ความคิดเห็นที่ 1 ฟังแล้วดูดีมะครับ แล้วนี่คือความจริงที่ซ่อนเร้นครับ... กรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นสัญญาต่างตอบแทน ระหว่างบริษัทประกันชีวิตกับผู้เอาประกันชีวิต ที่มีการบิดพริ้วสัญญากันมากที่สุด แต่ตัวแทนมักไปบอกกับลูกค้า ประชาชน คนทั่วไป ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ว่า สัญญานี้ให้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ลูกค้าเบิกค่าสินไหมได้ บริษัทก็สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปลงทุนหาดอกผล ทั้งที่ในความเป็นจริง บริษัทประกันชีวิตคือเสือนอนกินที่มีแต่ได้กับได้ เวลารับเงินนั้นง่าย เวลาจ่ายนั้นแสนยาก เมื่อมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ว่าเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ตั้งแต่เล็กๆน้อยๆ จนถึงร้ายแรงขนาดสูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต โอกาสเบิกได้มีน้อย ยิ่งถ้าลูกค้าไม่มีความรู้ เรียกได้ว่าทำประกันสูญเปล่าไปเลย เสียเงินแล้วยังเสียความรู้สึกด้วย ลูกค้าเรียกตัวแทนมา ให้ข้อมูลรายละเอียดทุกอย่าง แนบใบเสร็จ ใบรับรองแพทย์ หรือเอกสารที่บริษัทระบุไว้ วิ่งเต้นกันถึงที่สุด สุดท้ายก็ไม่ได้ อ้างอย่างโน้นอ้างอย่างนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ถ้าทุกอย่างเป็นตามขั้นตอน ค่ารักษาพยาบาลก็จะเบิกได้ หยุดทำงานมีเงินชดเชยรายได้ หากเสียชีวิตก็ได้ค่าสินไหม ตัวร้ายที่สุดคือตัวแทน มาบอกอย่างโน้นอย่างนี้ โกหกหน้าตาย โกหกลูกค้ามาโดยตลอด พูดจนเราหลงเชื่อว่า ระบบประกันชีวิตเป็นระบบที่ดีที่สุด ที่จะช่วยเหลือสังคม ช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยคนที่ลำบาก ให้ยืนหยัดต่อสู้ได้ใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ช่วยคือ ลูกค้าช่วยตัวแทน ช่วยบริษัทจนร่ำรวยมหาศาล เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ใส่ใจ มิหนำซ้ำ รัฐบาลยังส่งเสริมธุรกิจประกันชีวิต ไม่เก็บภาษีเงินปันผล แถมเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี เพื่อให้คนทำประกันชีวิตกันมากขึ้น กลายเป็นว่ามีคนหลงผิดทำประกันชีวิตเพิ่มทุกวัน แล้วเราก็หลงเชื่อว่า ถ้าเราทำประกันกันมากๆแล้วเหมือนต่างประเทศ ประเทศยิ่งเจริญ จะยิ่งมีคนทำประกันชีวิตกันมากขึ้น เพราะการทำประกันชีวิต เป็นการระดมเงินออมเพื่อพัฒนาประเทศ แต่นั่นมันต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย ยังอีกนาน เราเป็นประเทศด้อยพัฒนา ได้แต่หวังลมๆแล้งๆว่าซักวันหนึ่ง ประกันชีวิตของไทย จะเป็นระบบการเงินที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ถูกต้อง เที่ยงตรง เทียบเคียงอารยประเทศ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 52 23:12:33 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 52 23:05:01 จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 23:02:10

ความคิดเห็นที่ 2 Reference : http://bbznet.pukpik.com/scripts2/view.php?user=desert_hawks&board=1&id=1740&c=1&key=คนรักน้ำมัน จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 23:06:26

ความคิดเห็นที่ 3 ถามว่าคุณเชื่อมั่นความจริงที่เปิดเผยหรือความจริงที่ซ่อนเร้นมากกว่ากัน ถ้าเชื่อมั่นอันแรกขอเสียงเป็นกิ๊ฟที่หัวข้อกระทู้ แต่ใครเชื่อความจริงที่ซ่อนเร้นขอคะแนนเป็นกิ๊ฟที่คคห.1ครับ ส่วนใครอยากให้ Comment เชิญที่คคห.ถัดไปครับ อิอิ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 52 23:21:00 จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 23:19:22

