าของมาก เพราะเค้าฉลาดเป็นกรดกลัวจะงาบรายย่อย เค้าก็ให้ความเห็นกันไปในทางเลวร้ายกับหุ้นนี้ โดยที่ไม่ได้ดูที่พื้นฐานของหุ้นเลย   เราก็เริ่มไปสืบว่าเจ้าของเป็นใคร คนที่เคยคบค้าบอกว่านิสัยใจคอของเค้าเป็นยังไง หน้าตาเป็นยังไง  คู่ครองล่ะ  ดูงกไม๊ ประวัติส่วนตัวการให้สัมภาษณ์ จำนวนลูก ดูการศึกษาประวัติการทำงาน  พื้นฐานครอบครัว เเล้วก็มาประมวลผลด้วย  ทฤษฎีจิตวิทยา เรื่องเเรงผลักของเค้าว่าเค้ามี drive ในเเง่ไหน เค้าน่าจะมีวัยเด็กที่น่าจะทำให้เค้ารู้สึกว่าขาดปัจจัยพื้นฐาน หรือเปล่า (ไม่ได้หมายถึงจนนะ เพราะบางคนรวยก็รู้สึกขาด  จนกลับรู้สึกเต็มอิ่ม) ซึ่งจะเป็นเเรงผลักดันให้เค้าทำทุกวิถีทาง เพื่อตอบสนองปัจจัยด้านความมั่นคง ตามทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์ เเล้วเค้าน่าจะมีความภาคภูมิใจในตัวเองเเค่ไหน มีศักดิ์ศรีเเค่ไหนพูดคำไหนเเล้วคำนั้นไม๊ ตอนนี้เค้าต้องการ  self  esteem  รึยัง เเละดูตามทฤษฎีเกมส์ว่าเค้ามีเเรงจูงใจอะไรมากกว่ากัน ระหว่างโกงบริษัท เอาเปรียบรายย่อย กับบริหารให้ได้กำไรเเล้วหุ้นขึ้น เราวิเคราะห์เเล้ว Propอย่างหลังมีมากกว่า เราก็ซื้อเลย  ตัวนี้เราได้กำไรหลายเเสนนะ หลายๆครั้งเราดูเเล้วว่าหุ้นตัวนี้มีดีหลายๆอย่างเราก็เฝ้าดู พอวันนึงเราเห็นว่า  มีความต้องการหุ้นตัวนี้เเล้วเราก็เข้าซื้อ เราก็บอกว่าด้วย sense   ของเราเเล้วหุ้นตัวนี้จะขึ้น เเล้วจะให้เราอธิบายยังไงล่ะว่ามันประมวลผลมาจากอะไร มันใช้หลายๆอย่าง ------------------------------------------------------------------------------ เราเอาจริงเอาจังกับการลงทุนเเละการเล่นหุ้น ทุกวันนี้เราถึงต้องอ่าน ที่เราอ่านก็เป็นเรื่องการขยายขอบข่ายความรู้ของเรา จากที่รู้น้อยนิด เเละอ่านปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไว้ให้รู้เยอะๆ เพราะเราไม่รู้ว่าช่วงเวลาไหนหุ้นตัวไหนจะถูกมีราคาน่าซื้อ เราคิดว่าคนทุกวันนี้เรียนมาตั้งเกือบยี่สิบปีเพื่อมีเงินเดือนหมื่นสองหมื่น เเต่ในขณะที่เค้าลงทุนเพื่อต้องการรายได้เดือนละเเสนสองเเสน เค้ากลับไม่ลงเเรงอะไรเลย   เเล้วในที่สุดก็กลายเป็นเเมงเม่า เสียเงินที่ใช้เวลาเรียนมาตั้งมากมาย ต้องทำงานหนักเก็บหอมรอมริบ ให้กับการเล่นหุ้น ถ้าปรับวิธีคิด ปรับการกระทำเสียใหม่บางทีอาจจะอยู่ในตลาดหุ้นได้อีกนาน ปล...ไปเก็บของมาเลยมาตอบช้า พรุ่งนี้จะบินเเล้วเพิ่งทำธุระเเล้วก็เก็บของเสร็จ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 07:30:43 จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 05:47:36

