ความคิดเห็นที่ 1 ความเข้าใจเดิมนั้น ผมเคยคิดว่า ถ้าจ่ายยอดหนี้ยิ่งมาก ดอกเบี้ยจ่ายจะยิ่งน้อย นั้น.. ผิดมหันต์ครับ .. ไม่ว่าคุณจะจ่ายขั้นต่ำ 10% (ตรงวันกำหนดจ่าย) หรือจ่ายเกือบเต็มยอด 95% ก็จ่ายดอกเบี้ยเท่ากันครับ คือต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับยอดเต็มๆ ไม่ใช่ยอดคงค้าง ... งงไม๊ครับ (ผมก็เซ่ออยู่เหมือนกัน) กรณีของผมนั้น ยอดหนี้ 10000 บาท จ่ายแล้ว 8000 บาท ดอกเบี้ยถูกคิดเป็นจำนวน 220 บาท (11% ของยอดคงค้าง 2000) ดังนั้นเพื่อไม่ให้เพื่อนๆ พี่ๆ ที่อาจจะยังไม่ทราบเหมือนผม โปรดทราบ .. ถ้าท่านจ่ายไม่เต็มยอดหนี้ที่ได้รับแจ้ง กรุณาจ่ายขั้นต่ำก็พอแล้ว เพราะท่านจะไม่ได้รับคำชมเชยใดๆ เลย และต้องเสียดอกเบี้ยเท่ากันกับคนที่จ่ายขั้นต่ำครับ นี่คือเรื่องจริง. แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 52 21:56:56 จากคุณ : teeranet เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 20:55:10

ความคิดเห็นที่ 2 ก็สรุปว่าคิดดอกเบี้ยจากยอดคงเหลือใช่มั๊ยครับ จากคุณ : boydz เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:06:38

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่าเครดิตก่อน นะครับ คือเขาให้เครดิตคุณยืมเงินไปใช้ก่อน ถ้าจ่ายตรงเวลา เขาจะไม่เรียกร้องค่าดอกเบี้ยที่ให้ยืมใช้  .... เพราะงั้นทุกครั้งที่รูดบัตร ต้องนึกเสียก่อนว่าเรากำลังยืมเงินคนอื่นใช้ นะครับ จากคุณ : ไชโป๊ผัดไข่ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:09:56

ความคิดเห็นที่ 4 เพราะงั้นดอกเบี้ยมันเกิดตั้งแต่วันที่เราทำรายการ หรือรูดปรื้ดๆ แล้วครับ เพียงแต่ว่าดอกเบี้ยมันไม่ถูกบันทึก จะบันทึกก็ต่อเมื่อ   ถึงกำหนดที่เขาให้เครดิตคุณแล้ว คุณไม่คืนเงินที่ยืมเขามาหรือคืนแต่ไม่หมด จากคุณ : ไชโป๊ผัดไข่ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:13:26

ความคิดเห็นที่ 5 เคยเจอครับ เขามีวิธีคิดดอกเบี้ยแปลกๆครับ จากที่เขาโฆษณา Double Point Double Bonus พอตอนคิดดอกเบี้ยครับ จ่ายเงินช้าไป 2 วัน ถ้าจ่ายเงินช้าวันที่จ่ายก็ต้องไม่คิดดอกเบี้ย ? แต่เขากลับคิดดอกเบี้ยในวันที่จ่ายเงินด้วย ก็เลยถามเขาว่าทำไมคิดดอกเบี้ย 2 วัน คำตอบ คือ คิด 2 วัน คิดดอกเบี้ยเมื่อวานและวันนี้ก็คิดดอกเบี้ยด้วย เลยถามกลับ ถ้าไปฝากเงิน... ฝากเมื่อวานถอนวันนี้ ได้ดอกเบี้ยเงินฝากกี่วัน ? คำตอบคือ ได้วันเดียวคือเมื่อวาน วันที่ถอนไม่ได้ดอกเบี้ย เออ ดีหว่ะ Double Point Double Bonus ดับเบิ้ลดอก... ปล. Double Point Double Bonus แต่การจะเอา Point แลกของรางวัล ก็ต้องใช้ Point ที่มากกว่าปกติ 2 เท่าด้วยนะครับ และในบางครั้งกลับต้องใช้ Point มากกว่าที่อื่นอีกต่างหาก... จากคุณ : Pang-Tor เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:19:51

