![](/cafe/image/w50px.gif) |
การเริ่มเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และการเลือกหุ้นที่จะลงทุน (อยากให้คุณ คุณ TAN2527 คุณ khunden และนักลงทุนหน้าใหม่ อ่าน)
|
|
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เล่นหุ้นกินปันผลไม่มีทางที่จะทำให้เงิน 3 แสนเป็นล้านได้ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปีหรอกครับ หุ้นดีๆ ปันผลแค่ราว 4% และมีไม่ถึง 5 ตัวได้มั้ง ที่จะปันผลถึง 10% ของราคาหุ้น ต้องเล่นหุ้นเพื่อ capital gain (กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น) ครับ
ก่อนจะเข้าตลาดฯ หุ้นให้ศึกษาดังต่อไปนี้ :
1. อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐาน เช่น ของดร.นิเวศน์ หรือคุณวิกรม หรือ หนังสือแปลของวอเรน บัฟเฟต์หรือ ปีเตอร์ ลินซ์ ซึ่งที่เป็นนักลงทุนที่ประสพความสำเร็จอย่างสูงในตลาดฯ โดยไม่ต้องลงทุนบ่อยๆ (มักซื้อหุ้นพื้นฐานดีจริงๆ ตอนเกิด crisis)
หมายเหตุ : หรือที่คุณ ขอบฟ้าบูรพาแนะนำคือ ภาษาไทย ดีแตก, one up on wall street ฉบับแปล, beating the street ฉบับแปล, the intelligent investor ฉบับแปล, มหัศจรรย์แห่งเทคนิค, หลักการพนัน, จิตวิทยาการลงทุน, หนังสือเทคนิคโหลดฟรีของเอเชียพลัส ภาษาปะกิต - the disciplined trader, trading in the zone, trading for a living, come into my trading room, Market Wizards หรือที่คุณ Bobby_GN แนะนำ 1. คัมภีร์หุ้น 1&2 ของ โสภณ ด่านศิริกุล, 2. อยากรวยต้องรู้ เล่ม 1-4 ของ ตลาดหลักทรัพย์
สามารถหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือ B2S ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ถ.รัชดา หรือ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ที่สยามสแควร์ หรือ สำนักพิมพ์ซีเอ็ด ครับ
2. เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีๆ โดยอาจศึกษาจาก www.set.or.th -> ข้อมูลบริษัท/หลักทรัพย์ -> ตราสารทุน -> ข้อมูลรายบริษัท/หลักทรัพย์ จะมีงบการเงินรวมถึงเงินปันผล ของทุกบริษัทที่ list ใน SET ที่เพิ่งประกาศ และ ย้อนหลังไปหลายปี
3. เวลาลงทุน ขณะใดขณะหนึ่งไม่ควรมีหุ้นเกิน 4 ตัว ถึงจะเล่นด้วยปัจจัยพื้นฐาน แต่คนๆ หนึ่งดูหุ้นเกิน 4 ตัวในภาวะตลาดฯ วิ่งเร็วๆ มากไม่ทันหรอกครับ
4. เวลาลงทุน ควรเล่นเฉพาะหุ้น cream ในแต่ละอุตสาหกรรม (sector) ไม่ควรเล่นหุ้นรองๆ เพราะจะขึ้นช้ากว่า ลงก็แรงกว่า หุ้นที่เป็นตัวนำ (หุ้นนำเปลี่ยนแปลงได้ในระยะปานกลางเมื่อปัจจัยพื่นฐานเปลี่ยน) โดยอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ (ราคาวิ่งเร็วกว่าตลาดฯ) คือ energy (PTT), communication (AIS) และ bank (KBANK) ส่วนอุตสาหกรรมที่กินเงินปันผลคือ agricultural และประกัน (ราคาวิ่งไม่มากนัก)
หมายเหตุ : กลุ่มอุตสาหกรรม energy มีน้ำหนักต่อ SET ถึง 35-40% ดังนั้น ราคาหุ้นกลุ่มนี้ มีผลต่อ SET อย่างสูง
