ความคิดเห็นที่ 1   Technical Analysis ทำกำไรได้จริงครับ แต่ไม่สามารถทำกำไรได้ตลอดไป เราจะสามารถทำกำไรได้ต่อเมื่อเราหาวิธีการใหม่หรือช่องว่างในตลาดได้ก่อนคนอื่น แล้วก็ปิดช่องว่างตรงนั้นเอามาเป็นกำไร แต่เมื่อทุกคนค้นพบช่องว่างเดียวกัน กำไรก็จะหมดไปครับ แล้วที่สำคัญคือ ต้นทุนครับ ถ้าเราหาช่องว่างได้แต่ต้องใช้ต้นทุนที่สูงจนไม่มีกำไรเหลือ เราก็เลือกที่จะไม่ทำมัน... ผมว่าตอนนี้ technical analysis นั้นมาในมุมมองอื่นๆที่มากกว่าดูคลื่น ดูกราฟแล้วนะครับ เช่นพวก econometric, financial engineering.... ด้วยความที่ว่าเดี๋ยวนี้ technology ก้าวไกลและมีราคาถูก ทำให้เราไม่ต้องไปนั่งดูเอง แต่เราตั้งโปรแกรมในการทำงานให้เราได้ครับ.... เพียงแค่ว่าต้องใช้ทักษะที่สูงและเทคโนโลยีที่แพงพอสมควร แต่ก็ทำกำไรได้มหาศาล ตอนนี้บุคคลทางด้านนั้นเลยเป็นที่ต้องการมากในตลาดการเงิน ณ ตอนนี้ครับ อันนั้นคือภาพรวมของตลาดโลกนะครับ แต่ผมเชื่อว่าถ้าเป็นในเมืองไทย Technical Analysis แบบดูคลื่น ดูกราฟ อาจจะยังได้ผลอยู่บ้าง เพราะตลาดยังไม่ sophisticated เพียงพอ ยังมีช่องว่างให้นักฉกฉวยได้ทำกำไรอยู่บ้างครับ.... แต่ผมก็ไม่ค่อยสนใจนะ รู้ไว้นิดหน่อยก็พอ จากคุณ : GG เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 15:43:51 A:220.233.39.236 X: TicketID:220212

ความคิดเห็นที่ 2 ที่คุณ GG พูดนี่คือเทคนิคที่เรียกว่า high frequency trading ใช่มัยครับ คือเรื่องที่เทรดตาม model ที่พวก quant ออกแบบมา ผมเชื่ออ่ะครับว่าทำกำไรได้ เพราะพวกนั้น model มันถูกพัฒนามาเฉพาะ แล้วมีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์รองรับ แต่แบบพวก technical ที่ผมพูดถึงคือพวกดูกราฟ พวก Elliott wave พวก momentum นี่มันทำกำไรได้จริงๆเหรอครับ?? เอ๊ะ อีกเรื่อง รบกวนถามคุณ GG หน่อย ว่าทำงานด้านไหนอยู่เอ่ย(ถ้าพอจะเปิดเผยได้อ่ะนะครับ) ขอบคุณครับ จากคุณ : nOth!Ng เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 15:57:18

ความคิดเห็นที่ 3   ผมไม่ค่อยรู้เรื่อง Technical Analysis จริงๆครับ ไม่รู้ว่า รูปแบบไหนยังไง? แต่ที่ผมพูดโยงกัน เพราะผมมองว่ามันมีสิ่งเชื่อมโยงกันอยู่ครับ 1. ใช้ historical data ในการวิเคราะห์ 2. หา pattern เพื่อสร้างรูปแบบในการเทรด คำพููดของผมมันอาจจะทำให้สับสนครับ แต่ผมคิดว่า Technical analysis มันจะหมดไป โดย Econometrics เข้ามาแทนที่ครับ (ผมพูดถึงด้านพวก Quantitative analysis นะครับ) เพราะจริงๆ ด้าน Econometrics มันไปไกลกว่านั้นเยอะครับ มันจับ pattern ของการเทรดไม่ใช่แค่ด้วยตา แต่ด้วยสูตรและรูปแบบอื่นๆครับ ผมทำให้งงไหมครับเนี่ย ... (ผมเริ่ม งงเองละ :D ) ขอโทษนะครับที่ทำให้สับสน รอฟังความเห็นคนอื่นดีกว่าครับ ผมก็เป้นนักเรียนนี่ละครับ... ยังไงก็ขอโทษนะครับถ้าทำตัวเหมือนรู้มากไปหน่อย - -' จากคุณ : GG เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 16:30:51 A:220.233.39.236 X: TicketID:220212