ความคิดเห็นที่ 6 คคห.2 ผิดครับ คุณคิดเหมือนที่ผมเคยคิด .. ว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้น ย้ำอีกรอบครับ .. ความเข้าใจเดิมนั้น ผมเคยคิดว่า ถ้าจ่ายยอดหนี้ยิ่งมาก ดอกเบี้ยจ่ายจะยิ่งน้อย นั้น.. ผิดมหันต์ครับ .. ไม่ว่าคุณจะจ่ายขั้นต่ำ 10% (ตรงวันกำหนดจ่าย) หรือจ่ายเกือบเต็มยอด 95% ก็จ่ายดอกเบี้ยเท่ากันครับ คือต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับยอดเต็มๆ ไม่ใช่ยอดคงค้าง ... งงไม๊ครับ สรุป ถ้าไม่ชำระยอด 100% ของที่ได้รับแจ้ง ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่ากับยอดเต็มๆ ครับ จากคุณ : จขกท. (teeranet) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:20:22

ความคิดเห็นที่ 7 หมายความว่าหนี้ 10,000 จ่าย 8,000 ดอกเบี้ยคิดจากเงินยอด 10,000 เหรอครับ?? จากคุณ : เราชอบคนรักกัน เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:29:03

ความคิดเห็นที่ 8 คิดดอกเบี้ยจากยอด 10,000 บาท นับตั้งแต่วันที่คุณรูดบัตรซื้อของ จนถึงวันที่คุณชำระหนี้หมด เต็มจำนวน ถ้าคุณจ่ายเต็มจำนวน ภายในวันที่กำหนด (due date) ธนาคารจะยกเว้นดอกเบี้ยให้ จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:43:57

ความคิดเห็นที่ 9 คิดจากยอดเต็มค่ะ เคยโดนเหมือนกัน 700 กว่าบาท จากนั้นก็จำจนตายค่ะ ว่าถ้าไม่มีตัง ให้จ่ายขั้นต่ำพอ 1000 จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:05:53

ความคิดเห็นที่ 10 สรุปว่าหนี้ 10,000 จ่าย 8,000 คงเหลือยอดค้างชำระ 2,000 แต่ต้องมีดอกเบี้ยจากยอดแรกคือ 10,000 นับตั้งแต่ที่รูดบัตร ดังนั้นการจ่ายไม่ครบจำนวน ไม่ว่าจะจ่ายแค่ขั้นต่ำหรือเท่าไหร่ก็ตามก็เสียดอกเบี้ยเท่ากัน เป็นของงวดถัดมาใช่มั๊ยครับ ถ้าหากเราเลือกจ่ายขั้นต่ำทุกๆงวดเราก็จะเสียดอกเบี้ยมากกว่าเลือกจ่าย 8,000 เพราะต้องชำระมากงวดกว่า ดังนั้นกรณีจ่ายไม่เต็มจำนวน เลือกจ่าย 8,000 เสียดอกเบี้ยน้อยกว่าเลือกจ่ายขั้นต่ำ อย่างนี้คิดถูกมั๊ยครับ จากคุณ : เราชอบคนรักกัน เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:13:02

ความคิดเห็นที่ 11 เพิ่งรู้นะเนี่ย ดีว่าจ่ายเต็มทุกงวดครับเนี่ย จากคุณ : หนุ่มไฮโซ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:55:17