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ^ ขวัญใจเรา คนนี้ก็มีลักษณะทางจิตวิทยาที่น่าสนใจ ลองไปหาอ่านดูสิคะ คนพวกนี้ดูแววตาก็รู้ เหมือนคีนู รีฟเเหละ   คนพวกนี้ทางจิตวิญญานเค้าขาดและเหงา เค้าพร้อมจะทำเพื่อคนอื่นเพื่อเติมเต็มตัวเค้า คนพวกนี้เงินจะไม่มีความหมายมาก เป็นพวกที่ไม่โกงหรือเอาเปรียบเพื่อเงิน พวกนี้จะมีโลกส่วนตัวสูงมาก บางทีเข้าใจยาก ถ้าไปล่วงล้ำโลกส่วนตัวของเค้าโดยที่เค้าไม่อนุญาต คุณอาจโดนดีดกระเด็นออกมา ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรถือว่าเราเพ้อเจ้อก็เเล้วกัน ปล.  ลืมบอกไป  sixth sense ก็รวมอยู่ใน senseของเรา เเต่บางทีsixth sense ก็คือสัญชาตญานการเอาตัวรอดของมนุษย์ก็เป็นได้นะ ปูลู  แปะเพลงให้ฟัง  ไปแล้วก็คิดถึงกันบ้างนะ กลับมาคราวหน้าจะเล่าเรื่องความล้มเหลวผิดพลาด เรื่องการลงทุนของเราให้ฟัง จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 06:45:47

ความคิดเห็นที่ 5 การเล่นหุ้นเป็นทั้งศิลป์และศาสตร์ หาก จขกท. นำศาสตร์เข้าประกอบด้วย ว้าว....วววว จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 06:45:54

ความคิดเห็นที่ 6 ไปหลายวันให้ฟังสองเพลงเลย เพลงนี้บางคนอาจจะไม่ชอบเเต่เราชอบเเฮะ คนร้องเป็นคนฟิลิปปินส์ เป็นเอเซียคนเเรกมั้งที่ได้ร้องเป็นตัวนำในละครบรอดเวย์ ชื่อลีจ้ะ เพลงนี้จากเรื่องมิสไซ่ง่อน เค้าเป็นนักร้องที่ได้ร้องเพลงการ์ตูนดิสนี่หลายเพลงเลย เช่นอะลาดิน    โพคาฮอนทัส   เเล้วก็มู่หลัน เรื่องโปรดของเราทั้งนั้น ปกติคนเอเซียจะไม่ได้ร้องเพลงของดิสนี่ย์นะคะ คนฟิลิปปินส์นี่มีพรสวรรค์ในทางการดนตรีเยอะนะ เค้าบอกว่านอกจากจะส่งออก   เเรงงานเเข่งกับไทยเเล้ว เค้ายังส่งออกนักร้องนักดนตรีด้วย บ้านเราโรงเเรมหลายเเห่งก็มีนักร้องเป็นฟิลิปปินส์   มาลีวัลย์ก็มีเชื้อสายฟิลิปปินส์ด้วย เห็นเค้าว่ากันว่าตอนทำเเบบทดสอบ ว่าคนในเอเซียนี่ใครพึงพอใจชีวิตมากที่สุด คนฟิลิปปินส์ได้คะเเนนสูงสุดว่าพอใจ เเต่จริงๆเเล้ววิถีชีวิตเค้าเเย่มาก คนที่มีหนทางพยายามจะย้ายออกนอกประเทศ น่าจะเป็นว่าชีวิตเป็นทุกข์เลยพยายามมองโลกในเเง่ดีหลอกตัวเอง เเล้วก็หาความบันเทิงจากการดนตรี จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 07:00:39

ความคิดเห็นที่ 7 โหวตให้ครับ อ่านดู น่าจะถือกระทู้แนะนำดีๆ ได้อันนึง จากคุณ : Casper in Love เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 07:23:19

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านแนวทางแล้ว รูปแบบการลงทุนของคุณ RoseTiara เน้นน้ำหนักไปทางแนว VI นะครับ "ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี" แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 07:39:15 จากคุณ : ปั้นดินเป็นดาว เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 07:34:13

ความคิดเห็นที่ 9 เดินทางด้วยปลอดภัยและมีความสุขนะครับ... จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 07:45:35