ความคิดเห็นที่ 4 พอดีว่าให้กิฟท์ไปก่อนพี่จะขียนคห 3 อ่ะค่ะ ขอย้ายกิฟท์มาที่ คห 1 ได้มั๊ยคะ อิอิ....... จากคุณ : ไม่เม้น แต่เห็นด้วยค่าา (ionic) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 23:43:26

ความคิดเห็นที่ 5 ครับ เดี๋ยวจัดให้ คุณไอออน ได้รับสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ โอมเพี๊ยง อิอิ จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 23:51:59

ความคิดเห็นที่ 6 ผมคิดว่าประกันชีวิต เป็นสิ่งที่ดีนะครับ โดยเฉพาะกับผู้ทำประกันที่ได้ศึกษา และเข้าใจในตัวกรมธรรม์ดีพอ ผมไม่ได้ขายประกันนะครับ แต่เห็นว่าประกันชีวิตจะช่วยให้ผู้เอาประกันมีความ คุ้มครอง หรือมีค่ารักษาพยาบาลในยามที่เจ็บป่วย ประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ ก็ตามแต่ ก็มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันไป สำหรับผม ประกันชีวิตมีประโยชน์เฉพาะเรื่องภาษีเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ไม่มี เงินเก็บ น่าจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อมีอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตได้ แต่บางคนอาจจะมีปัญหา เช่นไม่ได้ศึกษากรมธรรม์ดีพอ ไม่รู้วิธีการเครมประกัน หรือตัวแทนขายโดยไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมด หรือตัวแทนทิ้งไปเลย เป็นต้น ... เพิ่มเติม การเครมประกัน ผมก็พึ่งจะได้เครมไปครั้งแรก ในรอบเกือบ 20 ปี ซึ่งก็เครมไม่ยาก แต่อาจจะเป็นเพราะผมได้ให้ข้อมูล ที่ผมคิดว่าจำเป็น กับทางบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ใบรับรองแพทย์ (ซึ่งผมอ่านไม่รู้เรื่องเลย), รูปแผล, ภาพฟิล์ม X-Ray ฯลฯ ผมเข้าใจว่า ทางบริษัทประกันไม่รู้หรอกว่า เราเครมประกัน โดยมีเหตุผลตาม เงื่อนไขมาก น้อย ขนาดไหน เราจึงเป็นฝ่ายที่จำเป็นต้องให้ข้อมูลกับทางบริษัท ให้มากที่สุด เท่าทีจะทำได้ เท่าที่ผมรู้มา ตัวแทนจะช่วยเรื่องการเครมประกันได้มากๆ เพราะเป็นคนที่ทำเรื่อง เครมประกันให้เราได้ โดยรู้ว่า ควรจะทำอย่างไร และผมรู้มาว่า บางคน หาเงินจากการทำประกันด้วย ... เพราะเคยคุยกับบางคน เขาบอกว่า ช่วงที่ไม่มีเงินใช้ ก็ทำให้ตัวเองมีบาดแผล แล้วเครมประกันเอาก็มี ... เพิ่มเติม ที่ผมเครมประกันไป ผมทำจดหมายเองทั้งหมดนะครับ ... เรื่องเครมผ่านตัวแทน ผมรู้เพราะ ครอบครัวทำประกันที่ต่างจังหวัด ตัวแทนช่วยทำเรื่องเครมให้บ่อยๆ พี่สาวของผมบอกว่า มีดบาดก็เครมได้แล้ว ... ผมโดนไปหลายครั้ง ไม่เคยเครมเลย เพราะขี้เกียจ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่สนใจ ... 5555 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 00:21:14 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 00:14:59 จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 00:07:49

