Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"ลม เปลี่ยนทิศ" (Thairath) and Vietnam  

Shortly after the Dong devaluation in Vietnam
........................................................................................
อย่าประมาทเวียดนาม
วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2552

สัปดาห์ที่แล้ว นอกจากข่าวใหญ่การพักชำระหนี้ของ ดูไบ เวิลด์ แล้วถัดมาอีกวัน ธนาคารกลางเวียดนาม ก็ประกาศ ลดค่าเงินด่อง ลงมา ร้อยละ 5.4 จากอัตราแลกเปลี่ยน 17,034 ด่องต่อ 1 ดอลลาร์ เป็น 17,961 ด่องต่อ 1 ดอลลาร์ มีผลตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

ในตลาดมืด อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์กับเงินด่องจะสูงกว่านี้เยอะ เพราะคนเวียดนามหิวโหยเงินดอลลาร์มาก เช่นเดียวกับประเทศกัมพูชา

ในการประกาศลดค่าเงินด่องครั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม ได้ ประกาศ ลดสเปรด หรือช่วงการปรับขึ้นลงของค่าเงินด่องให้แคบลงด้วย จากเดิมร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 3 เพื่อจำกัดการขึ้นลงของค่าเงินด่องกับดอลลาร์ ไม่ให้ขึ้นลงเร็วเกินไป แต่ถ้ารัฐบาลเวียดนามไม่ สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การเงิน การคลังและการขาดดุลการค้าที่เป็นอยู่ได้ ในอนาคตผมเชื่อว่า เวียดนามอาจจะต้องลดค่าเงินด่องลงอีก

ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวร้อยละ 4.6 จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตั้งแต่ลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 14 ลงมาเหลือร้อยละ 7 อัดฉีดเงินกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่การ ขาดดุลการค้ากว่า 8,780 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับฐานะเศรษฐกิจของเวียดนามแล้ว ก็ถือว่าอยู่ในฐานะที่ไม่ดีนัก แถมการคลังก็ยอบแยบ ต้องตั้งงบแบบขาดดุลอีก กว่าจะฟื้นก็คงอีกนาน ยิ่งดูภาวะ "เงินเฟ้อ" ในเวียดนามในเวลานี้ คงทำให้คนเวียดนามลำบากไปอีกนาน

เมื่อก่อนเราเคยมองภาพประเทศเวียดนามว่า เป็น "คู่แข่ง" ที่น่ากลัวของไทย แต่วันนี้หลายคนคงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

การลดค่าเงินด่อง จะทำให้ศักยภาพการพัฒนาของเวียดนามถดถอยไปมาก เมื่อเงินด่องอ่อนค่า การนำเข้าสินค้าทุนเพื่อการพัฒนาประเทศก็แพงขึ้น ทำให้การลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจลำบากขึ้น ยิ่ง รถไฟความเร็วสูง และ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สองโครงการราคาแพงที่ต้องลงทุนสูงมาก อาจต้องเลื่อนไปอีกนานก็ได้

ในแง่เศรษฐกิจ เวียดนามก็เป็นรองไทยทุกด้าน แม้จะมีพืชเศรษฐกิจอย่างเดียวกันคือ ข้าว ยางพารา ชา กาแฟ รวมทั้งการประมง ค่าเงินด่องที่ลดลงจะช่วยให้การแข่งขันด้านการส่งออกของเวียดนามดีขึ้น ได้เปรียบไทย แต่พื้นที่เกษตรเวียดนามก็มีจำกัด ประเทศเวียดนามมีพื้นที่เล็กกว่าประเทศไทยถึง 180,000 กว่าตารางกิโลเมตร แถมมีประชากรเกือบ 90 ล้านคน ปลูกยังไงก็สู้เกษตรกรไทยไม่ได้

แต่ในอีกด้านหนึ่งที่ผมคิดว่าเราไม่ควรประมาทเวียดนาม   แม้ เวียดนามวันนี้จะล้าหลังไทยหลายสิบปี แต่ "วิสัยทัศน์การสร้างชาติ" ของ "ผู้นำเวียดนามยุคใหม่" ที่เลียนแบบมาจาก 4 ทันสมัยของจีน กลับรุดหน้าอย่างรวดเร็ว การเมืองในประเทศก็มั่นคง ทำให้สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจตามวิสัยทัศน์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ตัวอย่างเช่น การผ่านโครงการ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แห่งแรกของเวียดนาม ซึ่งมาทีหลังไทยหลายสิบปี แต่วันนี้กลับเริ่มตั้งไข่ก่อนไทย หรือการตัดสินใจเข้าไปลงทุน โครงการปิโตรเคมี ทางตอนใต้ของเวียดนามของ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 136,000 ล้านบาท เพราะผิดหวังการแก้ปัญหาที่มาบตาพุดของรัฐบาล ซึ่งยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไร และไม่รู้ว่าจะถูกเอ็นจีโอตามฟ้องอีกกี่ร้อยโครงการ

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของเวียดนามก็คือ "การสร้างคน" จากข้อมูลนักศึกษาต่างชาติล่าสุดในสหรัฐฯพบว่า มีนักศึกษาจากเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีนักศึกษาเพิ่มขึ้นสูงสุดในปีนี้ โดยเพิ่มถึงร้อยละ 46 หรือ 12,823 คน ในขณะที่ไทย ติดลบร้อยละ 3 อยู่อันดับ 17

นักศึกษาจาก อินเดีย ยังครองอันดับ 1 ที่ 103,260 คน ตามด้วย จีน ที่สอง 98,510 คน และ เกาหลีใต้ ที่สาม 75,065 คน

การสร้างคนที่มีคุณภาพ เป็นรากฐานสำคัญที่สุดของการพัฒนาประเทศจีนทำสำเร็จมาแล้ว วันนี้เวียดนามกำลังเดินตาม แต่ไทยเดินถอยหลัง.


