ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าหากยังไม่เข้าใจ โปรดดูข้อมูลตัวเลขข้างล่างนี้ ซึ่งอธิบายวิธีการลงทุนสร้างฐานะว่า ลงทุนทุกปี ปีละ 14,000 บาท ถ้าได้ผลตอบแทนปีละ 20% ทุก 10 ปีจะมียอดเงินสะสมดังนี้ - ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท - ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท - ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท - ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท นั่นหมายความว่าหากคุณมีเงินเก็บสะสมอยู่แล้ว 360,000 บาท ก็ขอแสดงความยินดีที่คุณสามารถ ลดระยะเวลาของการลงทุนไป 10 ปี ขอเพียงคุณลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนอย่างงาม (20%ขึ้นไป) อีก 30 ปีคุณจะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน หากคุณมีเงินทองอยู่แล้ว 2,610,000 บาท ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะว่าคุณลดระยะเวลาการลงทุนไป 20 ปี หรือหากคุณมียอดเงินอยู่แล้ว 16,550,000 บาท ก็ยิ่งวิเศษใหญ่ เพราะว่าคุณลดระยะเวลาการลงทุนถึง 30 ปี อีก 10 ปีคุณก็จะเป็นเศรษฐีร้อยล้าน มีคนทั่วไปเห็นว่า เมื่อฝากเงินกับธนาคารจะได้รับดอกเบี้ย เมื่อทบดอกเบี้ยเข้าไป จะได้ดอกทวีคูณ เมื่อนานเข้าน่าจะเป็นเงินก้อนใหญ่ คนที่มีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะไม่เข้าใจวิธีการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น ถ้าพบว่าภายใต้เงินก้อนเดียวกัน ผ่านระยะเวลาดอกเบี้ยทบต้นเท่ากัน แต่ดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นแตกต่างอย่างมหาศาลน่าแปลกใจมาก ตัวอย่างคน ๆ นึงฝากเงินกับธนาคารทุกปี ปีละ 14,000 บาท เป็นเวลา 40 ปี รับดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 5% แล้วนำดอกเบี้ยทบต้นเข้าไป คุณคิดว่า 40 ปีให้หลัง คน ๆ นี้จะมีเงินสะสมเท่าไร ? คำตอบคือ 1,690,000 บาทเท่านั้น คำตอบที่ได้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังนี้ 14,000 x (1+5%)^40 / 5% = 1,690,000 ในขณะที่ตัวอย่างร้อยล้านจากวิธีคำนวณข้างต้น แต่ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี 14,000 x (1+20%)^40 / 20% = 102,810,000 ทั้งสองรายการนี้ใช้เงินลงทุนเท่ากัน ระยะเวลานานเท่ากัน ต่างกันที่ผลตอบแทน 5% กับ 20% ทั้งสองรายการได้ผลตอบแทนต่างกันถึง 70 กว่าเท่า นี่คือลักษณะเฉพาะของ “ดอกเบี้ยทบต้น” จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:22:32

ความคิดเห็นที่ 2 จากตัวอย่างที่ยกมานี้แสดงว่า เคล็ดลับข้อหนึ่งของการลงทุนสร้างฐานะ อยู่ที่ให้ผลตอบแทนสูงต่ำแค่ไหน ฉะนั้นจุดสำคัญของการลงทุนไม่ใช่อยู่ที่นำเงินไปลงทุนหรือยัง หากแต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณลงทุนอย่างไร และให้ผลตอบแทนสูงต่ำแค่ไหน สมมติว่าคน ๆ นึงเก็บเงินปีละ 500,000 บาท แล้วนำไปฝากประจำดอกเบี้ย 5% กับธนาคาร ขอถามว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร ค่อยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน คำตอบคืออีก 200 ปี คิดดูสิว่าคน ๆ นึงเก็บเงินปีละ 500,000 บาท ก็ว่ายากอยู่แล้ว คิดมีอายุถึง 200 ปีนี่เป็นไปไม่ได้เลย โดยทั่วไปคนเรามีอายุเฉลี่ยประมาณ 75 ปี สองชาติเท่ากับ 150 ปี ถ้าอย่างนั้นคนที่ฝากเงินกับธนาคาร ต้องรอถึงชาติที่สามจึงได้เป็นเศรษฐี ในทางกลับกัน ถ้าหากคุณรู้จักลงทุนอย่างถูกทาง ใช้เวลา 40 ปี หรือประมาณครึ่งชีวิต ก็มีสิทธิเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้ จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:23:15