ความคิดเห็นที่ 4   มันก็แค่เอาข้อมูลจับในอดีตจับมาใส่สูตรแล้วก็ plot กราฟ แล้วแปรค่า ส่วนจะใช้วิธีไหนก้ขึ้นอยู่กับบุคคล ถ้าสนใจก็ลองหาหนังสือมาอ่านครับ มีสูตรคำนวณนวณรองรับเหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจสูตรก็น่าจะเข้าใจตัวเครื่องมือที่เราใช้ แต่ผมว่าน้อยคนที่จะดูเรื่องนี้ ส่วน Elliott wave ผมว่าคนเขียนเอามาเขียน แล้วบอกว่าจะซื้อ-ขายตรงไหน ใครๆก็ทำได้เพราะเอาราคาเก่ามาดู แล้วบอกว่าคลื่นนี้ A B C .... แต่ในชีวิตจริง เราคาดการณ์ถูกหรือเปล่าแค่นั้นเอง สรุปผมไม่ค่อยเชื่อ แต่เอาไว้ดูเป็นแนวโน้มมากกว่า จากคุณ : โจ เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 18:39:05 A:202.176.81.253 X: TicketID:205377

ความคิดเห็นที่ 5 ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ ดูเือนเวลาพูดถึง Technical analysis คนจะไให้น้ำหนักกับ Elliott wave ซะมาก แต่ในความเป็น จริง Technical analysis ยังมี indicator อีกหลายตัว เช่น RSI, MACD, ADX บลาๆ โดยคามเห็นผม ผมว่า Econometrics กับ Technical analysis ทำงานคนละ Function กัน และคนละหลักการกัน Econometrics จะออกไปแนวหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆเอามาทำนายดัชนีตลาดซึ่งจะเป็นลักษณะของ Cross section ซะมากกว่า (แต่สำหรับ ARIMA ถึงมันเป็น time series แต่ถ้าลองเอาสมการมันไป plot ดูจะเห็นว่าไม่ตรงกับราคาจริงๆในตลาดเลย เอาไปใช้ Trade ทำกำไรก็คงไม่ได้) แต่ Technical analysis เป็นอีกเรื่องนึงครับ (ในความคิดผมนะ) มันคือเรื่อง จิตวิทยามวลชนครับ Technical analysis จะบกว่าควรซื้อควรขายโดยใช้ indicator บอกว่ามัน oversold, overbought หรือเปล่า แล้วใช้ตัดสินใจซื้อขาย ถามผม ผมเองเรียน econometrics มา ใช้บ้างบางครั้ง แต่ก็ดู T/A ประกอบด้วยครับ ปล. ไม่มีอะไรที่ถูกต้องได้ 100% อยู่ที่เข้าใจหรือเปล่าว่าอะไรที่จำกัดมันให้เป็น 100% ไม่ได้และใช้มันอย่างระมัดระวัง จากคุณ : Black-ops เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 20:32:02