ความคิดเห็นที่ 10 แจ๋วไปเลย จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด (C.BUN) เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 07:51:27

ความคิดเห็นที่ 11 เราเลือกหุ้นตามเเนวทาง VI แต่เราเทรดตามการเก็งกำไรค่ะ หมายความว่าถึงติดหุ้นก็ไม่เสียหายเพราะเป็นหุ้นที่ดีเเละราคาถูกกว่ามูลค่า เพียงเเต่เราไม่อดทนรอนานๆได้ เรียกง่ายๆว่าเล่นรอบสั้นๆกับหุ้นคุณค่ามั้งคะ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 07:56:51 จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 07:54:51

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องการเล่นรอบกับหุ้นคุณค่าก่อนหน้านี้ผมก็ใช้ แต่พอมาตอนหลังสุดใช้กับตัว KYE ซื้อทุนเฉลี่ยที่ 115 แล้วเล่นได้แค่รอบสองรอบ พอรอบที่สามมันโดดขึ้นไปแล้วตามไม่ทันหรือไม่กล้าตาม มันก็ขึ้นพรวด ๆ ไปเกือบ 300 เลย เคยคุยกับพี่คนหนึ่ง เค้าเลยยกตัวอย่างนิทานเรื่องนี้ให้อ่าน "มีชายแกเลี้ยงม้าคนนึง หลงทางกลางทะเลทราย ชายแก่คนนี้ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เริ่มท้อแท้สิ้นหวัง จึงล้มตัวลง พิงต้นไม้ข้างทาง ขณะที่กำลังนั่งหลับตาอย่างหมดหวัง ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน จึงลืมตาขึ้น ฉับพลันก็ได้เห็นฝูงม้าฝูงใหญ่ กำลังวิ่งมาหา และชายแก่ก็ได้สังเกตว่า มีชายหนุ่มร่างกายแข็งแรง กระโดดเปลี่ยนม้าไปมา ขณะที่ม้ากำลังวิ่งอยู่ อย่างสนุกสนาน โดยที่ชายหนุ่มนั้นจะผลัดเปลี่ยนม้าที่วิ่งขึ้นมา แทนตำแหน่งจ่าฝูง ซึ่งแน่นอนมันเป็นเรื่องที่สนุกและท้าทาย เมื่อม้าวิ่งมาถึงชายแก่ ชายหนุ่มจึงเบลกม้าตัวแรกที่เค้าขี่ ทำให้ฝูงม้าที่หยุดลง และตะโกนบอกชายแก่ว่า ลุงเลือกม้ามาเลย ชายแก่เลี้ยงม้า ซึ่งมีความชำนาญ ในเรื่องม้า จึงเลือกม้าที่ รูปร่างแข็งแรง แม้ว่าจะวิ่งไวไม่เท่ากะม้ารูปร่างเพรียวๆ แต่แน่นอนการที่จะออกจากทะเลทราย นี้นอกจากความเร็วก็ยังไม่พอ จึงต้องเลือกม้าที่เหมาะสมกะระยะทาง ภูมิอากาศด้วย เมื่อชายแก่เลือกม้าได้ ฝูงม้าก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง และแน่นอน ชายหนุ่มก็ยังคงเปลี่ยนม้าออกไปเรื่อยๆม้าตัวไหน วิ่งเป็นตัวแรกชายหนุ่มก็จะกระโดดไปหา ขณะที่ม้ากำลังวิ่ง เมื่อวิ่งมาได้ซักระยะหนึงปรากฎว่า ขณะที่ชายหนุ่ม เปลี่ยนม้านั่นเองม้าตัวแรกที่ชายหนุ่มกำลังเปลี่ยนเกิดสะดุด ม้าตัวนั้นเกือบเสียหลักลง ทำให้ วิ่งมาเกือบท้ายสุดของฝูงม้านั้น แต่นั้นก็ยังไม่ทำให้ชายหนุ่มเกิดความกลัว ชายหนุ่มก็ยังกระโดดไปเรื่อยๆเพื่อไปถึงม้าที่เป้นหัวแถว ขณะที่กำลังจะถึงม้าตัวแรกนั้นชายหนุ่มบังเอิญโดดพลาดตกจากหลังม้าทำให้ ชายหนุ่มนอกจากตกลงพื้นได้รับบาดเจ็บแล้ว เค้ายังโดนฝูงม้าที่วิ่่งผ่านมาเหยียบ ทำให้ชายหนุ่มนั้น ต้องตกที่นั่งลำบาก ต้องอยู่โดยลำพังโดยปราศจากม้าที่ให้ขี่ ซ้ำร้ายยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และแน่นอน ชายแก่ก็ยังคงอยู่บนหลังม้าแต่ก็ไม่สามารถช่วยชายหนุ่มนั้นได้ ตอนจบผมไม่รู้ครับ แต่ม้าที่ตาแก่ขี่ผมว่าก็คงพาแกไปถึง ที่ที่เราอยู่ได้อย่างสบายกว่ากลางทะเลทราย" จากคุณ : ปั้นดินเป็นดาว เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:09:54