ความคิดเห็นที่ 3 “..... การเก็บเงินปีละ 14,000 บาท จะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้านน่าสนใจมาก แต่ถ้าทำตามวิธีการของคุณ ต้องรอถึง 40 ปี ทำให้ใจห่อเหี่ยว .....” “..... ต้องรอถึง 40 ปีค่อยเป็นมหาเศรษฐี ดีไม่ดีตายกลายเป็นผีไปแล้ว คุณมีเคล็ดลับช่วยให้ร่ำรวยเร็วขึ้นมั้ย ? .....” การสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลา ภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล คนส่วนหนึ่งรู้คำตอบแล้วว่า ถ้าเก็บเงินลงทุนแบบนี้ 40 ปี จะได้เงินร้อยกว่าล้าน จึงทายว่า 10 ปีน่าจะได้สัก 5 ล้าน บางคนทายว่าประมาณ 1 ล้าน แต่ว่าคำตอบที่คำนวณได้น่าแปลกใจเหมือนกันคือได้แค่ 360,000 บาท เมื่อเทียบกับลงทุน 40 ปี ได้ร้อยกว่าล้าน แตกต่างกันถึง 300 กว่าเท่า ยังดีที่มีคนตั้งคำถามแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีผู้ทำตามวิธีการนี้ เก็บเงินไปลงทุนปีละ 14,000 บาท นำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนปีละ 20% นึกว่านานเข้าคงร่ำรวยเป็นเศรษฐี คิดไม่ถึงว่าแค่สิบปีมีเงินสะสมแค่สามแสนหก คงเข้าใจว่าถูกหลอกซะแล้ว ต้องเข้าใจว่านี่เป็นการ “วิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่งร้อยเมตร” สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว การลงทุนสร้างเนื้อสร้างตัว เงื่อนไขข้อแรกอยู่ที่เวลา คุณต้องผ่านการรอคอยจึงจะเห็นผล เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% ทบต้นไปเรื่อย ๆ ในปีต่าง ๆ - ปีที่ 5 ยอดเงินสะสม = 100,000 บาท - ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท - ปีที่ 15 ยอดเงินสะสม = 1,010,000 บาท - ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท - ปีที่ 25 ยอดเงินสะสม = 6,610,000 บาท - ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท - ปีที่ 35 ยอดเงินสะสม = 41,280,000 บาท - ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท นี่เป็นข้อสังเกตที่ว่าทำไมหาเงินเพิ่มอีก 10 ล้านบาท ยังง่ายกว่าหาเงิน 1 ล้านบาทแรกมากนัก จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:23:42

