ลงทุนแบบพอประมาณ

การลงทุนในกองทุนรวมผู้ลงทุนควรจะต้องมีการติดตามการลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบันแต่ละบลจ.จะมีสรุปภาวะตลาดให้กับผู้ถือหน่วยเป็นระยะๆ

คลุกคลีอยู่ในแวดวงตลาดทุนมาตลอดชีวิตการทำงานสำหรับหนุ่มใหญ่ไฟแรงอย่าง "ต่อ อินทวิวัฒน์" ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่มากประสบการณ์คนสำคัญขององค์กรแห่งนี้ ที่พร้อมสู้ทุกศึกในทุกสมรภูมิของธุรกิจกองทุนในปัจจุบัน และในสมรภูมิการเงินส่วนตัวเขาก็มีกลเม็ดเคล็ดลับในการบริหารเงินที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ต่อบอกว่า ย่างเข้าสู่กลางคนในวัย 40 ปีต้นๆ เช่นนี้ ต้องหาสินทรัพย์ที่จำเป็นกับชีวิตให้เรียบร้อยก่อน เช่น บ้าน เป็นต้น ถ้ามีหนี้ก็ต้องจัดการกับหนี้ก่อน ตอนนี้มีบ้านมีเรียบร้อยแล้วไม่มีหนี้แล้ว ที่เหลือก็เก็บออมไว้สำหรับการศึกษาลูกควบคู่ไปกับชีวิตในอนาคต ปัจจุบันแบ่งเงินไว้ใช้ประจำเดือนประมาณ 30% ที่เหลือจะเก็บไว้ออมซึ่งในส่วนนี้จะแบ่งประมาณ 20% ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเป็นหุ้นทั้งในและต่างประเทศรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนที่เหลือประมาณ 80% ลงทุนในตราสารหนี้ที่ค่อนข้างปลอดภัยรวมทั้งเงินฝากด้วย แต่จะแบ่งไว้ประมาณ 50% ลงทุนในกองทุนตราสารตลาดเงินที่มีความมั่นคงและสภาพคล่องสูงสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที

ส่วนที่เหลือจะลงทุนตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้นมาอีกโดยผ่านกองทุนตราสารหนี้ประเภท TERM FUND ที่มีอายุมากขึ้น เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี โดยการลงทุนที่ไม่ใช่เงินฝากจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมทั้งหมดและส่วนใหญ่เลือกที่จะลงทุนผ่านกองทุนรวมของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เพราะเชื่อมั่นในโปรดักท์และมาตรฐานของทีมงาน

“การเลือกลงทุนจะเลือกในสินทรัพย์ก่อนว่าในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาของสินทรัพย์ตัวไหน  สินทรัพย์ตัวนั้นอยู่ในปัจจัยแวดล้อมที่น่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์นั้นเคลื่อนที่ไปได้ดีหรือเปล่า สมมติมีความคิดว่า 3 เดือนหลังจากนี้หุ้นเอเชียน่าจะดีที่สุด ก็ค่อยมาดูว่าในเอเชียตลาดหุ้นไหนยังไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ (NEW HIGH) อย่างจีนดัชนีเซี่ยงไฮ้ปรับฐานยังไม่ทำ NEW HIGH เป็นต้น หลักสำคัญคือพยายามซื้อหุ้นให้ถูกจังหวะและขายในจังหวะที่ราคาขึ้น มองว่าตลาดหุ้นจีนยังไม่พีค ถ้าเลือกแล้วว่าเป็นจีนก็ค่อยไปตามดูว่าที่ไหนมีโปรดักท์นี้ขายอยู่เพื่อจะได้ตามไปดูรายละเอียดต่อไป โดยให้ความสำคัญกับนโยบายการลงทุนที่ตรงกับความต้องการของเราว่าลงทุนที่ไหนอย่างไรเป็นหลัก ส่วนผลประกอบการค่อยมาดูประกอบทีหลัง”

