|
ความคิดเห็นที่ 46 |
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2008/11/I7161815/I7161815.html
คิดว่าหลายๆคนคงรู้จักการเล่น SHORT กันแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายๆคน ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร ก็เลยเอาบทความที่ผมเคยลงไปแล้วก่อนหน้านี้ มาลงอีกครั้ง เผื่อใครคิดว่ามีประโยชน์ จะได้ประยุกต์ใช้กับพอร์ตลงทุนของตัวเอง เพราะในการออกรบแต่ละครั้ง การที่เรามีอาวุธในกองทัพหลายอย่าง ไม่ได้หมายความว่า เราจะชนะศึกเสมอไป เราจะต้องเรียนรู้จุดอ่อนของศัตรู แล้วมาดูข้อจำกัดของเรา จากนั้นจึงค่อยมาเลือกใช้อาวุธให้ถูกชนิด เพราะอาวุธทุกชนิดไม่เพียงสามารถ ช่วยให้เราชนะศึกได้ ในขณะเดียวกันหากเราใช้ผิดวิธี หรือผิดสถานการณ์ มันก็อาจทำให้เราพ่ายแพ้ได้เช่นกัน ..... รู้เรา รู้เขา ร้อยรบ ร้อยชนะ
การ Short Sell นั้นอยู่บนแนวคิดที่ว่าราคาของหุ้นหรือของสิ่งใดสิ่งหนึ่งกำลังจะ ตก เราจึงต้องการขายของสิ่งนั้นออกไปก่อนในราคาแพงๆเท่าที่เราจะขายได้ แล้วจึง ค่อยกลับมาซื้อมันคืนในเวลาที่ราคาของมันตกมาแล้วในราคาถูกๆ สรุปง่ายๆก็คือการ ขายแพง ซื้อถูก นั่นเอง ซึ่งจะแตกต่างจากมุมมองที่พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคยที่เป็นการ ซื้อถูก ขายแพง อันเป็นสัจธรรมแห่งการทำกำไรมาแต่ช้านาน สำหรับการ Short Sell ในตลาดหุ้น(SET)นั้นผมขอแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ
การยืมหุ้นคนอื่นมาขาย (Short sell stock) เนื่องจากมีกฎของตลาดหุ้นที่ว่า เราไม่สามารถขายหุ้นได้ถ้าไม่มีหุ้นนั้นในมือ ดังนั้นถ้าเราเห็นโอกาสว่าราคาของหุ้น ตัวใดตัวหนึ่งกำลังจะตก เราก็อาจไปยืมหุ้นของคนอื่นมาขายในตลาดก่อน พอราคา ของมันตกลงไปแล้วค่อยไปซื้อมันคืนมาจากตลาดเพื่อนำไปคืนให้กับเจ้าของหุ้นที่เรา ไปยืมเขามา โดยในปัจจุบันก็มีโบรกเกอร์หุ้นบางรายที่มีบริการให้ยืมหุ้นแก่ลูกค้าของ ตัวเอง ซึ่งธุรกรรมประเภทนี้เขาจะเรียกว่าธุรกรรม SBL หรือ Securities Borrowing and Lending โดยหุ้นที่โบรกเกอร์มีให้ยืมมักจะเป็นหุ้นที่อยู่ใน SET50 Index (เช่น PTT, SCC, KBANK ฯลฯ) ซึ่งผู้ยืมหุ้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการยืม (เช่น 6% ต่อ ปี โดยคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันในระหว่างที่ทำการยืม) โดยระยะเวลาในการยืมนั้นอาจ ทำการกำหนดระยะเวลาไว้อย่างแน่นอน(Term) หรือไม่กำหนดระยะเวลา(On Call) ก็ ได้แล้วแต่จะตกลงกันกับผู้ให้ยืมหุ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเราไปยืมหุ้นเขามาเราก็ต้องคืน หุ้นให้กับเขานะครับ จะเบี้ยวว่ายืมแล้วก็อมซะเลย(แบบเวลาที่เรายืมเงินเพื่อน) ไม่ได้นะครับ และเพื่อเป็นการป้องกันว่าผู้ยืมหุ้นจะบิดพลิ้วไม่ยอมคืนหุ้นที่ยืมแก่เจ้า ของหุ้น โบรกเกอร์ก็จะให้ลูกค้าคนนั้นวางหลักประกันกับทางโบรกเกอร์ก่อนที่จะให้ ลูกค้าคนนั้นยืมหุ้นครับ
สำหรับท่านใดที่เป็นนักลงทุนระยะยาวๆและต้องการให้คนอื่นยืมหุ้นของตนก็ สามารถติดต่อโบรกเกอร์ที่มีบริการ SBL ได้เช่นกัน ซึ่งผู้ให้ยืมหุ้นก็จะได้รับค่า ธรรมเนียมการให้ยืมเป็นของตอบแทนครับ ถือเป็นการเพิ่มผลตอบแทนจากการลง ทุนให้กับท่านในระหว่างที่ท่านทำการลงทุนระยะยาวๆครับ การขายหุ้นที่ตนมีอยู่ (Short against port) ในกรณีที่เรามีหุ้นอยู่ในมืออยู่แล้ว และคิดว่าราคาของหุ้นตัวนั้นกำลังจะตก เราก็สามารถทำการขายหุ้นตัวนั้นของเราใน ตลาดก่อน พอราคาของมันตกลงไปแล้วก็ค่อยไปซื้อมันคืนจากตลาดกลับเข้ามาในมือ ใหม่ เช่น เรามีหุ้น PTT อยู่ในมือ 1,000 หุ้นแล้วคิดว่าราคาของมันกำลังจะตก เราจึง ขายหุ้น PTT ออกไป 1,000 หุ้นที่ราคาตลาด 250 บาท ต่อจากนั้นปรากฏว่าราคาของ หุ้น PTT ก็ตกจริงๆไปอยู่ที่ราคา 230 บาท เราจึงไปซื้อคืนจากตลาด ณ ราคาดังกล่าว ซึ่งผลลัพธ์ก็คือเราจะได้กำไร 20 บาท/หุ้น * 1,000 หุ้น = 20,000 บาทโดยที่เรามีหุ้น PTT อยู่ในมือ 1,000 หุ้นครบถ้วนเหมือนเดิม