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับคนที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยมือเปล่า คงมีประสบการณ์อย่างนี้มาแล้ว หมื่นแสนเรื่องราวตอนเริ่มต้นนั้นลำบากที่สุด ตอนแรกเริ่มกว่าจะหาเงินได้ช่างลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองหายากหาเย็นถึงเพียงนี้ แต่หลังจากประสบความสำเร็จ เงินทองก็ไหลมาเทมา เรียกว่าอยากจะหยุดยั้ง ก็ยั้งไว้ไม่อยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองกลายเป็นหาง่ายเพียงนี้ ทุกคนอยากจะหยิบเงินล้านที่สอง หรือหยิบเงินสิบล้านแบบง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นก็ภาวนาให้เงินไหลมาเทมา ปัญหาอยู่ที่ก่อนจะหยิบเงินล้านที่สอง ต้องมีเงินล้านแรกก่อน ทำอย่างไรจึงจะได้เงินล้านแรก ? เศรษฐีส่วนใหญ่สร้างเนื้อสร้างตัวจากเงินก้อนเล็ก ๆ ผ่านวันเวลาอันยาวนาน ค่อย ๆ เก็บสะสม ตอนแรกเป็นเงินก้อนเล็ก ๆ แทบไม่น่าเชื่อ แต่ความสำเร็จเรียงร้อยจากความสำเร็จเล็ก ๆ ทั้งหลาย สะสมพอกพูนเป็นสมบัติกองโต แสดงให้เห็นว่า “เวลา” มีความสำคัญต่อการลงทุนสร้างฐานะ ความ “อดทน” เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต้องมี และไม่ใช่อดทนไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี ยิ่งอดทนยี่สิบสามสิบปี หรือสี่สิบห้าสิบปี พลังที่จะสร้างความร่ำรวยก็ยิ่งใหญ่โตมโหฬาร แต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของ “อาหารจานด่วน” ทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล เวลาทานอาหารก็รับประทานอาหารแบบฟาสต์ฟู้ด ส่งจดหมายก็ใช้บริการด่วนพิเศษ ขับรถก็ต้องขึ้นทางด่วน แม้แต่การศึกษาก็ยังใช้วิธีเรียนลัด ผู้คนยิ่งมายิ่งหวังผลทันตาเห็น กลายเป็นรีบร้อนเร่งด่วน ขาดซึ่งความอดทน แม้แต่การลงทุนสร้างฐานะก็ไม่มีข้อยกเว้น จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:24:24

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเป็นกิจกรรมอย่างอื่น อาจเร่งความเร็วได้ แต่การลงทุนสร้างฐานะเร่งเร็วไม่ได้ เพราะ “เวลา” เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการสร้างตัว ยิ่งเร่งเร็วยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งส่วนมากจะ “เลิกล้มกลางคัน” เมื่อเจอกับเงื่อเวลา ก็เกิดความท้อถอย พาลขายหุ้น ขายอสังหาริมทรัพย์ เดินออกจากตลาดหุ้น หารู้ไม่ว่าการขาดความอดทนและความตั้งใจ ยากจะพบกับความสำเร็จได้ การลงทุนสร้างฐานะต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะเกิดความร้อนใจ พอร้อนใจก็ทำเรื่องเสี่ยง ๆ ฉะนั้นแทนที่จะพบกับความสำเร็จ กลับกลายเป็นล้มเหลว ไม่ว่าการสร้างสมความร่ำรวยก็ดี การสั่งสมประสบการณ์ก็ดี ไม่สามารถบรรลุได้ในเวลาชั่วข้ามคืน หากแต่ต้องใช้เวลาเข้าแลกมา คนที่อยากรวยทางลัด ได้แต่ใช้วิธีสุ่มเสี่ยงหรือว่าเล่นพนัน หรือทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ๆ แต่ผลของมันคือสิ้นเนื้อประดาตัว จะช้าหรือเร็วเท่านั้น คนที่อยากรวยเร็วไม่เหมาะกับการลงทุนสร้างฐานะ เพราะการลงทุนแบบช้าหน่อยแต่ชัวร์แน่นอน พลังที่สร้างฐานะจะใหญ่โตกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลานานกว่าที่พวกเรานึกเอาไว้ด้วยเช่นกัน ลองนึกดูว่าคุณแม่ต้องผ่านการอุ้มท้องกว่าสิบเดือน ชาวนาปลูกข้าวก็ต้องรอน้ำรอฝน ต้นข้าวจึงจะออกรวงได้ การพอกพูนของเงินทองก็เหมือนกับการเติบโตของชีวิต ผ่านวันผ่านเดือนผ่านปี ได้รับดอกเบี้ยทบต้น ไม่ใช่ถึงเป้าที่วางไว้ในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน นักลงทุนบางคนทำกำไรมหาศาลในชั่วข้ามคืน แต่ก็สิ้นเนื้อประดาตัวเพียงชั่วข้ามคืนได้เช่นกัน จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:24:41