ความคิดเห็นที่ 6   เห็นด้วยกับคุณข้างบนครับ ตรงที่ว่ามันเป็น "จิตวิทยามวลชน" บางครั้งผมเชื่อ Technical มากกว่า Fundamental อีกครับ (ไม่รู้จะสอบ CFA ไปทำไม 555) ไม่รู้สิ บางครั้งการอธิบายแบบพื้นฐาน มันเหมือนหาผลมารองรับเหตุมากกว่า พอตลาดลงก็จับเอา และต่อให้พื้นฐานดีแค่ไหน ถ้าคนเฮโลกันขายทิ้งหมด ตลาดมันก็ตกอยู่ดี เช่นช่วงวันนี้ ขึ้นมา แล้วก็กลับลงไปใหม่ fundamental อธิบายอะไร? ช่วงที่นักวิเคราะห์พื้นฐานฟันธงว่าหุ้นพันจุดกันทุกสำนัก แล้ววันนี้คืออะไร? อีกอย่างคือ Technical มักไม่โกหกครับ แต่อยู่ที่ว่าคุณจะแปลได้หรือไม่ได้ และทฤษฎีที่คุณใช้วัดจิตวิทยาได้แค่ไหน ไม่งั้นเฮีย Dow แกไม่ได้กำไรแบบไม่บอกใครยังงี๊หรอกครับ แต่ผมว่าถ้าจะทำกำไรให้แน่นอนจริงๆ ทำกำไรกับ arbirage trade ง่ายกว่าเอ้ย เสี่ยงน้อยกว่าครับ (แต่อาจจะโดนค่า fee กินหมด ถ้ายังไม่เปิดเสรีหรือไม่ใช่ prop trade) แต่ๆๆๆๆ แต่สำหรับคนที่ลงทุนระยะยาว ปัจจัยพื้นฐานก็ยังสำคัญ(มาก)อยู่ครับ เฮีย Buffet แกถึงได้รวยขนาดนี้ เป็นกำไรที่ยั่งยืนกว่า ผมพิมพ์เร็วๆนะ ผิดถูกยังไง ขออภัยครับ จากคุณ : ShadowDio เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 20:50:48 A:124.122.229.184 X: TicketID:171218

ความคิดเห็นที่ 7 ออกตัวก่อนนะครับ ผมยังไม่ได้ศึกษาด้านนี้เลย แต่เท่าที่อ่านมาจากบอร์ดฝรั่ง มันเหมือนกับว่า T/A เนี่ยมันค่อนข้างจะ 100 คน ดูกราฟ ก็ตีความไป 100 อย่าง แล้วสมมตินะครับ ในตลาดที่ค่อนข้างจะ efficient เช่น nyse เนี่ย indicators ต่างๆ สามารถ predict trend ได้มากน้อยแค่ไหนครับ แล้วถ้าจะเริ่มศึกษาเนี่ย ควรเริ่มจาก theory หรือว่า tool ตัวไหนก่อนดี (ที่ใช้กันบ่อยๆ และมีประโยชน์) ขอบคุณครับ จากคุณ : nOth!Ng เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 21:00:50

ความคิดเห็นที่ 8 Technical ใช้ได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกสถาณการณ์ คือ เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ พวกที่บ้าๆ Technical มักจะเป็นพวก Overconfidence จัดๆ ยิ่งพวกที่เขียนตามโบรคน่ะ ไม่ต้องไปเชื่อหรอก ถ้าเค้าเก่งจริง สามารถเทรดได้กำไรตลอด ขอแค่วันละ 1% ก็ไม่ต้องทำมาหากินแล้วครับ จากคุณ : Resurrection เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 00:14:53

ความคิดเห็นที่ 9   ผมขอออกความเห็นในแบบของผมเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ :D ผมเห็นด้วยครับว่า T/Aมันเป็นจิตวิทยามวลชน ถ้าทุกคนในตลาดเทรดแบบ T/A ... ราคาในตลาดก็จะวิ่งไปตามนั้นแน่นอนครับ แต่ถ้าทุกคนในตลาดเทรดแบบ Econometrics ราคาก็จะวิ่งไปตามนั้นอีกเช่นกัน ใช่ไหมครับ? เพราะเมื่อราคาหลุดจากที่เป็น นักเทรดในสไตล์นั้นๆที่คิดว่าตัวเองทำกำไรได้ ก็จะวิ่งเข้ามาทำกำไรกัน แล้วก็ทำให้ราคาวิ่งไปตามที่เราเทรดด้วย ใช่ไหมครับ? ผมมองว่า ในตลาดเมืองไทยยังไม่มีพวก FE หรือ Econometrics มากพอ ที่จะทำให้ตลาดวิ่งไปตามราคาเหล่านั้นได้ .... ราคาเลยถูกกำหนดโดย T/A มากกว่า แต่ถ้าเป็นเมืองนอก ผมว่าพวก T/A ต่างๆอาจจะใช้ไม่ได้ผลแล้วมั้งครับ เพราะราคามันไม่ได้วิ่งไปตามน้้นแล้ว จากคุณ : GG เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 03:34:56 A:220.233.39.236 X: TicketID:220212

