Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีทองของตลาดหุ้น  

ปีทองของตลาดหุ้น

ปี 2552 น่าจะเป็น “ปีทอง” ของตลาดหุ้นอีกปีหนึ่ง  เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 450 จุดเมื่อสิ้นปี 2551 เป็น 735 จุดเมื่อสิ้นปี 2552  หรือเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 63%  ปีที่ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นมากกว่านี้มีเพียง 3 ปีคือปี 2520 ที่ตลาดเพิ่มขึ้น 120%   ปี 2536 ที่ตลาดโตขึ้น 88%  และปี 2546 ที่ดัชนีตลาดเพิ่มขึ้น 117%  อย่างไรก็ตาม  การปรับตัวขึ้นอย่างแรงในปี 2552 นั้น  มีความแตกต่างที่สำคัญเมื่อเทียบกับปีทองอื่นก็คือ  ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นหลังจากการตกลงมาอย่างรุนแรงในปีก่อนหน้าคือปี 2551 ซึ่งตลาดติดลบไปถึง  48%   ว่าที่จริงดัชนีตลาดหุ้นเมื่อสิ้นปี 2552 นั้นก็ยังต่ำกว่าดัชนีเมื่อสิ้นปี 2550 ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ 858 จุด   ดังนั้น  สำหรับนักลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นหลายคนแล้ว  ปี 2552 นั้น  ยังไม่ใช่
“ปีทอง”  ของการลงทุนอย่างแท้จริง   อาจจะเรียกว่าปีแห่งการ  “ฟื้นตัว” ของการลงทุนมากกว่า  อย่างไรก็ตาม  ผลจากการที่ตลาดปรับตัวขึ้นอย่างแรงหลังจากที่ตลาดหุ้นซบเซามาประมาณ 5-6 ปีนั้น  ทำให้มุมมองของนักลงทุนเปลี่ยนไปพอสมควรโดยผมมีข้อสังเกตดังต่อไปนี้

leaf ข้อแรก  ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นรวดเร็ว  ประกอบกับการที่อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดต่ำเป็นประวัติการณ์  ทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อย  อย่างไรก็ตาม  ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในปีก่อนหน้ายังคง  “หลอน”  คนทั่วไปและนักลงทุนอยู่   ทำให้การ  “เล่นหุ้น”  ยังไม่แพร่ไปยังคนทั่วไปที่จะทำให้เกิด  “ฟองสบู่ตลาดหุ้น” อย่างที่เรามักจะพบในปีทองครั้งก่อน ๆ   ดังนั้น  ปริมาณการซื้อขายหุ้นโดยเฉลี่ยต่อวันในปี 2552 จึงยังไม่สูงนัก

leaf ข้อสอง  ผลตอบแทนที่ได้มาง่ายมากในปี 2552 ทำให้ค่าความคาดหวังของผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนสูงขึ้นมาก  ดูเหมือนว่านักลงทุนจำนวนมากจะตั้งเป้าผลตอบแทนที่ตนเองจะทำได้ในอนาคตสูงกว่าที่ผมคิดว่าพวกเขาจะทำได้   คร่าว ๆ  ผมคิดว่าพวกเขาคาดหวังที่จะโตหรือได้ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 20-25% ในระยะยาวอย่างน้อย 5-6 ปีข้างหน้า  หลายคนอาจจะมองถึงปีละ 40-50% ด้วยซ้ำ  ซึ่งทั้งหมดนั้น  แน่นอน  บางคนก็อาจจะทำได้จริง  แต่ส่วนใหญ่แล้วผมคิดว่าพวกเขาน่าจะได้ไม่เกิน 10-15%  โดยที่คนที่โดดเด่นมากอาจจะได้ถึง 20%

    เหตุผลที่นักลงทุนคิดว่าจะสามารถทำผลตอบแทนได้สูงมากนั้นก็เพราะว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนในปี 2552 ได้สูงมาก  บางคนอาจจะได้เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น  แม้แต่คนที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรก็ได้ผลตอบแทนถึง 60-70%  ตามผลตอบแทนของตลาด   แต่เขาอาจจะไม่รู้หรอกว่านั่นไม่ได้เกิดจากฝีมือ  เป็นแต่เพียงการขึ้นตามตลาด  หรือสำหรับคนที่ได้ผลตอบแทนงดงามก็อาจจะเป็นเรื่องของโชคหรือการเก็งกำไรที่ถูกต้องในเวลานั้นซึ่งในสถานการณ์อื่นเขาก็อาจจะทำไม่ได้  ในความคิดของผมก็คือ  คนที่คาดการณ์ผลตอบแทนระยะยาวเกินปีละ 15% โดยเฉลี่ยนั้น  น่าจะเป็นนักเก็งกำไรมากกว่าการเป็นนักลงทุน   เหตุผลก็คือ  มีธุรกิจจำนวนน้อยมากที่สามารถโตได้ปีละ 15%  โดยเฉลี่ยอย่างต่อเนื่องยาวนาน  ดังนั้น  ถ้าจะโตเร็วกว่านั้นก็จำเป็นต้องทำการซื้อขายหุ้นค่อนข้างมาก  และนั่นก็เป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสชนะไม่สูงนักสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการเก็งกำไร