ความคิดเห็นที่ 6 อาจจะดูสุดขั้วไปหน่อยสำหรับ case 1 case 1   20% ต่อปี,  40 ปี 14,000 x (1+20%)^40 / 20% = 102,810,000 เรามาสร้าง case ที่เป็นไปได้คือ ผลตอบแทน 10 % ต่อปี , 40 ปี คำตอบที่ได้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังนี้ 14,000 x (1+10%)^40 / 10% = 6,336,295 หกล้านกว่าๆ เคสนี้มีความเป็นไปได้มากหน่อย ครับ ขอให้สำเร็จทุกคนครับ จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:33:47

ความคิดเห็นที่ 7 ซื้อหุ้น ได้ปีละ 20% มา 39 ปี...ปีสุดท้าย ไปซื้อ  PTT13CA   ลืมแปลง   เหลือ 0 .......... ความอัศจรรย์(ไร) ของตลาดหุ้น  :) จากคุณ : ทางของเรา เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:37:23

ความคิดเห็นที่ 8 #6 อันที่จริงก็เป็นเคสที่ดีครับ ผมเห็นว่าควรเก็บเงินต่อเดือนให้เยอะกว่านี้สัก 2-3 เท่า เพราะคนปกติ อาจจะเริ่มตั้งสติได้ตอนอายุ 30 เท่ากับเหลือเวลาทำงานได้ราวอีก 30 ปี อีกอย่างคือ ค่าเงินที่ท่านเก็บจะลดลงตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น สมัยก่อนตอนผม 7 ขวบ จำได้ว่าโค้กขวดละ 6 บาท อีก 20 ปีถัดมาราคาเพิ่มเป็น 10 บาท ตีเสียง่ายๆว่า ราคาของแพงขึ้น 2 เท่า ทุกๆ 20 ปี ดังนั้นเงิน 1 ล้านบาทในตอนนี้ จะมีค่าเหลือเพียง 5 แสนบาทในอีก 20 ปีข้างหน้า หรือเหลือ 2.5 แสนบาทในอีก 40 ปีข้างหน้า ลองคำนวณดูครับว่า ตอนคุณอายุ 60 ปี และต้องใช้ชีวิตจนกว่าจะลงโลงอีกราว 20 ปี ควรมีเงินเก็บเท่าไร จากคุณ : อาร์ตี้ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:02:20

ความคิดเห็นที่ 9 เอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 20 % ต่อปี .... อย่างนี้เขาเรียกว่าดอกเบี้ยทบต้นด้วยเหรอ เอาไปลงทุนอะไรกัน ธนาคารไหนมีโปรฯ ให้ดอกเบี้ยมากกว่า  5 % ตั้งแต่วันแรกที่ฝากและต่อเนื่องตลอดไป ไม่หมกเม็ดเหมือนโปรฯ มือถือ (สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ) ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการออมเงินแล้วฝันหวานครับ แต่ดูดอกเบี้ยที่เขาเอามาคำนวนแล้ว ฝันสลาย จากคุณ : ห้าแต้ม เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:27:16

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นบทความที่ดีครับ ถูกใจให้ 1 แต้มไปแล้ว ไว้ว่างๆจะเข้ามาอ่านอย่างละเอียดนะครับ แต่เท่าที่ผมทราบมา จะมีความหัศจรรย์ของเลข 72 ด้วยครับ คือ เอา 72 หารด้วยดอกเบี้ยที่ได้ ก็จะได้จำนวนปีที่เงินต้น+ดอกเบี้ย จะเป็นสองเท่าของของเดิม เช่น ฝากเงิน 10,000 บาท ดอกเบี้ย 12% ต่อปี ทุกปี และไม่มีการถอนออกเลย เป็นเวลา (72/12 = 6 ปี) จะมีเงินกลายเป็น 20,000 บาท ครับ จากคุณ : เด็กชายบ้องตื้น เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:38:56