ความคิดเห็นที่ 12 การจะทำธุรกรรมทางการเงิน ควรจะศึกษาผลได้ผลเสียให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืม ทำบัตรเครดิต ซื้อหุ้น ซื้อกองทุน ซื้อ LTF/RMF ประกัน เรื่องการคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตนี่ เห็นมาโพสต์ในห้องนี้กันหลายทีแล้วครับ ผมเชื่อว่า ถ้าสนใจอ่านเอกสารของเขาสักหน่อย ก็จะรู้วิธีคิด เพราะ เท่าที่ผมเห็นมีตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยในเอกสารเขาอยู่แล้ว จากคุณ : อวิรุืทธ์ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 23:07:10

ความคิดเห็นที่ 13 มาอ่าน จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 23:38:51

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าคิดเฉพาะงวดนั้น ก็คงจะเป็นอย่างนั้น จ่ายขั้นต่ำ หรือจ่ายเกือบครบ ก็เสีย ดบ. สำหรับงวดนั้น เท่ากัน แต่ จะต่างกันตรงที่ -ถ้าคุณจ่าย 1000 รอบต่อไปคุณจะถูกคำนวณ ดบ. จากยอดคงค้าง 9000 -แต่ถ้าจ่าย 9000 รอบต่อไปคุณจะถููกคำนวณ ดบ. จากยอดคงค้าง 1000 (กรณีที่งวดต่อไปไม่ได้ใช้อะไรอีก  แต่ถ้าใช้ก็จะโดนคิด ดบ. จากยอดใช้ส่วนนึง และ ดบ. จากเงินคงค้างอีกส่วนนึง) จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 00:21:38

ความคิดเห็นที่ 15 จขกท ลองทำความเข้าใจใหม่ คุณเข้าใจถูกแค่ครึ่งเดียว ตามความเห็น 14 ถูกต้องแล้ว ตามที่คุณเล่ามา คุณจะถูกคิดดอกเบี้ยยอด 10000 ถึงวันที่คุณจ่ายเงินไป 8000 แล้วหลังจากนั้นจะถูกคิดที่ยอด 2000 ถึงวันครบบิล ยังไงดอกเบี้ยที่คิด ก็น้อยกว่าถ้าคุณจ่ายแค่ขั้นต่ำ จากคุณ : delight เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 06:47:19

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยรู้หรอกครับ แต่เป็นเรื่องที่คนจำนวนไม่น้อยไม่ใส่ใจมากกว่า ปกติวิธีการคิดดอกเบี้ยจะมีอยู่ในเอกสารคู่มือที่แนบมากับบัตรในครั้งแรก และมีอยู่ที่ด้านหลังของใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตของเกือบทุกธนาคาร แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยไม่เคยสนใจที่จะอ่านและทำความเข้าใจ จะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อโดนเรียกเก็บดอกเบี้ยไปแล้ว ปกติเวลาผมได้รับบัตรเครดิต ผมจะอ่านคู่มือทุกครั้งและอ่านอย่างต่ำ 3 รอบ เพราะแต่ละธนาคารอาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน แม้ข้อความจะใช้ตัวเล็กก็ต้องพยายามอ่าน เพราะนึกอยู่เสมอว่า ธนาคารไม่ยอมเสียเปรียบลูกค้าอยู่แล้ว แม้แต่ในใบแจ้งหนี้ ผมก็จะคอยสังเกตว่ามีข้อความอะไรเพิ่มเติมห้อยท้ายมาเป็นพิเศษในแต่ละเดือนบ้าง เงื่อนไขโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ลงในแผ่นพับหรือหนังสือพิมพ์ก็มักจะมีเครื่องหมายดอกจันกำกับ แล้วต้องไปอ่านบรรทัดล่างด้วยตัวหนังสือขนาดเล็กเป็นพิเศษ ก็ต้องอ่านและทำความเข้าใจ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็โทรถามธนาคารให้เคลียร์กันตั้งแต่แรก ผลประโยชน์ของเรา เราต้องรักษา คงต้องฝึกนิสัยให้เป็นคนรักการอ่านและช่างสังเกตกันมากขึ้น จะได้ไม่เสียอารมณ์หรือรู้สึกว่าธนาคารเอาเปรียบในภายหลัง จากคุณ : สรกฤช (สรกฤช) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 08:29:28

