|
ทองคำ...การลงทุนที่น่าสนใจ
|
|
ยงานโดย :ศูนย์วิจัยกสิกรไทย: วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ราคาทองคำโลกที่ได้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดครั้งใหม่ตามไปด้วย
โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อที่ 18,350 บาท ขายออก 18,450 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 18,085 บาท ขายออก 18,850 บาท
หากเทียบกับสิ้นปี 2551 นั้น ราคาทองคำโลกล่าสุด เพิ่มขึ้นมาแล้วถึง 33% และราคาทองคำแท่งในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นมาแล้ว 31% เป็นรองเพียงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 92% และดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้น 53%
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับข้อมูลอัตราผลตอบแทนจากราคาทองคำโลกและทองคำแท่งในรูปเงินบาท พบว่า อัตราผลตอบแทนในปีนี้ปรับสูงขึ้นทำสถิติใหม่ที่ระดับ 33% เกินกว่าในปี 2550 ซึ่งอัตราผลตอบแทนของราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 31%
เมื่อมองไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก ภายใต้มุมมองในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่คงจะช่วยหนุนความต้อง การทองคำในภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันเงินเหรียญสหรัฐก็ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไปอย่างน้อยก็ ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ตราบใดที่ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าราคาทองคำก็ยังขยับขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากในปีหน้าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่ได้เป็นไปตามคาด รวมทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกและแรงกดดันเงินเฟ้อไม่ขยายตัวมากนัก อาจส่งผลให้ราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์เผชิญความผันผวนได้
การลงทุนในทองคำจึงน่าจะยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งน่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์และสูง กว่าเงินเฟ้อ
สำหรับนักลงทุนรายย่อยนั้น การลงทุนในทองคำสามารถทำได้หลายวิธีทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งการลงทุนในแต่ละวิธีต่างก็มีข้อดีและ ข้อด้อยที่แตกต่างกัน
lทองรูปพรรณและทองคำแท่ง เดิมทีคนไทยเลือกลงทุนในทองคำผ่าน การซื้อทองรูปพรรณเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับ และชอบสะสมทองรูปพรรณเพื่อการออมและการสะสมความมั่งคั่งอีกด้วย
ปกติราคาทองรูปพรรณมักจะสูงกว่าราคาทองคำแท่ง เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากค่ากำเหน็จ แต่เมื่อนำทองรูปพรรณไปขายคืนให้กับร้านทอง ผู้ลงทุนอาจถูกหักค่าสึกหรอ เนื่องจากน้ำหนักทองคำที่ลดลงไปบ้างหลังผ่านการใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งร้านทองจะตีราคาทองรูปพรรณตามน้ำหนักทองคำที่เหลืออยู่จริง
ต่อมานักลงทุนไทยหันมาให้ความสนใจที่จะลงทุนในทองคำแท่งเพื่อการ เก็งกำไรในระยะยาวมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันนักลงทุนสามารถลงทุนในทองคำแท่งเริ่มต้นตั้งแต่ทองคำน้ำหนัก 50 สตางค์ 1 บาท ไปจนถึง 100 บาท
lสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) เป็นตลาดที่เพิ่งเกิดใหม่เพียง 10 เดือน สัญญา Gold Futures เป็นสัญญาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงกันวันนี้ว่าจะซื้อขาย ณ ราคาที่ตกลงไว้ในอนาคต
การลงทุนในทองคำผ่านตลาด Gold Futures นั้น จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 66,500 บาท ต่อ 1 สัญญา (Initial Margin คือ เงินวางค้ำประกันเริ่มแรก ประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา) ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในทองคำจริงๆ ที่ผู้ลงทุนต้องจ่ายชำระเงินเต็มจำนวนตามน้ำหนักของทองคำที่ซื้อ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Gold Futures จะไม่มีการส่งมอบทองคำจริงให้กับผู้ลงทุน แต่จะใช้วิธีการจ่ายชำระเงินตามส่วนต่างกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นด้วยเงินสด ซึ่งการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 500 บาท ต่อ 1 สัญญา (1 สัญญา เท่ากับ ทองคำ 50 บาท) แต่หากซื้อขายจำนวนมากต่อวัน ก็จะมีส่วนลดตามขั้นบันได