leaf ข้อสาม  ข้อมูลจากอดีตที่ผ่านมานั้นบอกว่า  ผลตอบแทนของตลาดหุ้นหลัง “ปีทอง”  หรือปีที่ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมนั้น  มักจะให้ผลตอบแทนที่น่าผิดหวัง  นี่ก็อาจเป็นเรื่องปกติของอะไรก็ตามที่ขึ้นไปมากและเร็วก็จะมีแนวโน้มชลอตัวลงกลับสู่ภาวะที่เป็นปกติ  หลายครั้งดัชนีก็ติดลบ  ดังนั้น  ในภาวะที่เราผ่านปีทองมาแล้ว   ผมคิดว่าปีนี้เราควรจะต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ  อย่างไรก็ตาม  ปีทองในครั้งนี้  ดัชนีราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาจากพื้นที่ต่ำมาก  และราคาปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้ราคาหุ้นแพงนักเห็นได้จากค่า  PE ที่อยู่ที่ประมาณ 13 เท่า  ดังนั้น  การลงทุนในตลาดหุ้นต่อไปก็ถือว่าไม่เสี่ยงเกินไป  แต่ถ้าจะหวังได้ผลตอบแทนที่ดีเหมือนปีก่อนนั้นผมคิดว่าคงหวังได้ยาก

leaf ข้อสี่  สำหรับนักลงทุนหลายคนที่ทำผลตอบแทนได้ดีเยี่ยมในปีที่แล้วและกลายเป็น  “ปีทอง”  ของการลงทุนของคุณ   นั่นคือ  หนึ่ง  ผลตอบแทนรวมทั้งหมดซึ่งรวมถึงสินทรัพย์สภาพคล่องทั้งหลายเช่นเงินสดและพันธบัตร  คุณทำได้มากกว่า  63%  ซึ่งเป็นผลตอบแทนของตลาด  สอง  มูลค่าพอร์ตของคุณสูงเป็นประวัติการณ์  และแน่นอน  ต้องสูงกว่ามูลค่าพอร์ตเมื่อสิ้นปี  2550 โดยที่คุณไม่ได้คิดรวมเงินที่คุณลงเพิ่มเติมลงไป   สาม  คุณได้กำไรเป็น  ล้าน  ห้าล้าน  หรือสิบล้าน  ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่คุณรู้สึกว่ามันสร้างความแตกต่างให้กับความมั่งคั่งของคุณอย่างมีนัยสำคัญ   และสุดท้าย  มันอาจจะเป็นปีที่คุณบรรลุเป้าหมายสำคัญของความมั่งคั่งที่คุณฝัน  ไม่ว่ามันจะเป็นปีที่คุณมีเงินเพียงพอที่จะเป็น  “อิสรภาพทางการเงิน”  หรือเป็นปีที่คุณมีเงินถึง 10  20  หรือแม้แต่  100 ล้านบาท   สิ่งที่คุณจะต้องคิดตระหนักมากที่สุดก็คือ  ทำอย่างไรที่จะสามารถรักษาความมั่งคั่งระดับนั้นไว้ให้ได้  อย่างน้อยก็ในปีนี้

และสุดท้าย  สำหรับนักลงทุนอีกหลายคนที่ปี 2552 ที่ผ่านมายังไม่ใช่  “ปีทอง”  ของคุณก็จงอย่าเสียใจ   จริงอยู่  การมี  “ปีทอง”  เป็นครั้งเป็นคราวนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ไม่จำเป็นในการที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน  การ  “คงเส้นคงวา”  นั่นคือ  สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับ 15-20%  ได้ค่อนข้างสม่ำเสมอต่อเนื่องยาวนานขณะที่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะหรือผลตอบแทนที่ติดลบรุนแรงได้  นี่แหละที่จะสามารถนำคุณไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จทางการเงินในระยะยาวได้โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีปีทองของการลงทุนเป็นเรื่องเป็นราวเลย

ที่มา โลกในมุมมองของ Value Investor 1 มกราคม 53 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 11:48:41

จากคุณ : คนจนที่อยากรวย
เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 11:24:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com