|
ความคิดเห็นที่ 60 |
ตำนาน หุ้นฟินวัน http://www.stock2morrow.com/forums/showthread.php?t=7959
ชื่อ นายปิ่น จักกะพาก
อาชีพ -ที่ปรึกษาให้แก่นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ต่าง ๆ ในอังกฤษและยุโรป
เกิด วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
สถานที่เกิด รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
บิดามารดา นายประภาส จักกะพาก และนางชูเชิด (จูตระกูล)
สถานภาพ สมรสกับนางเกษมพรรณ จักกะพาก มีบุตรรวม 3 คน
การศึกษา -ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย จากประเทศสหรัฐอเมริกา -เข้าสัมมนา Boursegame ที่ธนาคารซิตี้แบงก์
ประวัติการทำงาน -กลับประเทศไทยปี 2516 ทำงานที่ธนาคารเชสแมนฮัตตัน กรุงเทพฯ ตำแหน่ง Second Vice President (ปี 2516-2522)
-ทำงานที่ธนาคารเชสฯ นาน 7 ปี บริษัทเงินทุนยิบอินซอย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือญาติทางมารดา เกิดปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง จึงถูกทาบทามให้เป็นกรรมการผู้จัดการ ในเวลาต่อมา และเปลี่ยนชื่อเป็น บง.เอกธนกิจ นับเป็นการเริ่มต้นของกิจการกลุ่ม "เอก" ของปิ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็น "พ่อมดการเงิน" อันเนื่องมาจากการเข้าครอบงำกิจการต่าง ๆ หรือ "เทกโอเวอร์" ในเวลาต่อมา
-จากนั้นเริ่มขยายกิจการของกลุ่มเอก ด้วยการเข้าซื้อ บล.โกลด์ฮิลล์ ที่กำลังประสบปัญหาการเงิน ด้วยราคาหุ้นละ 25 บาท ใช้เงินทั้งสิ้น 10 ล้านบาท ซึ่งถูกวิจารณ์กันมากว่าสูงเกินความจำเป็น แต่หลังจากนั้นเพียง 3 ปี เมื่อนำหุ้น บล.โกลด์ฮิลล์ ที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น บล.เอกธำรง เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาหุ้นได้พุ่งสูงสุดถึงหุ้นละ 500 บาท ในปี 2529 โดย "ปิ่น" ได้กำไรจากหุ้นนี้ 20 เท่า
-หลังจากนั้นปิ่นให้ บง.เอกธนกิจ เข้าเทกโอเวอร์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ และเปลี่ยนชื่อให้เข้ามาอยู่ในกลุ่มเอกด้วยกัน เช่น บล.ศรีไทย ถูกเปลี่ยนเป็น บล.เอกเอเชีย, บงล.กรุงทอง เปลี่ยนเป็น บงล.เอกสิน และ บงล.ธนานันต์ ถูกเปลี่ยนเป็น บงล.เอกธนา รวมถึงสถาบันการเงินอื่น ๆ ฯลฯ โดยส่วนใหญ่สถาบันการเงินที่ถูกเทกโอเวอร์เหล่านี้เป็นสถาบันการเงินที่ กำลังมีปัญหาฐานะการเงิน
-กรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ศรีมิตร จำกัด
-กรรมการผู้จัดการบริษัทเงินทุนเอกธนกิจ จำกัด
-กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
-กรรมการบริษัทหลักทรัพย์ เอกธำรง จำกัด
-กรรมการ Vendome Assurance Co.,Ltd.
-กรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (7 ก.ย.2535)
-นายกสมาคมบริษัทเงินทุน (บง.) แต่ได้ลาออกก่อนครบวาระ เมื่อ 18 มี.ค.2540
-ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ รัฐบาล "ชวลิต" (4 ธ.ค.2539)
-12 ธ.ค.2542 ตำรวจอังกฤษจับกุมตัว "ปิ่น" ผู้ต้องหาคดีความผิดฐานร่วมกับพวกยักยอกทรัพย์และความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 วงเงินค่าเสียหาย 2,127 ล้านบาท โดย "ปิ่น" หลบหนีออกจากประเทศไทยตั้งแต่ปลายปี 2541
-27 ก.ค.2544 - ศาลอุทธรณ์ประเทศอังกฤษพิพากษาให้ ปิ่น พ้นจากการควบคุมตัวในคดีที่ทางการไทยขอให้ส่งตัวกลับประเทศ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อดำเนินคดีข้อหายักยอกทุจริตและฉ้อโกงทรัพย์ในประเทศไทย
-14 ส.ค.44 อัยการอังกฤษแจ้งว่าในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน "ปิ่น" ไม่สามารถจะอุทธรณ์ไปยังศาลสูงอังกฤษได้ เนื่องจากในชั้นศาลอุทธรณ์ คำพิพากษาพิจารณาแต่ประเด็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งตามกฎหมายอังกฤษการจะอุทธรณ์ไปยังศาลสูงสุดได้ต้องเป็นประเด็นปัญหาข้อ กฎหมายที่สำคัญต่อคดีเท่านั้น คดีนี้จึงถือว่ายุติลง
-ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาให้แก่นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และ สินทรัพย์ต่าง ๆ ในอังกฤษและยุโรป เขาได้รับการยอมรับพอควรหลังจากการหลุดพ้นข้อกล่าวหา
ปิ่น จักกะพาก เริ่มจากหนึ่งกลายเป็นศูนย์
ปิ่น จักกะพาก เคยเป็นฮีโร่ในยุคเศรษฐกิจบูม แต่วันนี้เขากำลังเผชิญกับกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปิ่นบอกเขาเป็นเพียงแพะรับบาป เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
ผู้ต้องขัง ที่อยู่ด้วยกันกับผมไม่เข้าใจว่า ผมถูกจับในข้อหาอะไร"? ปิ่นเล่าย้อนไปถึงวันที่เขาต้องเข้าไปอยู่ในคุกบริกซ์ตัน ในลอนดอนเมื่อปลายปีก่อน "พวกเขารู้จักแต่ข้อหามียาเสพย์ติดในครอบครอง ลักขโมย และรู้ว่าคดีพวกนี้ต้องติดคุกนานเท่าไร แต่พอผมบอกไปว่าทำให้เกิดความผิดปกติทางการเงินของประเทศ พวกเขาก็งงแล้วถามว่า "มันแปลว่าอะไรเนี่ย?" ขณะนี้ปิ่นได้ประกันตัวออกมาแล้วด้วยเงินประกันตัว 3 ล้านดอลลาร์
ปิ่นเองก็ถามตัวเองเหมือนกัน ในเมื่อเขาเล่นตามเกมมาตลอด แม้ว่าจะเคยท้าทายกฎเกณฑ์บางอย่างบ้างก็ตาม เขาสนใจการทำธุรกิจแบบสมัยใหม่มากกว่ารูปแบบเก่าๆ ที่ต้องอิงกับสายสัมพันธ์ และการคอร์รัปชั่น แต่แล้วเขากลับเป็นคนแรกๆ ที่ถูกแรงกดดันเมื่อระบบการเงินของไทยล่มสลาย
ในไทย ปิ่นถูกชูให้เป็นตัวการความผิด บง.เอกธนกิจหรือฟินวัน ซึ่งเขาสร้างมาจากศูนย์กลับกลายเป็นบริษัทไฟแนนซ์ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม 56 บริษัทไฟแนนซ์ ที่ถูกรัฐบาลสั่งปิดในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ทั้งนี้เนื่องจากฟินวันได้ ปล่อยกู้จำนวน 55 ล้านดอลลาร์ให้กับกิจการในเครือ 2 แห่ง โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่มีแนวโน้มว่าจะชำระคืนได้ ปิ่นอาจมีโทษในคดีอาญาโดยโทษปรับสูงสุด 1 ล้านบาท และจำคุกอีก 20 ปี แต่เขายังยืนยันว่า รัฐบาลไทยต้องการแค่แพะรับบาป เพื่อปัดความรับผิดชอบปัญหาความวุ่นวายทางการเงิน
จากคุณ |
:
sandee.kung
|
เขียนเมื่อ |
:
8 พ.ย. 52 09:41:21
|
|
|
|
|