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบมากครับ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆที่มาเล่าให้ฟังครับ คุณ RoseTiara ครับ รบกวนแนะนำหนังสือจิตวิทยาที่อ่านเข้าใจง่ายๆไม่ซับซ้อนให้ผมหน่อยสิครับ สนใจมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : มดป่น (modpon) เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:10:57

ความคิดเห็นที่ 14 คุณปั้นดินเป็นดาวคะ ก่อนหน้านี้เราก็เคยเสียใจว่าถ้าเราซื้อหุ้นดีๆ ตัวที่เราเลือกเป็นครั้งเเรกในพอร์ต เเล้วอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย ผลตอบเเทนเราจะดีกว่านี้มากเลย เเต่ตอนนี้เราไม่เสียใจเลยค่ะเพราะที่ผ่านมาเราได้สิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินมาก (เงินก็ได้นะคะ   ถือได้ว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยเจ๊งหุ้นเลยเพราะจำนวนเงินเรามากว่าทุนเสมอ) สิ่งที่เราได้คือความรู้คือประสบการณ์ในการเล่นหุ้นเเบบต่างๆ ได้ความรู้ที่ต่อไปมันจะสร้างเม็ดเงินให้เรา อาจจะมากกว่าถ้าเราอยู่เฉยๆเเล้วกอดหุ้นเสียอีก เราได้รู้ข้อดีข้อผิดพลาด   เเละที่สำคัญรู้ว่าจริงๆเราต้องการอะไร อะไรเหมาะกับเราในการลงทุน อีกอย่างเราได้ความมันส์ค่ะ  ^_^ การลงทุนเเบบเต่าคงให้ไม่ได้อย่างนี้ มันไม่ค่อยเหมาะกับนิสัยเรา เรียกว่าเราจะเอาทั้งเงินทั้งความรู้ทั้งความมันส์ค่ะ หุ้นเเบบkye  จะมีซักกี่ตัว เเล้วเคยเห็นไม๊คะหุ้นนางฟ้า snc หลายคนกอดจนเจ๊งไปเกิน50% หรือเเนวทางที่ว่า   VI  ถือไว้ห้าม short กอดไว้จนมันร่วงไป60%  เหมือนที่ VI  หรือไม่  VIหลายๆคนทำ เเล้วก็เสียโอกาสในการได้ของถูกเเละเสียเวลานานกว่าจะมาเท่าทุน เพียงเพราะความเชื่อที่ว่าไม่มีใครอ่านตลาดออก เรากลับพบคนที่อ่านตลาดออก ถูกมากกว่า 80% จริงๆเเล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ เพียงเเต่เปิดใจรับฟัง  เปิดใจเรียนรู้ อ้อไม่ใช่ว่าถือยาวไม่ดีนะคะดีมากๆเลย เพียงเเต่นิสัยของเเต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะปรับให้ตัวเองมีหุ้นคุณค่าเเนวลงทุนยาวๆซัก70% แล้วก็เทรดระยะสั้นด้วยเพราะเราชอบ มันเป็นความสุขเเละสนุกที่ว่าเราซื้อเมื่อวานเเล้วขายวันนี้กำไรเเสนนึง (มันก็ไม่บ่อยหรอกนานๆที-_-"เเต่จริงๆ ยอดสูงสุดที่เราทำได้ คือเกือบสามเเสนในข้ามคืน อ้อเเต่เสียเเสนนึงในวันก็เคย ไม่ใช่ว่าจะกำไรตลอด เเต่นั่นไม่ได้มาจากหุ้นตัวเดียว เเต่มาจากเราคัตล้างพอร์ตไปเพราะเห็นว่าหุ้นจะลง หรือมีโอกาสซื้อของถูกเเละมีกำไรมากกว่าเเสนนึงที่เราเสีย ถ้าเล่นเเนวVI  อย่างเดียวคงเกิดยาก เนื่องจากไปศึกษามาทุกเเนว เราเลยพบข้อดีข้อเสียของเเต่ละเเบบ ได้รู้อคติของคนที่ยึดมั่นในเเนวทางเเบบใดเเบบหนึ่ง ไว้ว่างๆเราจะลองมาเขียนให้อ่าน จริงๆเราก็ยังไม่ตกผลึกดียังต้องเรียนรู้อีกเยอะ การที่เราจะเขียนเรื่องที่ว่าอาจจะไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เเต่อย่างน้อยเพื่อนๆที่นี่จะได้ช่วยขัดเกลาให้ เดิมทีเราคิดว่าจะหยุดเล่นเเล้วมาซื้อพวกหุ้นคุณค่ามีปันผลเยอะๆ เเล้วรอเวลาที่มันจะไปตามมูลค่าของมัน เพราะเกรงว่าเล่นต่อไปกำไรเราจะหด ตอนนี้กำไรที่ได้เราพอใจเเล้ว เเต่มาคิดอีกทีไม่ดีกว่าค่ะ  เราต้องการประสบการณ์ และเรามั่นใจว่าเราเอาตัวรอด กำไรเราจะไม่หดหายเด็ดขาด คุณมดป่นคะ  จริงๆไม่มีหนังสือเล่มไหนเป็นพิเศษเลย เพราะเราสะสมประสบการณ์หัดอ่านคนมาเรื่อยๆ เเล้วก็อ่านไปเรื่อยๆทุกๆสื่อ จริงๆเเล้วถ้าจะเเนะนำเริ่มต้นเลยเข้า wiki  ดูว่ามันมีทฤษฎีอะไรบ้าง เเล้วก็search ในgoogle อ่านไปเรื่อยๆพร้อมๆทั้งหัดดูคนในชีวิตจริงๆ เเล้วก็อ่านไปเรื่อยๆมันก็จะเห็นค่ะ (พอดีตอนมหาลัยเราก็ได้เรียนมาคอร์สนึง เเต่ว่าเป็นเเนวจิตวิทยาเชิงปรัชญา บวกจริยธรรมเลยพอมีความรู้พื้นฐานมาบ้าง) แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 08:55:46 จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:38:32