ความคิดเห็นที่ 8 ประกัน กับ พนัน คือสิ่งเดียวกัน การพนัน คือ การยอมเสียเงินจำนวนน้อย เพื่อหวังได้เงินจำนวนมาก ในอนาคต (ชนะเจ้ามือ, ถูกหวย) การประกัน คือ การยอมเสียเงินจำนวนน้อย เพื่อหวังจะไม่เสียเงินจำนวนมาก ในอนาคต (เจ็บป่วย รถชน เบิกค่ารักษาได้ เบิกค่าซ่อมรถได้) ถ้าคุณจ่ายเบี้ยแล้วไม่เกิดอุบัติภัยอะไรขึ้น เท่ากับประกันชนะคุณ คือ กินค่าเบี้ย ซึ่งเหมือนการแพ้เจ้ามือในวงไพ่ หรือถูกหวยกิน ตรงข้าม ถ้าคุณเกิดอุบัติเหตุ เป็นโรคร้าย ก็เท่ากับคุณชนะบริษัทประกัน มันก็เกมเกมหนึ่ง ระหว่างคุณ กับเจ้ามือ เหมือนหวยเหมือนไพ่ ที่เหมือนกันอีกอย่าง คือ เจ้ามือ เป็นคนเขียนกติกา ดังนั้น การทำประกัน ในหลักการแม้จะดูดี  แต่ในระยะยาว คุณแพ้เจ้ามือ(บริษัทประกัน)เสมอ พวกนี้ใช้หลักการกระจายความเสี่ยง และความน่าจะเป็น มาคำนวณเบี้ยประกันที่ลูกค้าต้องจ่าย เมื่อบวกกับผลประโยชน์ของเงินเบี้ยของลูกค้า ที่บ.ประกันเอาไปลงทุนต่อ ทำให้ยังไงๆ บริษัทประกันก็ชนะ ขนาดจ่ายค่าคอมมิสชั่นให้ตัวแทนจนร่ำรวย ระดับมงกุฏโคตรเพชรทับทิมมรกต หรือ เอาตังค์มาทำหนังโฆษณาเคียวเซร่าเซร๊า ออนแอร์ตอนละหลายแสน น้ำตาร่วงกันทั้งเมือง ยังมีกำไรเหลือเพียบเลย ถ้าลองคำนวณดีๆ ผมว่า แทนที่ทำประกันชีวิตโดยเฉพาะแบบสะสมทรัพย์ เอาเงินเบี้ยที่ต้องจ่าย ไปฝากธนาคาร หรือไปซื้อตราสารหนี้ยาวๆ โอกาสที่จะได้ผลตอบแทน คุ้มค่ากว่าเอาไปทำประกันนะ  ยิ่งอายุน้อยๆ โอกาสเสี่ยงต่ำ ยกตัวอย่าง จ่ายเบี้ยประกันปีละ 30,000 บาท x 20 ปี ได้ทุนคืนหมดคือ 6 แสน บวกปันผลนิดๆหน่อยๆ บวกกับได้ประกันความเสี่ยงในการเจ็บป่วย เข้าโรงพยาบาล หากเกิดไรขึ้น (แต่มีการจำกัดวงเงินเบิกจ่าย) เทียบกับเงินไปลงทุนพันธบัตร หรือหุ้นกู้ผลตอบแทนดีๆ หากได้ซัก 6.5% ในเวลา 20 ปีเท่ากัน คุณจะได้เงินคืนพร้อมผลตอบแทนถึง 1.2 ล้านบาท  เท่ากับเกมนี้คุณชนะ ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง คุณก็ถอนเงินออกมาจ่ายได้ คือ เท่ากับเกมนี้คุณแพ้ (แพ้ให้แก่ร่างกายคุณเอง) ก็ลองเปรียบเทียบดูละกันครับ ระหว่างคุณเล่นกับเจ้ามือ  กับ คุณเป็นเจ้ามือ เล่นกับตัวเอง จะเอาแบบไหน แต่ข้อดีของการทำประกันอย่างหนึ่ง คือ บังคับให้คุณต้องจ่ายเบี้ยทุกปีๆ ห้ามเบี้ยว ซึ่งต่างจากการลงทุนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะคนส่วนใหญ่มักมีข้ออ้าง จ่ายไม่ครบ หรือเอาเงินไปซื้ออะไรฟุ่มเฟือย  ซึ่งมาจากกิเลสของมนุษย์ทุกคน ดังนั้น รัฐบาลทุกประเทศจึงหนับหนุนการประกันชีวิต เพราะคำนวณดูแล้ว การที่พลเมืองมีการออมหรือมีหลักประกันสุขภาพ  ทำให้รัฐลดภาระการดูแลด้านนี้ลงไป ในระยะยาว มันคุ้มที่จะลดหย่อนภาษีให้นั่นเอง เวลาตัวแทนมาเสนอประกัน อย่าลืมอ่านให้ละเอียด มันมีข้อยกเว้น ข้อไม่จ่าย เต็มไปหมดครับ อ่านดู คำนวณดู จะพบว่า คนซื้อเสียเปรียบบริษัทประกันทุกประตู เล่นกับเจ้ามือ เจ้าย่อมได้เปรียบกว่าเสมอครับ ไม่ว่าจะ หุ้น หรือ ประกัน จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด (C.BUN) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 06:52:59