"ลม เปลี่ยนทิศ"







BUT before the Dong devaluation
................................................................................
อายเวียดนาม
พฤศจิกายน 2550

นายเลอ วิน ถือ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอเชียใต้และแปซิฟิก ประเทศเวียดนาม ซึ่งนำเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าพบ นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อสองวันก่อน เพื่อแลกเปลี่ยนทรรศนะและความร่วมมือ ระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับจังหวัดของเวียดนาม ได้พูดถึงเศรษฐกิจและการเมืองไทยไว้หลายประโยค

ผมฟังแล้วต้องบอกว่า รู้สึกอายเวียดนามจริงๆ ก็ไม่รู้จะมีผู้หลักผู้ใหญ่ ที่รับผิดชอบบ้านเมืองรู้สึกอายเหมือนผมไหม

นายเลอ วิน ถือ บอกว่า ก่อนหน้านี้ชาวเวียดนามรู้สึกเป็นห่วงประเทศไทย ทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ เพราะได้รับผลกระทบเรื่องการลงทุน นักลงทุนจำนวนมากย้ายฐานการผลิตจากไทยไปเวียดนาม

หลังจากที่หลายประเทศได้ทราบผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ก็เชื่อว่าจากนี้ไป การเมืองไทยจะเดินเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ทำให้การลงทุนในประเทศและเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

นายเลอ วิน ถือ สอนด้วยว่า ประเทศไทยมีการเลือกตั้งเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนมากเท่านั้น อยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของการปฏิวัติ เพราะประเทศไทยได้รับการยกย่องให้เป็นประเทศตัวอย่าง ของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ฟังดูดี แต่มันแสบเข้าไปถึงกระดองใจ

วันนี้คนเวียดนามพูดถึงประเทศไทยด้วยความรู้สึกสงสาร จากประเทศผู้นำการพัฒนาประชาธิปไตย ผู้นำการพัฒนาเศรษฐกิจ เคยทิ้งห่างประเทศเวียดนามหลายสิบปี แต่วันนี้ประเทศไทยกลับแพ้เวียดนามเกือบทุกด้าน

ทำไมประเทศไทยของเราจึงตกอยู่ในสภาพอย่างนี้

ผมเชื่อว่าคนไทยที่กำลังทุกข์ยากทุกคน ก็รู้คำตอบด้วยตัวเองอยู่แล้ว เรามีนักการเมืองและผู้บริหารประเทศที่เห็นแก่ตัว มากกว่า เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ทุจริตคอรัปชัน กอบโกยผลประโยชน์ประเทศชาติไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ประชาชนขาดความกระตือรือร้นในการศึกษา ขาดความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง ขาดระเบียบวินัย ฯลฯ

ที่เก่งที่สุด คือ ตั้งอยู่ในความประมาท และภูมิใจในเรื่องไร้สาระ

เราเก่งที่จะศึกษาอดีต เพื่อหาข้อแก้ตัว แต่ไม่ศึกษาอนาคต และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมโลก เพื่อก้าวตามให้ทัน

ตัวอย่างสดๆร้อนๆก็คือ พิษค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ยอดส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาลดลงอย่างมากจากร้อยละ 17.71 ในเดือนมิถุนายน เหลือแค่ร้อยละ 5.89 ต่ำสุดในรอบ 29 เดือน

คุณเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเลขที่ขยายเพียงร้อยละ 5.89 ถือว่าผิดปกติ ต้องวิเคราะห์ว่าเพราะสาเหตุใด เพราะเดือนก่อนๆก็ขยายตัวเกินร้อยละ 10 ทุกเดือน เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัว ค่าเงินดอลลาร์อ่อน ทำให้สหรัฐฯนำเข้าสินค้าไทยลดลง รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ศักยภาพการแข่งขันลดลง

เรื่องทั้งหมดที่รัฐมนตรีพาณิชย์พูดมา ภาคเอกชนเขาร้องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วทั้งสิ้น เขารู้เขาเห็น และเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแล แต่รัฐบาลก็เฉย

วันนี้เสียหายกันทั้งประเทศ รัฐบาลกลับจะเอาข้อมูลในอดีตไปวิเคราะห์ ก็ไม่รู้วิเคราะห์หาอะไร คนอื่นเขารู้กันหมดแล้ว เสียเงิน เสียเวลา เสียสมองเปล่าๆ

บริหารประเทศกันอย่างนี้ ก็สมควรแล้วครับ ที่จะให้ข้าราชการเวียดนามตัวเล็กๆ ระดับอธิบดี พูดถึงประเทศไทยด้วยความสมเพชสงสาร ผมเองก็สงสารประเทศไทยของผมเต็มที ที่เห็นการบริหารบ้านเมืองแบบนี้ เศร้า.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

จากคุณ : NT Guy
เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 06:41:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com