Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"คุยเล่นวันหยุด"{แตกประเด็นจาก I8669515}  

ตอนวัยเด็กที่โตพอสมควรแล้วราวประถมปลาย ที่ต้องย้ายบ้านออกมาริมทุ่งนานอกเขตเทศบาล  ต้องขี่จักร์ยานไปโรงเรียน โรงเรียนใหม่เป็นโรงเรียน อำเภอเมือง ที่เพิ่งจะเปิด หลักสูตรใหม่ ประถมปีที่ 5 แล้วมี6และ7ด้วย แทน มัธยม 1 มัธยม 3  แล้วมัธยม 4/5/6 เปลี่ยนเป็นมัธยม ศึกษาตอนต้น 1/2/3  แล้วเติม มัธยมศึกษาตอนปลายเพิ่ม 4/5  แทน ม7/ม8 (ยังโตไม่พอที่จะรู้เรื่อง เคยได้ยิน ไม่แน่ใจว่ามีไหม เพราะนอกจากกิน นอน เล่น และไปโรงเรียน แล้วจำเรื่องราวว่าเรื่องภายนอก เพิ่งจะมารับรู้ จดจำได้ตอนขึ้น ป5 นี่แหละ
         ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากมาย พอมาอยู่ริมทุ่งนา (บ้านเดิม ห้องแถวในตลาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ) ชีวิตเด็กลูกทุ่งแท้ๆๆเลยแม้ว่าที่บ้านจะไม่ได้ทำนา แต่พ่อก็ซื้อทีในนาไว้ตั้งแปดไร่ ยาวสุดลูกหูลูกตา
        แล้วขุดสระไว้ ให้ปลาลง หลังน้ำท่วม และยกร่องปลูกผลไม้หลายชนิด
ตอนย้ายออกมาปีแรก น้ำยังไม่ท่วม ต้นผลไม้กำลังเริ่มโต บางอย่างกำลังได้ดอกผล  เช่นฝรั่งเวียตนาม  พุทราจีนยังไม่มีลูก
        มีเล้าไก่ เล้าหมู ริมสระ (ให้อุจจาระหมูไหลลงในบ่อให้ปลากิน ปกติ ให้รำข้าวหว่านในบ่อ )
        ตอนหมูเกิด ตื่นเต้นสนุกมาก เพราะจะต้องคอยเฝ้า และทำคลอดให้หมู เอาผ้าเช็ดตัวเอาเมือกออก เมื่อลูกหมูออกมาแล้ว และตัดสายสะดือ ให้ แล้วกันให้หานมแม่กินเลย  แล้วคอยระวังไม่ให้แม่ขยับตัวทับ สมัยนั้น พ่อเอาหมูพันธฺเกษตรมา ขนสีแดง ไม่เคยเห็น พอเกิด แล้วสามเดือนจะขายได้ตัวละ300ได้มีหน้าที่เลี้ยงหมู  พอขายหมูได้ เลยมีเงินในบัญชีเป็นพัน ตั้งแต่ ป5

        ที่โรงเรียนใหม่ สนุกดีเพราะไม่มีเด็กโตมากเช่นโรงเรียนราษฏร์ หลังบ้านเดิมในตลาด  ที่โรงเรียนใหม่ห้องทำกิจกรรม มีมาก ชอบห้องคณิตศาสตร์และ ชอบห้องวิทยาศาสตร์  รู้สึก ว่าคณิตศาสตร์ มันง่าย ถ้าทำถูก มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้  1บวก 1ต้องเป็น 2เท่านั้น คนไม่เถียงดี ถ้าถูก

       ที่ห้องวิทยาศาสตร์ ชอบอ่านประวัติ นักวิทยาศาสตร์
มันน่าทึ่งมาก ในแต่ละคน
       นิวตัน นั่งใต้ต้นไม้ ลูกแอปเปิลตกใส่หัว ก็เป็นเรื่อง ปิ๊ง เกิด ไอเดีย  เอามาคิดต่อจนเป็นเรื่องเป็นราว หาคำตอบทางวิทยาศาสคร์ได้
       เมนเดล  เห็นดอกไม่หลายสี สีปนกันในบางดอก คิดจนมีสมมุติฐาน
  Phenotype สิ่งแสดงออกภายนอก ต้องมีอะไรบ่งการภายในเลยเรียกมันว่า Genotype แต่ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องยีนส์ เขาก็ใช้วิธี คิดแบบคณิตศาสตร์
     ว่าดอก ดำผสมดอกขาว   ตัวผู้ไว้ซ้ายตัวเมียไว้ขวา
         ผู้ดอกขาว ผสม เมียดอกแดง  
           WW  X   RR
   WR  WR  WR  WR
 จับมาคูรไข้ว ที่ละตัวก็ได้ WR  ดอกแดงครึ่งขาวครึ่งทั้งหมด
     (ไปทดลอง ผสมเกษร ดอกไม้เลย  ซึ่งต้องใช้เวลา ในการทำและรอผล
ต่อไปก็ทำสีอื่นอีก  บางครั้งมันไม่ได้ ได้สีเดิม แบบพ่อ หรือแม่เท่านั้น
หรือได้สีใหม่ เป็นสี ผสมแบบผสมสีน้ำ เข้าด้วยกัน )
      เขาก็ต้องไปคิดต่อว่าทำไม่ มันเป็นสีใหม่เลย หรอมันเป็นสีเดิม พ่ิอ หรือเดิม แม่ จนได้คำตอบ ยีนส์เด่น ยีนส์ด้อย