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะตัดสินคำถามนี้ได้   ต้องมีข้อมูลครับ ว่า การเคลมประกันแต่ละปี - มีการยื่นทั้งหมดกี่เคส   - ผ่านกี่เคส - ปฏิเสธกี่เคส ถ้าเอาความรู้สึก มันคงจะตัดสินยาก  เพราะ คนที่พอใจ----ส่วนใหญ่จะเฉยๆ คนที่ไม่พอใจ---ส่วนใหญ่จะแสดงออก จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 07:51:39

ความคิดเห็นที่ 10 ให้กิฟ#1 ก่อนแล้วมาอ่าน#3  ขอย้ายมา#2 นะครับ ระบบประกันในไทยเป็นระบบที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทประกันในไทย จากคุณ : Acoustic Life เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 07:53:03

ความคิดเห็นที่ 11 คุณพ่อเคยทำประกันชีวิตกับ A_A เมื่อ20กว่าปีมาแล้ว เช้ามืดของวันหนึ่งมีฝนตกหนัก คุณพ่อเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของอพาร์ทเมนท์ที่เปิดให้เช่า เพื่อไปเอาเศษขยะ เศษใบไม้ที่อุดตันท่อระบายน้ำ ทิ้ง คุณพ่อลื่นล้มบนดาดฟ้าจนหมดสติ นอนตากฝนอยู่หลายนาทีกว่าจะฟื้น คุณแม่จึงพาคุณพ่อไปหาหมอ และโทรบอกตัวแทนประกันเพื่อที่จะเคลมประกัน หลังจากตัวแทนประกันมาถึงโรงพยาบาล และได้เข้าไปคุยกับคุณหมอ ผลสรุปว่า ทางบริษัทประกันชีวิตจะไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ เนื่องจากคุณพ่อลื่นล้มเพราะเป็นโรคลมชัก ไม่ใช่อุบัติเหตุ คุณพ่อไม่เคยมีประวัติเป็นลมชักมาก่อน และไม่เป็นอีกเลยหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ ไม่มีใครในบ้านได้ทำประกันทุกชนิดอีกเลย แม้ว่าจะมีเซลโทรมาชวนทำประกันมากกว่า 100 ครั้ง จากคุณ : Jingle bell rock เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 08:17:32

ความคิดเห็นที่ 12 ... คนทั่วไปที่ไม่รู้กฎหมาย จะอ่านสัญญาเข้าใจมั้ย ... ผมว่าคนขายส่วนใหญ่ (เจ้าหน้าที่ธนาคาร) ก็ยังไม่เข้าใจสัญญา หรือ จำเป็นต้องหมดเม็ดเพื่อทำยอด จากคุณ : ห้าแต้ม เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 08:37:07

ความคิดเห็นที่ 13 เราก็เคยเสียความรู้สึกกับประกันไปเหมือนกัน แต่ดีที่ได้ตัวแทนเกือบดี และตัวเราเองไม่ยอมให้มันผ่านไปง่ายๆ เลยทำจดหมายไปขอเคลมประกันเอง ผลออกมาพอใจ แต่ไม่ซึ้งใจเท่านั้น จากคุณ : นู๋อร เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 09:01:07