กลยุทธ์การทำกำไรในสัญญา Gold Futures นั้น นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์การลงทุนได้ทั้งทิศทางราคาทองคำขาขึ้นและทิศทาง ราคาทองคำขาลง ทำให้นักลงทุนต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างสม่ำเสมอ โดยหากนักลงทุนขาดทุนมากจนกระทั่งเงินลงทุนต่ำกว่าระดับหลักประกันรักษาสภาพ ที่ระดับ 46,500 บาท ต่อ 1 สัญญา (Maintenance Margin คือ วงเงินที่นักลงทุนจะต้องรักษาระดับเงินในบัญชีไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือ 70% ของ Initial Margin)
นอกจากนี้ หากสถานะ Gold Futures ที่ถือครองอยู่เกิดผลขาดทุนมากจนกระทั่งเงินหลักประกัน (Initial Margin) ลดลงไปต่ำกว่าระดับบังคับปิดสถานะที่ระดับ 19,950 บาท (Force Close) และผู้ลงทุนไม่สามารถฝากเงินเข้ามาภายใน 1 ชั่วโมง ตามที่โบรกเกอร์รายงานไป สัญญา Gold Futures อาจถูกโบรกเกอร์ปิดสถานะเพื่อหยุดผลขาดทุนดังกล่าว
lกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ ถือว่าสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำให้มากที่สุด มี 2 ลักษณะ
1.กองทุนรวมที่ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งในต่างประเทศ (Gold Fund) อาทิ SPDR Gold Trust (หรือ StreetTRACKS Gold Trust) ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของกำไรส่วนเกินในกองทุนใน ต่างประเทศ หรือผลตอบแทนการลงทุนในตราสารอื่นๆ ที่กองทุนเข้าลงทุน เช่น หากผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก 10 บาทต่อหน่วย ต่อมามูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มเป็น 11 บาทต่อหน่วย แสดงว่าผู้ลงทุนได้กำไร 1 บาทต่อหน่วย
แต่ลงทุนขั้นต้นในกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำดังกล่าว จะเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มลงทุนโดยใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก และสามารถถือครองหน่วยลงทุนได้ยาวนานตามต้องการ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการกองทุน 1.2-1.3% ของมูลค่าหน่วยลงทุน
เหมาะกับนักลงทุนที่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนในทองคำ และต้องการลงทุนผ่านการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุน
2.กองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ (Gold Linked Fund) จะเน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศ กองทุนจะได้รับการชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อครบอายุตราสารในรูปสกุลเงิน ตราต่างประเทศ (อายุสัญญา 1-2 ปี) และตัดสินใจลงทุนในตราสารฉบับใหม่ต่อไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหน่วยลงทุนในกรณีที่มีการ คาดการณ์ทิศทางของราคาทองคำตามที่กำหนดไว้ นั่นคือ หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนใน Structured Note ที่อ้างอิงกับราคาทองคำเพิ่มเติม (ประมาณ 8.0-12.0%) ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยในการช่วยหนุนให้มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมดังกล่าว ปรับสูงขึ้น
แต่หากราคาทองคำ ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาลงทุนน้อยกว่าราคาทองคำ ณ วันแรกที่ทำสัญญาลงทุน กองทุนจะไม่ได้ผลตอบแทนจากตราสารดังกล่าวแต่จะยังคงได้รับเงินต้นคืนในรูป สกุลเงินตราต่างประเทศ (อัตราผลตอบแทน 0%)
สำหรับมูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งแรกของกองทุนรวมประเภท Gold Linked Fund นั้น เริ่มต้นที่ประมาณ 1 หมื่นบาทขึ้นไป มีระยะเวลาการลงทุน 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม อาจเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
จากโอกาสการปรับขึ้นของราคาทองคำในระยะถัดไป คงจะทำให้การลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจมากขึ้น แต่การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรตระหนักถึงอัตราผลตอบแทนที่ตนเองคาดหวังและระดับความเสี่ยงที่ ยอมรับได้
จากคุณ |
:
todbig
|
เขียนเมื่อ |
:
25 พ.ย. 52 13:49:36
|
|
|
| |