ความคิดเห็นที่ 10 เอ่อ ขอโทษทีนะครับที่เพิ่งจะว่างมาตอบ ตอบคุณ nOth!Ng สำหรับที่คุณว่า T/A 100 คนก็ตีความ 100 อย่าง อันนี้ผมเห็นด้วยครับ เพราะ T/A เป็นศิลป์ไม่ใช่ศาสตร์ คนที่สามารถทำกำไรได้ไม่ใช่คนที่ดูแต่  T/A ตัวใดตัวหนึ่งแล้ว แต่คนที่ทำกำไรได้ต้องดูหลายๆตัวรวมกับข่าวของหุ้นตัวนั้น เพราะ T/A ไม่สามารถ Reflect ข่าวได้ มัน Reflect แต่ความรู้สึกคน เพราะฉะนั้นจะเอาอะไรตายตัว 100% คงทำไม่ได้ นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมคน 100 คนถึงรวยอยู่ไม่กี่คน เพราะจะมีซักกี่คนที่เข้าใจความหมายที่ T/A แต่ละตัวบอกและตีความหมายได้อย่างถูกต้องรวมถึงเข้าใจว่ายังขาดอะไรในข้อมูลและต้องไปหาส่วนที่เหลือมาจากไหน โดยส่วนตัวผม ผมจะดู T/A ของ SET50 แล้วจะเห็นว่าโดยรวมไปทางไหน จากนั้นค่อยไปดูว่า หุ้นรายตัวมีข่าวอะไร แล้วค่อยคิดว่าจะ Trade อย่างไรแค่ไหน ปล. ผมทำ model ecoometrics บางอันมาช่วยเวลาจะประเมินว่ามัน Over/under price หรือเปล่าด้วยนะครับ แ่ยังไม่ค่อยถูกซักเท่าไหร่ก็ขอยังไม่เปิดเผยแล้วกัน อิอิ จากคุณ : Black-ops (Black-ops) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 01:59:32

ความคิดเห็นที่ 12 อืม.. ใน ฐานะที่ ทำงาน ที่ต้อง ใช้ TA ซะเป็น ส่วนมากครับ และขอออกตัว ด้วยครับว่า ยังไม่ได้ เรียน พวก economitrics เลย แต่ Quatitative analysis ก็ เริ่มๆ บ้างล่ะครับ ผมจะเรียนคนล่ะที่กับพวกพี่พี่ แน่แน่ เลย แฮ่.. อืมม.. เห็นด้วยกับ ทุกๆ คห . ครับ ส่วนตัว แล้ว ในทาง ปฎิบัติ เรา ต้องแยกการ trade กับ investment ออกกันอย่าชัดเจน พื้นฐาน ของ chart pattern ต่างๆ มันเกิด ขึ้นจาก จิตวิทยามวลชนล้วนๆ อันนี้ เห็นด้วยครับ แต่ TA ก็ยัง มี หลักการและ เหตผลที่มัน มารอง ในเชิงของคณิตศาตร์ อยู่นะครับ ผมมองว่า หาก เรา ใช้ model ในการ เทรด มัน ก็ คงได้ดีในระยะ นึง และหาก ใช้ pure TA มัน ก็ใช้ได้ดีในระยะ นึง ผมเอง เป็น คนใช้ทั้งสองบแบบ ขึ้นอยู่กับว่า เรา จะ ใช้ tool ที่เรามี ทำอะไร ให้มัน gain profit ใน short mid หรือว่า long term ล้วนแล้ว แต่ต้องใช้ ทั้ง ศาตร์ ของ econometric , model , trading strategy ,TA มาหมด อยู่ที่ จุดประสงค์ ของ ผู้ใช้ จะทำอะไร .. แล้ว ผู้ใช้ tool เหล่านั้น setup หรือว่า ตั้ง goal ให้กับตัว เองอยู่ใน position ไหน ของ ตลาด หากคุณเป็น speculator ถ้าจะมานั่ง คำนวน โดย ใช้ model ที่ ทำ มา ตลาดหุ้นมันเป็น อะไรที่ unpredictable อยู่ แล้ว ... คง จะมี error กระเด็น ออกมาเป็น ระยะๆ คงต้อง บวก ศาตร์อย่าอื่น เข้ามาด้วย โดยเฉพาะ TA และ การที่ เราตัดสินใจในเวลา เฉียบ พลัน หลายๆ ควรต้อง ดู sentimetal รอบด้าน อาจานฝรั่ง ก็ บอกมานะครับ ว่า ฝรั่งเอง นั้นหล่ะ ที่เป็น ต้น กำเนิด TA เหล่านี้ แค่ เค้าจะ เอา มาทำอะไร กับ จะเอามาเสริมหรือว่า จะเอามาเป็น ตัว หักล้าง แต่ อาจานแกบอกอีก อย่างนึงครับ .. จงเรียนรู้และอยู่ การเปลี่ยนแปลง ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 52 00:24:34 จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 00:19:55