ความคิดเห็นที่ 14 หากทำประกันชีวิตเพื่อหวังผลตอบแทนของเงินคืนจากการทำประกัน (ไม่มีการเครมประกันเลย) น่าจะหวังยากครับ มีบางบริษัทโฆษณาว่าได้ผลตอบแทนสูงมากถึง 3% แต่มาคิดจริงๆ ก็ได้แค่ 1.5% เพราะเขาคิดเงินปันผลด้วยซึ่งเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน ขึ้นกับผลการดำเนินงาน (แสดงว่า อาจจะไม่มีปันผลเลยก็ได้) และคิดเรื่องภาษี ก็อย่าลืมต้องเอามาเฉลี่ยตามระยะเวลาด้วย เช่น ประหยัดได้ 10% ระยะเวลา 10 ปี ก็ประหยัดได้ 1% ต่อปีเท่านั้นเอง จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 09:21:33

ความคิดเห็นที่ 15 คปภ. =  คณะกรรมการคุ้มครองบริษัทประกันภัย เพิ่งเข้าไปใช้บริการมา บอกได้เลยว่า  ถ้าเป็นกรณีที่ต้องตีความ เจ้าหน้าที่จะเขียนรายงาน  เข้าข้าง บริษัทประกัน เพราะคุ้นเคยกัน  สนิทสนม เกรงใจ ประชาชน ก็ทำได้แค่ ไป ร้องศาล หรือ อณุญาโตตุลาการต่อ แค่เปิดข้อมูลเผยว่า  บริษัทประกันต่างๆที่ถูกร้องเรียน และเป็นฝ่ายผิด  คิดเป็น%เทียบกับจำนวนเรื่องที่ถูกร้องเรียน และคิดเป็น% เทียบกับจำนวนกรมธรรม์  แต่ละบริษัท  มีตัวเลขอย่างไร แค่นี้ ก็เห็นสัน.........ดานบริษัทประกันแล้ว แค่นี้ก็ช่วยประชาชนได้แยะแล้ว กล้าทำไม๊ จากคุณ : มีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 09:40:59

ความคิดเห็นที่ 16 เสริม คห.8 สิ่งที่ทำให้พนัน ต่างจากประกันก็คือ พนัน     =   เราสร้างความเสี่ยงขึ้นมา ประกัน  =    ความเสี่ยงมีอยู่แล้ว ประกัน  =  หลักการดี  แต่เมื่อเป็นธุรกิจ ซึ่งต้องการผลกำไรสูงสุด                ผลมันก็จะออกมาเลวลง  เพราะผู้ปฏิบัติ จากคุณ : มีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 09:46:39

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนทำเซลล์บอก  มีอะไรให้บอกเขา  เขาอยากดูแลเรา พอมีเข้าจริง ๆ เขาบอกเชื่อเถอะแบบนี้ไม่ได้หรอก  เคยมีคล้ายกันแบบนี้แล้ว  เคลมไปก็ไม่ได้  เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกป่าวๆ   อยากเป็นเพื่อนกับเราอีกนาน จีงไม่ได้เคลม   ตอนนี้เอาเงินที่อยากซื้อประกอบเก็บลงทุนเอง  ถ้าเป็นอะไรไปจริง  ก็เอาออกมาใช้  สบายใจที่สุด  คิดว่าตอนตัวเปื่อยคงไม่มีกำลังไปโต้เถียงกับใครอีก จากคุณ : hogrong เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 11:44:45

ความคิดเห็นที่ 18 ประกันชีวิตเป็นสิ่งจำเป็นครับ ผมทำมา10กว่าปี เคลมมาหลายครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญคือ ความเข้าใจในตัวกรมธรรณ์ที่คุณทำ ผมประกันเฉพาะ ตัวสุขภาพตัวเดียว ไม่เคยต้องการออมทรัพย์กับประกัน เพราะไม่คุ้ม ไม่ต้องการทำเพราะเหตุผลทางภาษี เพราะไม่มีเงินเดือน เคยไปต่อสู้กับแผนก เคลมหลายครั้ง ในช่วง10กว่าปีมานี้ ผมเคลมได้ทุกครั้ง เพราะคุณต้อง อ่านกรรมธรรณ์เป็น รู้ว่าเค้าคุ้มครองอะไร ไม่คุ้มครองอะไร บางครั้งคำนิยามหลายคำในกรรธรรณ์จะเขียนด้วยภาษาทางกฎหมาย แต่ถ้าคุณเข้าใจ หรือลองปรึกษาผู้รู้ มันจะมีประโยชน์มาก ถึงมากที่สุด สำหรับการวางแผนในชีวิตของคุณ ทุกตัวอักษรอย่าเพียงแค่อ่านผ่าน ตีความมันแล้วคุณจะเข้าใจ มันจะเป็นเหมือนรักของคุณเลยทีเดียว จากคุณ : kop999kiat เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 14:27:25