ความคิดเห็นที่ 17 ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมในกระทู้นี้ครับ ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากรณีนี้ ผมเพิ่งเคยจ่ายไม่เต็มยอดเพียงครั้งเดียว และเห็นวิธิคิดดอกเบี้ยแล้ว ก็เกิดอาการงงว่า ทำไมไม่คิดจากยอดค้าง แต่ไปคิดจากยอดเต็ม เมื่อศึกษาดูจึงรู้ว่า ถ้าคุณจำเป็นที่จะจ่ายไม่ครบ คุณควรจ่ายแค่ขั้นต่ำก็พอ แต่ไม่ได้มีเจตนาให้ผู้ใช้บัตรฯ จ่ายแค่ขั้นต่ำ เพราะดอกเบี้ยบัตรนั้น 20% ต่อปี (ซึ่งมันโหดร้าย) ดังนั้นผลการเรียนรู้เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ... 1. ใช้เท่าที่จำเป็น และจ่ายเต็มทุกงวด 2. ถ้าจะจ่ายไม่เต็มยอด ก็จ่ายแค่ขั้นต่ำ 10% ก็พอ 3. พึงระลึกว่าดอกเบี้ยบัตรนั้นคิดรายวัน ด้วยอัตรา 20%-26% ต่อปี คุณจะหาผลตอบแทนขนาดนี้ได้จากการลงทุนประเภทไหนมาชดเชย ดังนั้นไม่ควรค้างจ่ายนานนัก รอบบช.เดียวก็เข็ดแล้ว ขอให้ทุกท่านจงมีสติคู่กับปัญญาในการดำเนินชีวิตด้วยเถิด จากคุณ : จขกท. (teeranet) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 08:32:00

ความคิดเห็นที่ 18 ยากจังดอกเบี้ย พวกนี้ ต้องมานั่งคำนวณเลยไม่กล้าเป็นหนี้เลย เคยลืมจ่าย เซ็นทรัลคาร์ด ยอด 100 กว่า พอดีย้ายบ้าน เลยไม่ได้รับบิลค่าใช้จ่าย มีบิลมามีค่าทวงหนี้ ด้วย (ไม่เห็นโทรมา หรือบอกอะไรเลย ) แต่คิดเป็นร้อย เลยเลิกใช้ทันที ไม่โทษเขา โทษเรา จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะดูบิล หรือย้ายที่อยู่ แจ้งทุกบิล ทุกบริการ จากคุณ : แก๊งเหมียวอาละวาด เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 11:12:14

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากค่ะ กระทู้ดีมีสาระ จากคุณ : มาสคาร่าฟ้าใส เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 11:49:27

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับ ตัวผมมีบัตรเครดิต 20+ ใบ แต่ไม่เคยใช้แม้แต่ครั้งเดียว(ใช้กรรไกรตัดทิ้งทุกใบ )ไม่เคยโทรไปขออนุมัติบัตร เพราะ รู้เหมือน จขกท ครับ จากคุณ : thongchai9309 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 12:15:48

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ สำหรับข้อแนะนำนะครับ ผมว่าจะโทษลูกค้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้หรอกครับ ผมเชื่อว่าลูกค้าทุกคนก็คงรักษาผลประโยชน์ตัวเองกันอยู่แล้วละครับ แต่ที่หน้าแปลกคือ ผมรู้สึกว่าข้อกำหนดพวกนี้มันอ่านเข้าใจได้ยากจริงๆบางที แถมบางทีก็มักจะมีข้อกำหนดที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ ถ้าไปเทียบกับแบงค์เมืองนอก ข้อกำหนดต่างๆจะเขียนกระจ่างแล้วก็เข้าใจได้ง่ายกว่ามาก แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 52 14:37:30 จากคุณ : Jefjung เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 14:23:27