ต่อยังบอกอีกว่า ทุกครั้งที่จะเข้าลงทุนจะดูว่าโอกาสในขาขึ้น (UPSIDE) ต้องมากกว่าความเสี่ยงในขาลง (DOWNSIDE) โดยก่อนจะเข้าลงทุนจะมีการกำหนดเป้าหมายในใจซึ่งปกติจะขายออกก่อนถึงเป้าหมายเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดมันอยู่ตรงไหน แต่ตัวเองจะ “ลงทุนแบบพอประมาณ” ก่อนเข้าลงทุนต้องวางกรอบก่อนว่าจะลงทุนเพราะอะไรแล้วมันจะไปข้างหน้าเพราะอะไร ถ้าปัจจัยต่างๆ เริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้นก็แสดงว่าสิ่งที่คาดหวังไว้มาแล้ว เราก็ต้องดูว่าสถานการณ์ในขณะนั้นจะมีปัจจัยใดเป็นปัจจัยชี้นำใหม่ๆ หรือไม่

ถ้าไม่มีก็ควรจะขยับไปที่อื่น ถ้าคิดไม่ออกก็เอาไปพักไว้ในกองทุนตราสารตลาดเงินก่อน จะต้องมีการรีวิวใหม่อย่างสม่ำเสมอต้องรู้ว่าราคาขึ้นมาได้เพราะอะไร อย่างหุ้นตอนนี้ดูยากเพราะราคาหุ้นมาเพราะเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติมากกว่า 50% ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานก็ไล่กันไป ถ้าตลาดยังไปได้ก็ต้องดูว่ายังมีปัจจัยต่อเนื่องมั้ย ถ้าไม่มีปัจจัยอะไรต่อเนื่องก็ต้องหลบก่อนเป็นต้น แต่ถ้ามีก็ต้องมาดูว่าปัจจัยใหม่จะผลักดันให้ไปได้ระดับไหนเป็นกรอบไว้ในใจ เป็นต้น

“การลงทุนในกองทุนรวมผู้ลงทุนควรจะต้องมีการติดตามการลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบันแต่ละ บลจ.ก็จะมีสรุปภาวะตลาดให้กับผู้ถือหน่วยเป็นระยะๆ ก็ควรติดตามดู นักลงทุนก่อนจะทำอะไรคงต้องศึกษาหาความรู้ในภาพกว้างก็ได้เพราะจริงๆ ในธุรกิจนี้ไม่ว่าจะลงทุนเองผ่านโบรกเกอร์หรือลงทุนผ่านมืออาชีพแบบกองทุนรวม เดี๋ยวนี้มีคำแนะนำให้เลือกมีข้อมูลให้ว่าจะเลือกลงทุนอย่างไร การศึกษาหาความรู้ไม่จำเป็นต้องสลับซับซ้อนมากมาย ของอะไรที่ขึ้นมาเยอะก็เสี่ยงที่จะลง ของอะไรที่ลงมามากๆ ก็มีโอกาสขึ้น เป็นปกติไม่เปลี่ยนแปลงเพียงแต่จะเกิดขึ้นเมื่อไรเท่านั้นเองจากปัจจัยอะไรเท่านั้น”

สำหรับเป้าหมายการลงทุนของต่อคือการพยายามสร้างสินทรัพย์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยวินัยและประสบการณ์เป็นหัวใจสำคัญในการมุ่งสู้เป้าหมายที่ตั้งไว้นี้ โดยเขาเชื่อว่าการลงทุนถ้าไม่มีวินัยต่อให้ลงทุนดีแค่ไหนต้นสายไม่มาก็ลำบาก หรือถึงเป้าหมายแล้วไม่รีวิวกะว่าได้กำไรแล้วไปเรื่อยๆ ก็เสียได้เช่นกัน

วินัยและการศึกษาหาความรู้จึงสำคัญมากในการลงทุน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20091206/89814/ลงทุนแบบพอประมาณ..ต่อ-อินทวิวัฒน์.html

จากคุณ	: ขอบฟ้าบูรพา
เขียนเมื่อ	: 7 ธ.ค. 52 16:12:49