     จึงเป็นที่มาของความเข้าใจ ว่า วิทยาศาสตร์ บริสูทธิ์ ( Pure science หรือแค่คณะวิทยาศาสตร์เดิมเมื่อก่อน ก่อนจะแตกแขนงวิชาเฉพาะวิทยาศาสตร์ด้านไหนไป เมื่อด้านนั้นมีเนื้อหามากขึ้นเรื่อยๆๆ )
           นั่นมาจากการสังเกต ธรรมชาติ (observe)
           แล้วบันทึกจดจำไว้ (record )
           แล้วคิด หาความสัมพันธ์ เพื่อจะเอามันมาใช้ประโยชน์ ในแง่ ความสัมพันธ์ ตามกัน หรือตรงข้ามกัน

         อย่างที่ผมใช้ คือ เอาสิ่งที่มีประกาศ รู้อยู่ เป็นปกติ ลองหาความสัมพันธ์ ของมันว่าเกี่ยวข้อง กันใก้ลชิด หรือบางครั้ง หรือเกี่ยวข้องกับข่าวไหน จนจับประเด็น ข่าวตัวเลข ผลประกาศประจำต่างๆๆ ให้นำมาใช้ ประเมิน ทิศทางตลาด บางขณะเท่านั้น หรือ บางระยะ ที่ผู้คนเขาลืมสังเกตกันไป ด้วยตัวเลขและเรื่องใก้ลๆๆตัว
        สังเกตไหมว่า ผมไม่เอาเรื่องที่ คนไม่ค่อยเข้าใจ มาเอ่ย เช่น เงินฝืด เงินเฟ้อ เพราะมันเริ่มลึกเข้าไปมากแล้วในระบบการเงิน เศรษฐศาสตร์

       และผมก็บันทึกไว้ในบล๊อกเสมอ ในการคิด และข้อมูลที่มี
เช่น  ดาวมีรักใหม่ ในบล๊อกตอนนั้น คนเสื่อมความศรัทธาใน ดอลล่าร์ เงินเริ่มไหลเข้าตลาดทอง  จน RSI เกิน ค่าปกติ พ้นเส้น 70เปอร์เซนต์แล้ว ไม่ลง
      ถ้าตามภาษาเทคนิคกราฟ เขาเรียก OVER Bought    ช่วงที่มีเงินไหลเข้ามาก และ ราคาก็จะขึ้นไปเรื่อยๆๆ  เมื่อเข้าเขต แบบนี้ เราจึงจะขายไม่ได้แบบเดิม เพราะ Fund Flow กระแสร์เงินไหลเข้าไม่หยุด เป็นอารมณ์ ของคนเข้าตลาด ที่รุนแรง  (แบบนี้ ถ้าอยากได้ตัง ให้รอจังหวะ ตก จะรุนแรงเช่นกัน ให้เล่นShort )  
     เมื่อเราทราบ ที่มาี่ที่ไป ว่าดอลล่าร์อ่อนลงมาจาก กันยา แล้วไม่หยุด จนพ้น เขต ที่ควรจะเป็น  
      เพราะเริ่มก่อให้เกิด การแข็งค่าของเงินสกุลอืื่นทุกสกุล (ยกเว้น หยวน เพราะเขาจัดระดับของเขาเอง ) จนเริ่มมีอุปสรรคต่อการส่งออกของของประเทศอื่น  เมกาจะได้ประโยชนือยู่ประเทสเดียวที่ดอลล่าร์อ่อนเกินไป