ความคิดเห็นที่ 11 จะมั่นใจได้อย่างไรว่า 40 ปีต่อจากนี้ จะสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องได้ถึง 20% ต่อปี (10% ก้ได้) แล้วจะลงทุนในอะไรดีล่ะน้อ... ขึ้นชื่อว่าการลงทุน ก็มีความเสี่ยงที่จะเจ๊งได้นะ จากคุณ : natapolsri เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:59:15

ความคิดเห็นที่ 12 บอกด้วยคนดิ  ทำอะไร กำไรปีละ 20% แบบไม่มีหนี ไม่มีเจ๊ง  ฟังเผิน ๆ ดูดี นะ เอาจริง มั่วนิ่ม เงิน หมื่นสี่/ปี  เก็บได้เป็นหลักร้อยล้าน  เมาเบียร์แหง จากคุณ : เกมส์123 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 12:07:48

ความคิดเห็นที่ 13 ปัญหาคือ 20%ต่อปีนี่แหละ ผลตอบแทนเฉลี่ย(40 ปี)ของ Berkshire Hathaway อยู่ที่ 21.9% ต่อปี ถ้าทำได้ 20 คุณก็น้องๆ Buffett จากคุณ : Pigou เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 12:11:07

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ น่าสนใจมาก แต่แก่แล้วอะ คงอยู่ได้อีกไม่กี่ปี :( จากคุณ : yinton เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 12:33:53

ความคิดเห็นที่ 15 การทำผลตอบแทน เฉลี่ย 20% ต่อปี ทบต้นเป็น เวลา 40 ปี มันเป็นเรื่องยากเกินกว่าคนทั่วๆไปจะทำได้ นักลงทุนมืออาชีพก็ยังยากเลย ควรเปลี่ยนตัวเลขเป็น 10% ทบต้นจะดีกว่า ประชาชนทั่วไปถ้าศึกษาการลงทุนหน่อย ก็มีโอกาสทำได้ไม่ยากจนเกินไป ที่สำคัญที่สุดคนเราอยากรวยเร็วกว่านั้น คือ ไม่มีเวลายาวๆอะครับ อยากรวยเร็วๆ เอาจะได้เอาเงินมาใช้หาความสำราญ กว่าจะรวยแก่พอดี หามาไม่ได้ใช้ จากคุณ : diego เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 12:58:26

ความคิดเห็นที่ 16 แจ๋วไปเลย จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด (DiowMara) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 13:16:27

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นเรื่องจริง ที่หลายคนคิดว่าทำลำบากมาก จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 13:58:39

ความคิดเห็นที่ 18 กระทู้นี้ถูกใจผมมาก ให้ 3 กิ้ฟเรยครับ เยี่ยมยอดจิง ๆ จากคุณ : - (tonbanpa) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 14:53:52

ความคิดเห็นที่ 19 มันยากอะครับ  ผมไม่ชอบความเสี่ยง  พวกพันธบัตรกับฝากสหกรณ์มันดอกแค่ร้อยละ 3-4 เอง  ที่ว่าร้อยละ 10 ร้อยละ 20 ส่วนใหญ่ก็เสี่ยงเกินไปทั้งนั้น (เล่นหุ้น)  แล้วถ้าปีไหนเกิดขาดทุนล่ะครับ  การจะทำให้กลับมาได้กำไรยิ่งยากกว่าเดิมนะครับ ไม่ใช่สมัยก่อนที่จำได้ว่าฝากประจำได้ดอกเบี้ยร้อยละ 10-12 แล้วนะครับ  ตอนนี้ผมไม่มองดอกเบี้ยทบต้นเลย  แต่มองตัวเงินออมที่สามารถออมได้จริง  แล้วคูณด้วยระยะเวลา  เก็บได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น  ดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยทบต้นเป็นแค่ผลพลอยได้ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 15:46:54 จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 15:46:16

