Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Investment themes for January  

สวัสดีครับ...ทุกท่าน สำหรับบทความในสัปดาห์นี้ผมขอนำเสนอประเด็นสำหรับการลงทุนในเดือนม.ค. 2553 ซึ่งผมสรุปได้ 5 ประเด็น
ในขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นในเดือนม.ค. ผมประเมินว่ายังคงมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเงินทุนต่างประเทศที่คาดว่าจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย (January Effect)

โดยในปี 2553 นี้ Consensus ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% ในขณะที่ SCRI คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 3.6% ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่โดดเด่นเท่ากับตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ แต่ก็เพียงพอที่จะส่งผลให้ผมประเมินว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นในปี 2553 จะอยู่ที่ประมาณ 15%

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในประเทศมีโอกาสส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนได้เช่นกัน โดยปัจจัยที่ผมห่วงมากที่สุดคือ การตัดสิน คดียึดทรัพย์ของอดีตนายกฯ คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.พ. จากเดิม ที่คาดว่าจะมีการตัดสินในช่วงเดือนม.ค. แต่อาจมีผลกระทบทางจิตวิทยาก่อ

ในช่วงปลายเดือนม.ค. ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกระทบบ้าง แต่ไม่มาก ได้แก่ การพิจารณา 19 โครงการในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุดของศาล ว่าจะสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่ เนื่องจากตลาด รับรู้ไปบ้างแล้ว และสุดท้ายคือ เสถียรภาพของรัฐบาล เป็นปัจจัยที่น่าห่วงน้อยที่สุด เพราะคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้

จากภาพรวมและปัจจัยสำคัญเสี่ยงของตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค. ส่งผลให้การวางแผนการลงทุนต้องสอดคล้องกับภาพดังกล่าวนั่น คือ 1) กลยุทธ์รองรับสำหรับการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกรณีมาบตาพุดหากศาล ไม่อนุมัติให้ดำเนินโครงการต่อไป 2) เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีเงินปันผล เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด 3) ลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

จากเงื่อนไขดังกล่าวสามารถกำหนดเป็น Themes การลงทุนได้ 5 ประเด็น ดังนี้

leaf 1) หุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสม่ำเสมอในปี 2552 ทั้งนี้รวมถึงมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นในไตรมาส 4/2552 ด้วย ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรโดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน โดยไม่ต้องคำนึงถึงความผันผวนของตลาด ได้แก่ CPN/MINT/PTTEP/ SCB/MAKRO/PTT/BGH/ADVANC/PS

leaf 2) หุ้นปันผล ซึ่งเหมาะสำหรับการซื้อลงทุนเมื่อราคาหุ้น ปรับตัวลง โดยเฉพาะการปรับตัวลงแบบตื่นตระหนัก (Panic Sell) โดย SCRI ได้คัดเลือกหุ้นโดยพิจารณาเฉพาะเงินปันผลในส่วนที่ยังไม่ได้จ่ายตามผลดำเนินงานใน 2H/52 ที่มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 5% นอกจากนี้พบว่าหุ้นกลุ่มเงินปันผลเหล่านี้มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นในปี 2553 (ตัวเลขในวงเล็บเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล) ได้แก่ TMT (9.5%)/TRT (9.1%)/SIRI (8.6%)/PF (6.5%)/MODERN (6.3%)/BCP-DR1 (6.1%)/SPALI (5.9%)/TIPCO (5.1%)

leaf 3) หุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นกลุ่มนี้ไม่มี ผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศ ในขณะที่แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2553 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการของจีนและอินเดีย โดยสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นระยะยาว ได้แก่ น้ำมันดิบ ถ่านหิน ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มราคา ปรับขึ้นระยะสั้น ได้แก่ น้ำตาล ข้าวโพด ถั่วเหลือง ดังนั้นจึงแนะนำซื้อลงทุน PTTEP BANPU และซื้อเก็งกำไร TVO KSL

leaf 4) หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ทั้งนี้เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มกำไรจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นใน 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรปกติ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สายอะโรเมติกซึ่งในปี 2553 จะมีตัวช่วยจากความต้องการของจีนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์และสิ่งทอ

ทั้งนี้ รวมถึงประเด็นข่าวการควบรวมกิจการมีแนวโน้มชัดเจนขึ้น หลังจากมีความคืบหน้าในเรื่องการแก้ไขปัญหาในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สำหรับการลงทุนใน Theme นี้ เหมาะสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ทางด้าน SCRI คาดว่าประเด็นการควบกิจการในครั้งนี้หุ้นที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่มีโอกาสเกิดการควบรวมก่อนคือ PTTAR และ IRPC ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นทั้งสองมีแนวโน้ม Outperform ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า แต่หากประเมินความได้เปรียบจากการควบรวมของทั้งสองหุ้น SCRI ให้น้ำหนักความน่าสนใจที่ PTTAR มากกว่า โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 27.76 บาท สำหรับ IRPC มีมูลค่าเหมาะสมที่ 4.51 บาท สำหรับการลงทุนระยะยาวยังคงเลือก TOP มูลค่าเหมาะสมที่ 55 บาท โดยประเมินการปรับตัวจะ Outperform ในระยะต่อไปเมื่อมีการเปรียบเทียบความถูกแพงกับหุ้นที่มีการควบรวม

leaf 5) การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกรณีมาบตาพุด ซึ่งได้แก่ PTTCH SCC PTT GLOW ผมประเมินว่า SCC และ GLOW สามารถลงทุนได้ในระยะยาว เนื่องจากโครงการสำคัญไม่ได้รับผลกระทบ ส่วน PTT แนะนำขายทำกำไร บริเวณ 260 บาท หากศาล ไม่อนุมัติให้ดำเนินโครงการโรงแยกที่ 6 เช่นเดียวกันกับ PTTCH แนะนำขายทำกำไร บริเวณ 77 บาท แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวสามารถทำได้ โดย PTT มีมูลค่าเหมาะสม 319 บาท ซึ่งสะท้อนความล่าช้าในโครงการมาบตาพุด 1 ปี ส่วน PTTCH มีมูลค่าเหมาะสม 80 บาท

สุดท้าย ผมอยากแนะนำให้นักลงทุนเลือก Theme การลงทุนที่คิดว่าท่านเข้าใจและรับความเสี่ยงได้เพียง 1-2 Theme ก็เพียงพอ ครับ ไม่จำเป็นต้องเลือกทั้ง 5 ครับ...พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ


Credit : รายงานโดย :สุกิจ อุดมศิริกุล:  วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553  posttoday.com

แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 19:14:39

จากคุณ : คนจนที่อยากรวย
เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 19:13:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com