5. ศึกษาความรู้ทางเทคนิค (ใช้กราฟวิเคราะห์) เพื่อหาจังหวะการลงทุน น้องพลูดาว อะตอม แนะนำ เวป เทคนิคคอล ให้ศึกษากันครับ http://www.informedtrades.com/th/trades.php?page=freetradingcourses ภาคภาษาไทย โดยสามารถดูจากหน้าจอ e-finance หรือ router ที่ห้องค้า (ถ้า trade ด้วย internet ไม่ค่อยได้ไปห้องค้า ติดต่อบริษัท IRS เบอร์โทรฯ 02-650-7930 ถึง 1) ===== จังหวะเวลาในการลงทุนสำคัญมาก (ปัจจัยพื้นฐานเลือกหุ้น ปัจจัยเทคนิคบอกจังหวะในการซื้อหุ้น) =====
หมายเหตุ : ตอนแรกศึกษาและใช้เทคนิเคิ่ลง่ายๆ ก่อนก็ได้ครับ เช่น moving average, MACD, Modified Stochastics เมื่อมีประสบการณ์ปี-2ปี ค่อยศึกษายากๆ แบบ Elliot wave ที่มี post อยู่บ่อยๆ โดยคุณ yinton กระทู้ชื่อประมาณ update Elliot wave SET ครับ
หมายเหตุ : technical บอกโดยประมาณว่า จุดรับจุดแรกประมาณ 650-675 และถ้าสถานการณ์เลวร้ายจะลงไป 525-550 ซึ่งไม่น่าจะตกต่ำกว่านี้ครับ (แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านครับ)
4. ศึกษาจิตวิทยาการลงทุน เช่น ให้เล่น follow the market ไม่มีใครชนะตลาดฯ ได้ (คือ ไม่ใช่ตั้งเป้ากำไรหรือขาดทุน ดูตามภาวะตลาด ถึงบางครั้งจะดูเหมือนไม่สมเหตุสมผลก็ตาม เพราะบางทีเราอาจไม่รู้ลึกพอ), การเล่นสวนทาง วิกฤต คือโอกาสซื้อ เช่น hamburger crisis หรือ เหตุการณ์เมษาปีก่อน เป็นต้น, นักลงทุนไม่ชอบภาวะอึมครึม (จะลงทุนเมื่อสถานการณ์เริ่มชัดเจน) ฯลฯ หนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มีน้อย อาจอ่านจากบางกระทู้ของเพื่อนๆ พี่ๆ ในห้องสินธร
5. cut loss, let profit run สมมติเช่น ถ้าเราตัดสินใจลงทุนพลาด 6 ครั้ง (ใน 10 ครั้ง) แต่เสียน้อย (cut loss) ขณะที่กำไร 4 ครั้ง แต่กำไรมาก (let profit run) เราจะชนะตลาดฯ ได้ ===== การกล้า cut loss และไม่รีบ cut กำไร เป็นคีย์สำคัญของความสำเร็จ =====
6. เลือกโบรกเกอร์ที่มีบทวิจัยดีๆ เช่น โบรกฯ ที่ต้อง serve นักลงทุนต่างประเทศ เช่น ภัทรธนกิจ, บัวหลวง, กสิกรไทย (K-Sec), ทรินิตี้, กิมเอ็ง, เคจีไอ ฯลฯ ที่มีสาขา/สนญ.ใกล้บ้านหรือที่ทำงาน และศึกษากฏเกณฑ์การซื้อขายจาก marketing
7. ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดฯ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย (ดอกเบี้ยขึ้นหุ้นลง ดอกเบี้ยลงหุ้นขึ้น), มูลค่าดอลล่าร์ (ดอลลาร์ขึ้นหุ้นเอเชียลง ดอลลาร์ลงหุ้นเอเชียขึ้น), เศรษฐกิจ & การเมืองของต่างประเทศ, เศรษฐกิจ & การเมืองในประเทศ), ราคาน้ำมันขึ้น ราคาหุ้นกลุ่ม sector พลังงานขึ้น เป็นต้น
8. ดัชนีหุ้นที่มีผลต่อไทยมากที่สุด ได้แก่ ดาวโจนส์ (ของอเมริกา) และฮั่งเซ็ง (ของฮ่องกง) โดยสามารถดูได้จาก www.finance.yahoo.com -> Market Summary (US Dow) สำหรับดัชนีดาวโจนส์ ด้านล่างกราฟ >> view more indices -> world -> Asia/Pasific -> ^HIS สำหรับดัชนีฮั่งเซ็ง อาจดูที่ chart ได้สำหรับกราฟการเคลื่อนไหวภายใน 1 วัน/5 วัน/3 เดือน/6 เดือน เป็นต้น ส่วนใหญ่มีผลต่อการวิ่งของหุ้นไทย (บางทีเป็นรายนาทีเลยทีเดียว) หลังฮั่งเซ็งปิดตลาดฯ (ก่อนตลาดไทยปิดราว 1 ชมครึ่ง) หรือ หุ้นตกลงมามากแล้ว ตลาดฯ ไทยอาจเคลื่อนไหวโดยไม่อ้างอิงฮั่งเซ็งอีก