ความคิดเห็นที่ 15 เล่นในเกมส์ของเรา เกมส์ที่เราถนัด จากคุณ : ไชโป๊ผัดไข่ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:43:23

ความคิดเห็นที่ 16 เริ่มต้นมาเราก็เริ่มด้วยการอยากเป็นเเบบวอร์เรนเเหละ เเต่นิสัยเราไม่ให้อย่างนั้น เราก็ต้องปรับไปตามนิสัยของเรา ตอนนี้ก็ใช่ว่าเราจะประสบความสำเร็จได้ผลตอบเเทนมากมายอะไร เเต่เราคิดว่าเราเอาตัวรอดเเน่ๆ พอดีเรามักน้อยน่ะค่ะ   ได้ไม่มากเราก็ดีใจเเล้ว เดี๋ยวเพื่อนๆจะเข้าใจผิดว่าเราได้ผลตอบเเทนมากๆ เพราะช่วงเเรกๆก็ได้ไม่เยอะค่ะ  เเถมไปติดlockเทรดไม่ได้อยู่พักนึง เพราะคำว่าไม่ขายไม่ขาดทุน  เสียโอกาสการทำกำไรไป อีกอย่างช่วงเเรกเราไม่ดูกราฟเลย เพิ่งจะมาหัดดูช่วงหลัง เราพบว่าผลตอบเเทนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรารู้ข้อด้อยของการเล่นอย่างที่เราเล่นนี้ดี พอขาลงจริงๆเราคงมาเสนอหน้าไม่ได้ เพราะเราเล่นได้เเต่ขาขึ้น เเหะๆ เราต้องหากลยุทธใหม่ๆเเล้วก็ปรับการเล่น ไปจนกว่าจะเล่นได้ทุกๆเเบบโดยไม่เสียเปรียบ เเบบไหนเสียเปรียบหรือไม่ถนัดก็ไม่เล่น (อันนี้ก็เป็นอีกอย่างที่คิดว่าหัดกันได้เพราะเห็นมีคนทำได้อยู่ค่ะ) แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 09:21:39 จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 09:04:19