ความคิดเห็นที่ 20 20% ต่อเนื่อง 40 ปี นี่ระดับเซียนครับ ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป บทความน่าจะให้ความสำคัญกับเงินออม แทนที่จะเป็น 14000 ก็เป็นสักปีละห้าหมื่น บทความนี้แค่อยากสร้างฝันเท่านั้นเอง จากคุณ : jippi เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 16:07:23

ความคิดเห็นที่ 21 อยากสร้างฝัน ดีกว่าไม่เคยฝันเลย จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 16:22:01

ความคิดเห็นที่ 22 ที่ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% คล้อยหลังไป 40 ปี เว่อไปมั้ง 55555 ได้ปีละ 15% ก้เก่งคอดๆๆๆๆแล้วละ จากคุณ : Joey999 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 16:29:35

ความคิดเห็นที่ 23 ฟังดูดีนะ ร้อยล้าน พันล้าน ..เราเขียนเป็นตัวเลขได้ค่ะ แต่ในชีวิตจริงจะมีสักกี่คนที่ทำได้ ..คงได้แค่ฝัน อืม แต่อาชีพให้กู้นอกระบบแบบใครไม่จ่ายตบ ใครไม่จ่ายเตะ ใครไม่จ่ายก็ฆ่า นี่ก็น่าจะเข้าข่าย  ..แล้วก็น่าจะมากกว่าร้อยล้านนะ  เพราะคิดดอกร้อยล่ะ ๒๐ ต่อเดือนแน่ะ เอ..ไม่ก็อาชีพขายยาม้า เฮโรอีนล็อตใหญ่ ๆ หนึ่งล็อตแค่นี้เอง(แค่นี้เอง) ฟังดูง๊ายง่าย แต่เราคงเข้าคุกเร็วขึ้น เรารักอิสรภาพ  ด้วยเหตุนี้อ่านดูมันก็ดี แต่เราก็ขอคลานไปเรื่อย ๆ แบบนี้ดีกว่าค่ะ จากคุณ : NATTI นัทตี้ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 19:40:09

ความคิดเห็นที่ 24 ข้องใจเรื่องสูตรคำนวณนิดนึงครับ =14000*(1+20%)^40/20% =  102,884,009.76 =14000*(1+10%)^40/10% = 6,336,295.78 ต่างกันถึง 96,547,713.98 อ่านว่า 96 ล้าน เชียวเหรอครับ? จากคุณ : sace22 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 20:07:20

ความคิดเห็นที่ 25 เก็บปีละ 14,000 บาทไม่ยาก แต่ที่ยาก คือ ทำไงจะให้มีที่ลงทุนที่ให้ผลตอบแทน 20%/ปี ได้.. โดยไม่ต้องคอยห่วงหน้า พะวงหลังว่าเงินจะสูญ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 21:38:43

ความคิดเห็นที่ 26 ^ เห็นด้วยกับ คห. ของหมอก้อนดิน และเคยเห็นบทความทำนองนี้หลายครั้ง ...สงสัยเรื่องผลตอบแทน 20% ต่อปีเหมือนกันค่ะ จากคุณ : spymeaw เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 10:43:35

ความคิดเห็นที่ 27 แต่เราไม่รู้ว่าได้กำไร20% หรือเปล่า ไม่ได้ลงทุนอะไรแต่ให้น้องกู้และเก็บออมทรัพย์พอเป็นแสน ก็โยกฝากประจำมาตลอดไม่ค่อยได้ใช้เงินมีเท่าไหร่เก็บหมด  ไม่ได้ทำงาน ช่วยพ่อแม่ค้าขาย ได้เงินเดือน7000.-จำไม่ได้ว่าเก็บตั้งแต่อายุเท่าไหร่ตอนนี้48ปีก็ได้6.3ล้านจบปี52นี้ได้อีก7แสน=7ล้าน  อ่านบทความนี้ก็คิดว่าตัวเองคงเก็บแล้วประมาณ20ปี แอบคิดถ้า30ปีจะมี16ล้าน55555555555555+ จากคุณ : tcap เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 12:34:52