ความคิดเห็นที่ 13 โอ้ ตามความเข้าใจของผม quantitative analysis ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเล่นหุ้นเลยครับ จะเรียกว่า "เอามาเล่นหุ้นไม่ได้เลย" ก็คงไม่ผิดนัก และ econometric มีไว้ทดสอบสมมติฐานครับ ไม่ได้เอาไว้ price หุ้น ( แต่ถ้าพูดถึง futures, options แล้ว quantitative จะเกี่ยวข้องอย่างมากครับ ) ปรัชญาของการเล่นหุ้นมีประโยคเดียวง่ายๆครับ "ซื้อถูก ขายแพง" หรือบางคนจะบอกว่า "ถือไปจนตาย เอาปันผล" ก็ไม่ว่ากัน ดังนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า คุณจะซื้อยังไงให้มันถูก ขายยังไงให้ได้ราคาดี และ หุ้นตัวไหนน่าจะให้ปันผลเป็นกอบเป็นกำบ้าง จะ"ซื้อถูก ขายแพง" นั้น ถ้าใช้ fundamental จะเป็นการหาราคาที่เราคิดว่าน่าจะเหมาะสมออกมา ถ้าเห็นว่าราคาตลาดตอนนี้ถูกกว่าราคาที่เหมาะสม นั่นแหล่ะคือเวลาซื้อของถูก ส่วนขายแพงก็กลับทางกัน หากใช้ technical ก็เหมือนใช้จิตวิทยา ว่าตอนนี้ตลาดตกใจเกินเหตุ ขายถูกกว่าราคาที่ควรจะเป็นหรือยัง ด้านขายก็สลับกัน หนังสือ CFA บอกว่า T/A ใช้ไม่ได้ จริง? ถ้าคุณหมายถึง Efficient Mkt Hypo เขาจะบอกว่า weak form- T/A not work semi-strong form- "Fundamental" not work หมายความว่า ตลาดที่ efficient เนี่ย ไม่ว่า technical หรือ fundamental ก็ไม่ work ทั้งนั้นแหล่ะครับ ทีนี้ ถ้าอยากรู้ว่า อันไหน work ไม่ work จริงๆ จะลองค้นคว้าดูก็ได้ ทุกวันตอนสายๆ เข้า web settrade ตรงที่มัน provide บทวิเคราะห์ จาก broker ต่างๆ คุณลองเปรียบเทียบดูได้เลย ว่าตอนตลาดปิด มีใครทายถูกบ้าง ใครทายผิดบ้าง แล้วจะรู้ ว่ามันมั่วพอกันเลยครับ ดังนั้น หากคุณต้องการเป็นนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องมีอะไรอย่างอื่น ทีมากกว่า technical และ fundamental ด้วยครับ มันคือ "กึ๋น" ครับ ของอย่างงี้สอนกันไม่ได้ ต้องศึกษา และหาประสบการณ์เองครับ fundamental เฉยๆไม่พอครับ คุณต้องเป็น value investor ด้วย technial เฉยๆ ก็ไม่พอครับ คุณต้องเป็น system trader หรือไม่คุณก็ต้องเก๋ามากๆด้วยครับ ขอให้โชคดี รวยๆ จากคุณ : virtuousism เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 02:21:25