แน่นอนครับว่าการ Short Sell ก็ต้องมีความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงก็คือถ้าเราทำการขายไป แล้วแต่ราคาของหุ้นตัวนั้นกลับปรับตัวสูงขึ้นทำให้เราต้องกลับไปซื้อมันคืนในราคาที่แพง ขึ้น หรือเรียกง่ายๆว่าเกิดอาการ ขายหมู นั่นเองครับ ซึ่งกรณีนี้จะทำให้เราขาดทุนได้ เช่น ขาย PTT ออกไป 1,000 หุ้นที่ราคา 250 บาทแต่ต้องไปซื้อคืนที่ราคา 260 บาท ทำให้ เราเสียเงินไป 10 บาท/หุ้น * 1,000 หุ้น = 10,000 บาทฟรีๆกับการมีจำนวนหุ้นในมือเท่าเดิม
สำหรับ SET50 Index Futures ในตลาดอนุพันธ์(TFEX)นั้นเราก็สามารถทำการ Short Sell ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะถูกขายนั้นจะไม่ใช่ตัวหุ้นแต่จะเป็นการขายดัชนี SET50 Index แทน ซึ่งถ้าเราคิดว่าตลาดหุ้นจะตก(ดัชนี SET50 Index จะตก) ราคาของ SET50 Index Futures ก็จะตกตามดัชนี SET50 Index เราก็สามารถทำกำไรได้โดยการขาย (Short) SET50 Index Futures ณ ราคาของ SET50 Index Futures ที่สูงๆในตอนนั้น แล้ว ค่อยกลับมาซื้อ(Long)SET50 Index Futures คืนเพื่อเป็นการปิดสถานะ ณ ราคา ของ SET50 Index Futures ที่ต่ำๆในเวลาต่อมา ซึ่งการขาย(Short) SET50 Index Futures ในตลาดอนุพันธ์จะดีกว่าการ Short Sell หุ้นในตลาดหุ้นตรงที่เราสามารถขาย(Short) SET50 Index Futures ได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของ SET50 Index อยู่ในมือ และเราจะใช้วิธีการชำระส่วนต่างของกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นเป็นเงินสด(Cash Settlement) แทนที่เราจะต้องไปหาซื้อหุ้นจากตลาดมาส่งมอบกันจริงๆ ในการคำนวณกำไรขาดทุนของผู้ขาย(Short) SET50 Index Futures นั้นจะ = (ราคา SET50 Index Futures ที่ขายไว้ในตอนแรก ราคา SET50 Index Futures ที่ซื้อคืนเพื่อปิด สถานะ) * ตัวคูณดัชนี * จำนวนสัญญา
ตัวอย่างเช่นถ้าเราขาย(Short) SET50 Index Futures 2 สัญญาที่ราคา 500 จุด แล้วกลับมา ซื้อคืนเพื่อปิดสถานะที่ราคา 490 จุด เราจะได้กำไร = (500 490) * ตัวคูณดัชนี (1,000 บาท) * เรามี 2 สัญญา = 20,000 บาท
แล้วเราควรจะ Short Sell หุ้น หรือ Short SET50 Index Futures ดีล่ะ? คำถามนี้ ตอบง่ายมากเลยครับว่า ถ้าคิดว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะตกแน่ๆ เราก็ควรจะ Short Sell หุ้นตัวนั้น ถ้ามีหุ้นในมือ ก็ให้ Short against port ถ้าไม่มีหุ้นในมือก็ให้ไปยืมหุ้นคนอื่นมาขายผ่านธุรกรรม SBL ถ้าคิดว่าตลาดหุ้นจะตก เราก็ควรจะขาย(Short) SET50 Index Futures เพื่อทำกำไร ถ้าคิดว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะตกแต่เราไม่มีหุ้นตัวนั้นในมือและไม่มีใครให้เรายืม หุ้นตัวนั้นมาขาย แต่หุ้นตัวนั้นน่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง แน่นอนครับว่าคำ ตอบที่ถูกต้องที่จะช่วยท่านทำกำไรได้ก็คือการขาย(Short) SET50 Index Futures นั่นเอง
จากคุณ |
:
บอย@สาธร
|
เขียนเมื่อ |
:
4 พ.ย. 52 10:54:04
|
|
|
|
|