ความคิดเห็นที่ 28 ค้าขายได้เกิน 20% ต่อปี แต่มีปัญหาว่าจะขายอะไรดี ที่เอาทุนทั้งหมดมาวนได้และไม่เจ้งซะก่อนอ่ะ เล่นหุ้น กองทุน ทองแท่ง บางอย่างมีวิธีทำกำไรได้เยอะ แต่ปัญหาก็แยะด้วย เราโดนขาดทุนเพราะปัญหามาเยอะ ปีก่อนขาดทุนสี่แสน แต่ในปีเดียวกันเราทำกำไรได้สี่แสน เท่ากับเสมอตัว โชคดีมั๊ยล่ะ แต่ก็เลิกแล้ว หาวิธีปัญหาน้อยเครียดน้อยลงดีกว่า เงินที่ได้มาไม่พอรักษาหรอก เริ่มจากเล่นๆกำไรดี พอเอาจริงโอ้โฮ แทบลากเลือด พยายามหันไปทำเล่นๆอยู่อ่ะ เหอๆๆ จากคุณ : ประทัดสีรุ้ง (ประทัดสีรุ้ง) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 17:45:36

ความคิดเห็นที่ 29 แหม หลายๆคห.ก็นะ ...อ่านเป็นไอเดียสิครับ เอาไว้สร้างแรงบันดาลใจ อย่างน้อยก็เห็นตัวอย่างของพลังดอกเบี้ยทบต้นนะ ส่วนการตั้งเป้าหมาย ก็เป็นเรื่องสำคัญครับ แต่ก็ควรจะมีความเหมาะสมและเป็นไปได้ ที่สำคัญคือต้องมีความตั้งใจจริงที่จะทำให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ถ้าการใช้ชีวิตของเราทุกวันนี้ ทั้งการทำงาน การใช้จ่าย การกิน การเที่ยว ฯลฯ แบบเดิมๆไม่สามารถทำให้เรารวยเป็นร้อยล้านได้ คุณก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองซะก่อนครับ....หลักๆก็ หาทางเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และแสวงหาความรู้เพิ่มเติม เพราะนี่คือการวางแผนระยะยาวครับ ไม่ใช่การเสี่ยงโชคหรือรอถูกหวย จากคุณ : จิงนะ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 10:48:49

ความคิดเห็นที่ 30 ผมว่าถึงทำได้จริงก็คงเป็น 40 ปีที่นอนไม่หลับสักคืนแน่ๆ  return 20% กับความเสี่ยงที่พ่วงมา จากคุณ : VKmashimaro เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 01:50:44

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ปีละ 15% ถือว่าเทพสุดๆ   พอถึงปีที่40 เมื่อเวลาผ่านไป ค่าของเงินก็ลดลง ซึ่งเกิดจากเงินเฟ้อ ยอดเงินสะสมจาก 102,810,000 บาท เมื่อถึงเวลานั้น ก็มีค่า แค่เพียง สิบล้าน T_T ถ้าคิดว่าเก็บให้ลูกหลานใช้ด็ดีไป สำหรับเวลานั้น อายุ25+40  ไม่รู้ว่า พี่ปอจะมารับไปแล้วหรือป่าว ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะค่ะ จากคุณ : . . . (น้องม้า) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 15:48:35

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนต้นๆอาจสนุกที่ทำได้ 20% หรือมากกว่าต่อปี ทำได้แน่ ๆ แต่พอมีเงืนเยอะ ๆ มันยากกกกกก มากครับ จากคุณ : หนุ่มไฮโซ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 16:51:22

ความคิดเห็นที่ 33 ยังงงกับสูตร 14,000 x (1+20%)^40 / 20% = 102,810,000 (1+20%)^40 (ยกกำลังหรือป่าครับ)= z z / 20%        = y y * 14000  =  A   A = 102,884,009.76 จากคุณ : MFS (MFS) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 22:24:36