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : มดป่น (modpon) เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 09:43:16

ความคิดเห็นที่ 18 แปลง sense ให้เป็นทฤษฏี หาว่า sense ของเราคิดจากอะไร ตัวแปรอะไร จะมีความสุข ใช้ sense ตลอดน่ากลัวววววววววววว เพราะ sense กับอารมณ์ มีเส้นบางๆๆๆ ขั้น อย่างตอนนี้ผมอยากขายหุ้นสุดๆ เลย แต่หลักการที่วางไว้มันยังไม่ให้ขาย เพราะยังไม่ confirm ภาพใหญ่ขาลง   ถ้าผมใช้ sense คงขายไปแล้ววววววววววววว แต่ใครจะรู้ขายไปตอนนี้อาจจะลดขาดทุนได้เยอะกว่าใช้หลักการก้อได้ ทั้งหมดไม่ได้บอกว่า sense ใช้ไม่ได้ดีกับการลงทุน แต่ถ้าเราไม่หาหลักการหรือทฤษฏีมาประกอบ เราจะไม่สามารถหาวิธีที่ลงทุนที่ได้ผล 90++ %   เพราะ sense เราจะแกว่งตามอารมณ์และข่าวอยู่เรื่อยๆ ถือยาวถือสั้น แล้วแต่ความถนัดของแต่ล่ะคนครับ ส่วนตัวแล้วคิดว่า เล่นสั้นยากกว่าเยอะ swing สูง คู่แข่งเยอะ ไม่เป็นไม่ตาม trend ปล. เพิ่งอ่านไปได้สองข้อความ เดี๋ยวอ่านต่อก่อง จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 10:12:59

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ^ เรามักจะงงอย่างนี้เสมอค่ะ กับคนที่เป็นนักเทคนิคใช้กราฟ เเต่เราดูทุกอย่าง  กลายเป็นว่าเราใช้อารมณ์ในการเล่นไป ถ้าถามเราว่าทำไมเล่นหุ้นตัวนี้เราก็ตอบได้เป็นฉากๆ เเหละส่วนเรื่องข่าวเราไม่ค่อยได้อ่านข่าวหรอกค่ะ จริงๆเเล้วไม่มีการลงทุนที่ให้ผล90%  ++ หรอกค่ะ โซรอสหรือคุณมัดเล่ย์ยังทำไม่ได้เลย เพียงเเต่ในตอนที่ถูกให้let profit runหรือกำไรเยอะๆ   เเล้วตอนผิด จำกัดความเสียหายให้น้อยที่สุดก็เท่านั้นเองค่ะ หมายความว่าต่อให้คุณเลือกผิดซักห้าในสิบครั้งเเต่ตอนที่ผิดเสียน้อย ตอนได้ได้มาก  ผลรวมคุณก็กำไรเเล้ว จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 10:47:52

ความคิดเห็นที่ 20 เก่งมากครับ...ชื่นชมจากใจจริง   ถ้าเล่นหุ้นจนครบ cycle  แล้วยังกำไรอยู่ ก็หากินในตลาดหุ้นได้สบายแล้วหละ    แต่ก็ระวังความเก่งของตัวเองด้วย  เพราะตลาดหุ้นจะเอาเงินคุณคืนทันที เมื่อคิดว่าตัวเองเก่ง(ความเก่งจะทำให้เกิดความมั่นใจสูงสุดไม่สนใจเสียง เตือนจากคนรอบข้าง) จากคุณ : หนุ่มชุมชน เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 10:49:35

ความคิดเห็นที่ 21 นับถือ ๆ มีความพยายามสูง ใจเย็น และมีการวิเคราะห์ที่ดี รู้ตัวเองก่อน จะไปรู้คนอื่น ต่อให้ลงทุนพลาดก็กลับตัวได้เร็ว รุ่งแน่ครับ จากคุณ : ทะเลลงตับ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 11:09:12