     แต่นักวิชาการ เคยเตือยเรื่องการพิมพ์แบงค์เองไม่ต้องขออนุญาตใคร อาจจะเกิด เงินล้นระบบ (เฟ้อ ) หรือ หมดค่าความนับถือให้เป็นเงินสกุลหลักในการแลกเปลี่ยนของโลก  (เริ่มมีบางประเทศ ออกมา ประกาศ  ค่าน้ำมัน ไม่คิดเป็เหรียญ ดอลล่ารืสหรัฐ เป็นต้น )
   เมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่คนถือดอลล่าร์ รู้สึกว่าต้องหาอะไรมาถือแท้  
           ทองคือสิ่งมีค่าแต่อดีตก้ได้กลับมาในความคิดของคน อีกครั้ง
   เงินเริ่มไหลเข้า ตลาดทอง จาก กันยา อย่างเด่นชัด แล้วการขึ้นของราคาทองจากช้าๆๆก้เริ่ม แรงไวขึ้นเรื่อยๆๆ (กราฟนี่แหละเราต้องอ่านให้เห็นเป็นภาพอารมณืของผู้คนในตลาดนั้น ๆๆว่ากำลังคิดอะไร

     ต่อมาเมื่อ ตัวเลขเศรษฐกิจของเมกา เริ่มประกาศในทิศทางที่ดีขึ้น
          มีเงินก้อนหนึ่งสร้างวอลุมที่ตลาดดาว  ตอนปิดตลาด ในวันประกาศตัวเลขคนว่างลดลงนั้น จำนวน เงิน 150ล้านเหรียญ ทำให้เกิด สิ่งมหัศจรรย์ ปรากฏ กระตุกอารมณืคนให้หยุดกลับมา (ไม่รู้เหมือนแอปเปิ้ล ตกใส่หัวไหม )

         จากวันนั้น ดอลล่ารืเริ่มแข็งขึ้น ผมพยายามอธิบายว่า เศรษฐกิจเมาฟื้น ดอลล่าร์ต้องแข็ง  (มิได้บอกเลยว่า ดอล่ารืแข็งเพราะทองลง )
        และตลาดดอลล่าร์กลับมาได้รับความน่าเชื่อถืออีกครั้ง เงินไหลออกจากทอง เพราะ เลิกกลัวดอลล่าร์ ทองก็ตกอย่างรุนแรงตามหลักการตก ของเงินไหลเข้า เกินขนาด ขึ้นแรงก็ลงแรง  

        ทุกอย่างที่คิดบันทึกไว้ใน บล๊อกครับ

      เมื่อข้อมูลใหม่ ที่ผมเพิ่งจะรู้จัก กองทุน LTF  Long term Fund  เขาแปลจนผมเชื่อว่าหุ้นไทยจะขึ้น ว่า กองทุนหุ้นระยะยาว แม้ไม่ได้ซื้อไม่ได้อ่านรายละเอียด  แค่รู้ว่าคนซื้อรู้ว่ามาซื้อ ตอนธันวา ได้คิดเวลาถือครองหุ้นมา1ปีเลยเมื่อจบธันวา และได้ยกเว้นภาษีส่วนหนึ่ง (เงินที่จะต้องเอาไปจ่ายภาษี เอามาสมทบซื้อกองทุนนี้ แล้วไม่ต้องจ่ายภาษี )  และทราบว่ากองทุนนี้เริ่มบูมมาก ปีนี้ มีหลายธนาคารออกโปรโมชั่นแข่งกันใหญ่
      เมื่อเงินก้อนโตเข้ากองทุนนี้ก็ต้องเอามาซื้อหุ้น ถือระยะยาว (แล้วทำไมหุ้นจะไม่ขึ้นละ )
      และประสพการณืเดิม ที่เห็นมาทุกปี พอฝรั่งไปเที่ยว ไม่อยากทำงานและหยุด ไปเลยใก้ลคริสมาส
           ทุกบริษัทอยากให้ราคาหุ้นในสมุดบัญชีตัวเอง สูงขึ้นแน่นอน ถ้าทำได้ เขาย่อมทำ โดยตนเองอยู่แล้ว
           และเมื่อทุกคนเชื่อ ว่าเดือนธันวา หุ้นจะขึ้น
            เศรษฐกิจเริ่มฟื้น ที่เมกา ไทยก็ฟื้น ข่าวทีวีออก ยอดสั่งจองรถพุ่งในรอบสามเดือน 28%
             แล้วทำไมผมจะบอกว่า Let profit RUN  ไม่ได้ละ
      ในเมื่อกราฟ ก็เป็นเทรน ขาขึ้น ด้วย
              ขอขอบคุณชีวประวัตินักวิทยาศาสตร์ บางคน
โดยเฉพาะ หลุยปาสเตอร์ ที่ทดลองวัคซีนกับตัวเองด้วย
     นี่แหละนักวิทยาศาสตร์ต้องทดลองให้เห็นกะตาก่อน ที่จะบอกคนอื่น

 
 

จากคุณ : หมอสัจจะ
เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 52 06:34:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com