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ เพื่อนเรียนจบวิชาประกันชีวิตมาจากสถาบันแห่งหนึ่งในไทย บอกสั้นๆคำเดียวว่า ที่เรียนมาสี่ปี ก็แค่สอนว่า จะโกงยังงัย ทั้งการออกแบบสินค้า การตีความ การออกกฎ มันบอกว่า ถ้าทำเพื่อภษี ก็ทำเถอะ แต่ถ้าทำเพื่อคุ้มครอง เอ่อ ... จากคุณ : civitavecchia เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:30:51

ความคิดเห็นที่ 20 ประกันมีหลายมุมนะคะ  อย่างเช่น ประกันชีวิต ประกันธุรกิจ ประกันวินาศภัย  เป็นต้น มุมดีๆของประกันที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็มี อย่างเช่น ประกันรถ  เวลามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เดี๋ยวนี้ก็สบายกว่าแต่ก่อนมากๆเมื่อมีการบังคับทำประกัน  เพราะเมื่อเกิดค่าเสียหายก็เรียกประกันมาเคลียร์  ลดการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมรถ ประกันธุรกิจก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย  ในกลุ่มก่อสร้าง  เพื่อลดความเสี่ยงของงาน อย่างเช่น งานเสร็จไม่ตรงเวลาต้องจ่ายค่าปรับ ก็มีประกันมาช่วยจ่าย   แล้วแต่ option ที่เราทำไว้กับประกัน ของดี มันขึ้นอยู่กับว่า คนจะใช้เป็นหรือไม่  อย่างเช่น มีด หรือ ปืน คนใช้ควรศึกษาให้ละเอียด  อย่าโทษว่าของไม่ดีหรืออันตรายถ้าเราไม่รู้จักศึกษาให้ถ่องแท้ อย่างประกันชีวิต ก็ต้องถามและศึกษาในละเอียด ให้รู้ขอบข่ายที่เราทำสัญญาไว้ ประกันชีวิตของญี่ปุ่น ก็ก้าวเข้ามาในระดับจ่ายสวัสดิการพนักงานเอกชนได้เท่าเทียมกับรัฐบาล นั่นไม่ใช่เพราะประกันเจริญ แต่เป็นเพราะคนทำประกันสนใจ ให้ข้อมูลความต้องการ และรับรู้ขอบข่ายของสัญญาเต็มที่ ประกัน เป็นดาบสองคม ที่คนใช้ไม่เป็น หรือใช้ไม่ดี หรือหัวใสเกินไป  ก็มีตัวอย่างระดับโลก เช่น CDS นี่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ของประกัน  ทำให้ธุรกิจอสังหาของ USA บูมหนัก  จนเมื่อใช้อย่างไม่ระมัดระวัง มันก็แตกออกเป็นปัญหาใหญ่ ประกันเหมือนการพนันหรือไม่  ถ้าพยายามจะคิดให้ได้ว่า ประกันคือการพนัน  ก็คงเป็นพนันในระดับปะทะกับเจ้าของคาสิโน  เพราะในมาเก๊า  คาสิโนส่วนใหญ่ซื้อประกันความเสี่ยงทางธุรกิจกับประกันของฮ่องกง   (ไม่ใช่วินาศภัยนะคะ แต่เป็นควางเสี่ยงในกรณี คาสิโนเจ๊ง) จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:08:47

ความคิดเห็นที่ 21 บางทีประกันก็แพ้ราบคาบนะครับ พวกประกันวินาศภัยเนี่ย เผาเอาประกันกันเยอะแยะ แล้วก็ใต้โต๊ะพวกคนทำเรื่อง.... จากคุณ : Equivocate เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 23:36:29