ความคิดเห็นที่ 22 จำนวนวันที่ใช้คำนวณเบี้ยก็ต้องระวังด้วยครับ เมื่อก่อนการนับจำนวนวันใช้คำนวณดอกเบี้ยเขาจะนับจากวันสรุปยอด statement แต่ตอนหลังเขาเปลี่ยนไปนับจากวันที่เกิด transaction นั้นๆ ดังนั้นถ้ามียอดรูดบัตรเท่ากัน2ยอด แต่รูดคนละวันกัน ดอกเบี้ยที่เกิดจากการผิดนัดชำระจะไม่เท่ากัน จากคุณ : netaddict เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 14:47:54

ความคิดเห็นที่ 23 เพิ่งโดนมาเหมือนกันเลยค่ะ แอบเซ็งมากๆ จากคุณ : ครีมเค้ก เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 18:43:28

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามายืนยันคห.14 และ 15 ครับ กรณีชำระเต็มไม่ไหว แต่ต้องการให้เงินต้นมันน้อยลง (ดบ.จะคิดคำนวณตามเงินต้น) และเห็นด้วยกับบทสรุป ของ จขกท. คห.17 กรณีหากชำระเต็มไม่ไหว ก็จ่ายขั้นต่ำไปก่อนก็ได้ และต้องหยุดใช้บัตรไปก่อนซักพักหนึ่ง จากคุณ : D-cline เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 21:41:24

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่จำเป็นต้องรู้ครับว่าคิดอย่างไร... เพียงแค่ก่อนใช้บัตร มีเงินพอชำระ ถึงจะใช้ จากคุณ : SummerMan เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 06:32:47

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Iceclover เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 18:33:00

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเจ้าของกระทู้นะครับ ถึงอย่างไรก็ตามไม่ควรจ่ายแค่ขั้นต่ำ ควรจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ เพราะงวดแรกนั้นเราจะโดนดอกเบี้ยจากยอดเต็ม 10000 ถึงวันที่จ่าย แต่นับจากวันที่เราจ่ายเงินไปจนถึงวันครบกำหนดในงวดต่อมา เราจะเสียดอกเบี้ยแค่ส่วนของยอดที่เหลือนะครับ ถ้า ซื้อของวันที่ 1 ต.ค. ราคา 10000 บาท กรณีที่ 1.ครบดิลวันที่ 15 พ.ย. เราไปจ่าย 8000 บาท งวดแรกอาจจะเสียดอกของ 10000 (45 วัน 1ต.ค.-15พ.ย.) บาท และถ้างวดต่อมา 15 ธ.ค. เรายอมจ่ายเต็ม เราจะต้องจ่าย 2000 + ดอกของส่วน 2000 (30วัน 15พ.ย.-15ธ.ค.) นะครับ กรณีที่ 2.ครบดิลวันที่ 15 พ.ย. เราไปจ่าย 1000 บาท งวดแรกอาจจะเสียดอกของ 10000 (45 วัน 1ต.ค.-15พ.ย.) บาท และถ้างวดต่อมา 15 ธ.ค. เรายอมจ่ายเต็ม เราจะต้องจ่าย 9000 + ดอกของส่วน 9000 (30วัน 15พ.ย.-15ธ.ค.) นะครับ ซึ่งดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดที่ 2 ก็แตกต่างมากแน่ๆ ระหว่างจ่ายมากที่สุดกับจ่ายแค่ขั้นต่ำ และหากมีการค้างไปอีกหลายงวด ก็จะยิ่งต่างกันนะครับ จากคุณ : phumipun เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 00:51:45