สำหรับราคาน้ำมันดูได้จาก www.bloomberg.com (ดูดัชนีหุ้นประเทศต่างๆ และ futures ได้ทางด้านขวา) -> Market Data -> Commodities -> Energy Price ดู Dated Brent Spot (ราคาน้ำมันทะเลเหนือ) เป็นหลัก
นอกจากนั้น การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศและกองทุน (อีก 2 ประเภทคือ นักลงทุนรายย่อยและ port โบรกเกอร์) โดยถ้าต่างประเทศและ/หรือกองทุนซื้อ หรือ ขายต่อเนื่อง จะมีผลอย่างมากต่อดัชนีตลาดฯ และหุ้นไทย (ดูได้จากนสพ.ธุรกิจเช่น กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการ และที่ post ในห้องสินธร (ที่ประกาศช่วงเช้าจะเป็นมูลค่าโดยประมาณ ไม่เป็นทางการ)
ก่อนเริ่ม trade ช่วงเช้าดูข่าวเศรษฐกิจ (ซึ่งคุณ luck me จะสรุปให้ในห้องสินธรเกือบทุกวัน) ราคาน้ำมัน ดัชนีดาวโจนส์ ฮั่งเซ็ง ข่าวปัจจัยพื้นฐานที่โบรกเกอร์ research มา และ support & resistance ทางเทคนิคทุกครั้ง ก่อนเริ่ม trade ช่วงบ่าย ดูดัชนีฮั่งเซ็ง และ support & resistance ทางเทคนิคทุกครั้ง
9. เริ่ม trade โดย moke trade (ซื้อขายโดยกระดาษก่อน บันทึกว่า กำไร/ขาดทุน/เหลือเงิน/มูลค่าหุ้น mark ตามราคาปิด เป็นเท่าไหร่, ทำไมเราจึงซื้อ/ขายในสถานการณ์นั้นๆ) หรือ เล่น เล่นClick2Win 2010 ครับ กำลังจะเปิดรับสมัครวันที่1-28กุมภา นี้ครับ http://click2win.tsi-thailand.org/SETClick2WIN/index.jsp
10. moke trade ได้สักพัก พอเริ่มมั่นใจ ลองเล่นสัก 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 3 ของ port ก่อน เพราะการซื้อขายในสถานการณ์จริง ไม่เหมือนกับ trade โดยกระดาษ เพราะเป็นเงินของเราจริงๆ จะมีความกดดันมากกว่า พอมั่นใจว่ามาถูกทาง จึงเพิ่มการลงทุนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามควรมีเงินสดหรือลงทุนใน money market (กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้) สัก 20% ของเงินทั้งหมด เผื่อขาดเผื่อเหลือ
11. หมั่นอ่านกระทู้ดีๆ โดยเฉพาะที่ได้รับการโหวตเป็นกระทู้แนะนำของห้องสินธร รวมถึงหนังสือดีๆ ที่ list มาในข้อ 1
12. เมื่อไหร่ที่ผิดพลาด ให้จดบันทึกไว้เป็นบทเรียน และอ่านทุกวัน ถ้าทำผิดซ้ำๆ ในเรื่องเดิมเกิน 2-3 ครั้ง ควรออกจากตลาดฯ ชั่วคราว เพื่อ refresh ตัวเอง
ขอให้คุณ TAN2527 คุณ khunden และนักลงทุนหน้าใหม่ทุกท่าน จงมีวินัยในการลงทุน แล้วจะมีโชคดีตามมาเองครับ
หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
เพื่อนๆ พี่ๆ ที่อยากเพิ่มเติม หรือ เห็นแย้งกับผม เชิญ post ความเห็น เพื่อเป็นวิทยาทาน และ ทำให้กระทู้นี้มีความเห็นหลากหลายมากยิ่งขึ้นครับ
แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 21:31:17
แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 09:32:49
แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 09:21:08
แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 09:14:33
จากคุณ |
:
เลขาลิขิต
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.พ. 53 09:07:15
|
|
|
| ![](/cafe/image/w50px.gif) |